ASTVผู้จัดการรายวัน-ระทึก! กทม. เหล็กเส้นโครงการเงินกู้ 2ล้านล้าน “รถไฟฟ้าสายสีม่วง” หล่นใส่รถยนต์ประชาชน พังยับ 4 คัน เจ็บ1 คน "ชัชชาติ"สั่งดูแลผู้บาดเจ็บและเสียหาย ยันโครงการเงินกู้ต้องปลอดภัย สั่งรฟม.เข้มงวดผู้รับเหมาอย่าสะเพร่า ด้านรฟม.โบ้ยผู้รับเหมาไม่ทำงานตามมาตรการความปลอดภัย
วานนี้(6 มิ.ย.56) เกิดเหตุระทึกใจกลางเมืองกรุง เวลาประมาณ 09.30 น. เมื่อแท่งเหล็กเส้น 10 เส้น
ยาวประมาณ 10 เมตรบริเวณจุดก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) ช่วงสถานีเตาปูน
ได้หล่นลงมาทับรถแท็กซี่และรถยนต์รวม 4 คันที่กำลังวิ่งอยู่บนถนนตามถนนประชาราษฎร์สาย 2 ด้านล่าง
เสียหาย และมีผู้บาดเจ็บ 1 คน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเรียกวิศวกรผู้ควบคุมงาน และคนขับรถเครนไปสอบปากคำ
ขณะเดียวกันก็จะประสานผู้เชี่ยวชาญมาประเมินตรวจสอบอุปกรณ์ในการก่อสร้างที่ทำให้เกิดเหตุดังกล่าว
เพื่อสรุปว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากความประมาทของตัวบุคคล หรือการเสื่อมคุณภาพของวัสดุอุปกรณ์
ก่อนจะมีการแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินได้รับความเสีย
หาย ซึ่งจะมีการเยียวยาชดใช้ค่าเสียหายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ชี้แจงกรณีเกิด
อุบัติเหตุ ว่าได้ตรวจสอบแล้วพบว่าอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่ถนนประชาราษฎร์สาย 2 สถานีเตาปูน ขณะ
คนงานของกิจการร่วมค้า CKTC ผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ กำลังเคลื่อนย้ายเหล็ก
รูปพรรณ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5-3 นิ้วความยาวประมาณ 13 เมตร จำนวน 10 เส้น เกิดอุบัติเหตุหล่น
ลงใส่รถยนต์ จำนวน 4 คัน และรถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย จากกระจก
บาดเท้า และได้นำส่งโรงพยาบาลบางโพเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ กิจการร่วมค้า CKTC ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ดูแล
ผู้บาดเจ็บและผู้เสียหายเรียบร้อยแล้ว สำหรับสาเหตุของอุบัติเหตุดังกล่าว รฟม.กำลังดำเนินการตรวจสอบข้อ
เท็จจริงและจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป และ รฟม. ได้สั่งการให้บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้างเพิ่ม
มาตรการความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้อีก
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ได้รับรายงานอุบัติเหตุที่
เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งบริษัทที่รับเหมาต้องรับผิดชอบผู้เสียหายตามขั้นตอนนอกจากนี้ได้สั่งการให้รฟม. ดูแลการทำ
งานของผู้รับเหมาอย่างเข้มงวด และต้องไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นอีก รวมถึงให้เร่งสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้น
ด้วย
“อาจจะมีความหย่อนยาน ก็ต้องลงไปขันน็อตอีก จากนี้ต้องให้ความระมัดระวังมากขึ้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุทาหรณ์ที่จะต้องนำมาปรับปรุงและเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยในการก่อสร้าง
โครงการขนาดใหญ่ที่จะมีจำนวนมากจากพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท จะต้องดูแลชีวิตและทรัพย์สินทั้งคน
ทำงาน ไซด์งานและของประชาชนภายนอก”
สำหรับสถานีเตาปูนอยู่ในสัญญาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ)
สัญญาที่1 ช่วงเตาปูน-สะพานพระนั่งเกล้า มีกิจการร่วมค้า ซีเคทีซี (CKTC JOINT VENTURE)
ซึ่งมีบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)และบริษัท โตคิว คอนสตรัคชั่น จำกัด ร่วมทุน วงเงิน 13,441 ล้าน
บาท ดำเนินการก่อสร้างระยะทาง 12 กิโลเมต่ รวม 8 สถานี
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมาได้เคยเกิดเหตุกำแพงคอนกรีตโครงการก่อ
สร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงหล่นใส่รถยนต์บริเวณแยกเตาปูนแล้วครั้งหนึ่ง
นายชัยสิทธิ์ คุรุรัตน์ รองผู้ว่าฯรฟม. (กลยุทธ์และแผน) กล่าวว่า จะเร่งตรวจสอบสาเหตุที่
เหล็กเส้นตกจากเครนโดยเบื้องต้นพบว่าผู้รับเหมาไม่ได้ดำเนินการตามมาตรการด้านความปลอดภัย ที่
กำหนดเนื่องจากพบว่าก่อนจะมีการยกเครนขึ้น คนงานไม่ได้มีการประสานกับเจ้าหน้าด้านเซฟตี้ ของ
CKTC เพื่อทำการหยุดการจจราจรบนถนนตามข้อตกลงานความปลอดภัยซึ่งจากนี้จะต้องเข้มงวด
มาตรการและมาตรการลงโทษ
วานนี้(6 มิ.ย.56) เกิดเหตุระทึกใจกลางเมืองกรุง เวลาประมาณ 09.30 น. เมื่อแท่งเหล็กเส้น 10 เส้น
ยาวประมาณ 10 เมตรบริเวณจุดก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) ช่วงสถานีเตาปูน
ได้หล่นลงมาทับรถแท็กซี่และรถยนต์รวม 4 คันที่กำลังวิ่งอยู่บนถนนตามถนนประชาราษฎร์สาย 2 ด้านล่าง
เสียหาย และมีผู้บาดเจ็บ 1 คน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเรียกวิศวกรผู้ควบคุมงาน และคนขับรถเครนไปสอบปากคำ
ขณะเดียวกันก็จะประสานผู้เชี่ยวชาญมาประเมินตรวจสอบอุปกรณ์ในการก่อสร้างที่ทำให้เกิดเหตุดังกล่าว
เพื่อสรุปว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากความประมาทของตัวบุคคล หรือการเสื่อมคุณภาพของวัสดุอุปกรณ์
ก่อนจะมีการแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินได้รับความเสีย
หาย ซึ่งจะมีการเยียวยาชดใช้ค่าเสียหายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ชี้แจงกรณีเกิด
อุบัติเหตุ ว่าได้ตรวจสอบแล้วพบว่าอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่ถนนประชาราษฎร์สาย 2 สถานีเตาปูน ขณะ
คนงานของกิจการร่วมค้า CKTC ผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ กำลังเคลื่อนย้ายเหล็ก
รูปพรรณ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5-3 นิ้วความยาวประมาณ 13 เมตร จำนวน 10 เส้น เกิดอุบัติเหตุหล่น
ลงใส่รถยนต์ จำนวน 4 คัน และรถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย จากกระจก
บาดเท้า และได้นำส่งโรงพยาบาลบางโพเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ กิจการร่วมค้า CKTC ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ดูแล
ผู้บาดเจ็บและผู้เสียหายเรียบร้อยแล้ว สำหรับสาเหตุของอุบัติเหตุดังกล่าว รฟม.กำลังดำเนินการตรวจสอบข้อ
เท็จจริงและจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป และ รฟม. ได้สั่งการให้บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้างเพิ่ม
มาตรการความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้อีก
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ได้รับรายงานอุบัติเหตุที่
เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งบริษัทที่รับเหมาต้องรับผิดชอบผู้เสียหายตามขั้นตอนนอกจากนี้ได้สั่งการให้รฟม. ดูแลการทำ
งานของผู้รับเหมาอย่างเข้มงวด และต้องไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นอีก รวมถึงให้เร่งสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้น
ด้วย
“อาจจะมีความหย่อนยาน ก็ต้องลงไปขันน็อตอีก จากนี้ต้องให้ความระมัดระวังมากขึ้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุทาหรณ์ที่จะต้องนำมาปรับปรุงและเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยในการก่อสร้าง
โครงการขนาดใหญ่ที่จะมีจำนวนมากจากพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท จะต้องดูแลชีวิตและทรัพย์สินทั้งคน
ทำงาน ไซด์งานและของประชาชนภายนอก”
สำหรับสถานีเตาปูนอยู่ในสัญญาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ)
สัญญาที่1 ช่วงเตาปูน-สะพานพระนั่งเกล้า มีกิจการร่วมค้า ซีเคทีซี (CKTC JOINT VENTURE)
ซึ่งมีบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)และบริษัท โตคิว คอนสตรัคชั่น จำกัด ร่วมทุน วงเงิน 13,441 ล้าน
บาท ดำเนินการก่อสร้างระยะทาง 12 กิโลเมต่ รวม 8 สถานี
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมาได้เคยเกิดเหตุกำแพงคอนกรีตโครงการก่อ
สร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงหล่นใส่รถยนต์บริเวณแยกเตาปูนแล้วครั้งหนึ่ง
นายชัยสิทธิ์ คุรุรัตน์ รองผู้ว่าฯรฟม. (กลยุทธ์และแผน) กล่าวว่า จะเร่งตรวจสอบสาเหตุที่
เหล็กเส้นตกจากเครนโดยเบื้องต้นพบว่าผู้รับเหมาไม่ได้ดำเนินการตามมาตรการด้านความปลอดภัย ที่
กำหนดเนื่องจากพบว่าก่อนจะมีการยกเครนขึ้น คนงานไม่ได้มีการประสานกับเจ้าหน้าด้านเซฟตี้ ของ
CKTC เพื่อทำการหยุดการจจราจรบนถนนตามข้อตกลงานความปลอดภัยซึ่งจากนี้จะต้องเข้มงวด
มาตรการและมาตรการลงโทษ