xs
xsm
sm
md
lg

"ปลอด"แถสำรากเหี้ยไม่ได้ด่าใคร แค่ใช้ภาษาโบราณพูดให้แดงฟัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ ( 5 มิ.ย.) นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้ยื่นพยาน หลักฐานเพิ่มเติมต่อศาลปกครองกลาง ในคดีหมายเลขดำ ที่ 1039/2556 ที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนและเครือข่ายภาคประชาสังคม ยื่นฟ้องนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ไว้ต่อศาลปกครองกลาง เมื่อครั้งที่นายปลอดประสพ ให้สัมภาษณ์ต่อว่าภาคประชาชนว่าเป็น “ขยะ”ในการประชุมเรื่องน้ำโลก ที่ จ.เชียงใหม่ โดยนายศรีสุวรรณ ได้นำคลิปวีดีโอ และเอกสารข่าว การปราศรัยของนายปลอดประสพ เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่สนามกีฬา 700 ปีจังหวัดเชียงใหม่ มายื่นเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณา
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การปราศรัยของ นายปลอดประสพ มีลักษณะดูถูกเหยียดหยามองค์กรภาคประชาสังคม จึงต้องยื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อศาลเพื่อชี้ให้เห็นว่าการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายเป็นการละเมิดจริยธรรม ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2551 และจะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพราะตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งโปรดเกล้าฯ การจะเป็นต้นแบบให้ประชาชน สังคมไทย หรือเยาวชน หากรองนายกฯ ต้องการตำหนิ หรือกล่าวคำผรุสวาทอย่างนี้ ก็ควรจะออกมาเป็นประชาชนคนธรรมดามากกว่าที่จะมาใช้อำนาจ หรือใช้ตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้รัฐบาล หรือ คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย หรือ กบอ. มองว่า การที่ภาคประชาชนออกมาท้วงติงโครงการน้ำเป็นการขัดขวาง แต่ต้องการให้รัฐไตร่ตรองการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าเพราะเป็นภาษีของประชาชนที่ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์ นอกจากนี้สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เตรียมยื่นขอคุ้มครองชั่วคราวต่อศาลปกครองทันที หาก กบอ.ดำเนินการประมูลโครงการน้ำ 3.5แสนล้านบาท อย่างเป็นรูปธรรม

** "ปลอด"แถพูดภาษาโบราณ

ด้านนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) กล่าวถึงกรณี การปราศัยที่เวทีคนเสื้อแดง จ.เชียงใหม่ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงเนื้อหา และคำพูดที่ไม่เหมาะสมว่า ไม่เห็นมีอะไร ก็เห็นคนอื่นเขาก็ปราศัยกันแบบนี้ เป็นการปราศัยกับคนเสื้อแดง อย่างที่เคยพูดเล่นกัน ก็พูดกันอย่างนี้ทุกที ไม่ได้พูดกลางแจ้งอะไร อาจจะให้คำศัพท์โบราณสักหน่อย และทำไม นายอดิศร เพียงเกษ ที่พูดก่อนตน ก็พูดเหมือนตนทำ ไมไม่เห็นใครไปว่าอะไรเลย
"ใครฟังแล้วไม่เข้าหู ก็ขอโทษที่พูดอย่างนั้น ที่ทำให้ไม่สบายหู แต่ที่พูดมันเป็นเนื้อหาจริงๆ นะ ยืนยันว่าถ้อยคำก็ไม่ได้รุนแรงอะไร และยืนยันว่า ไม่ได้พูดคำว่า "เหี้ย" ผมบอกว่า ผมคิดในใจ ไม่กล้าพูด กลัวเขาจะฟ้อง ผมเป็นคนพูดเอง อัดเทปเองว่าผมไม่กล้าพูด ผมคิดในใจ" นายปลอดประสพ กล่าว
นายปลอดประสพ กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีก็เป็นคนเหมือนพวกท่าน ไม่ได้มีอะไรหรอก ตนไม่เอาคำว่า "รองนายกรัฐมนตรี" มาเป็นเกณฑ์สำคัญ ตนก็เป็นตน ก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะระมัดระวังคำพูดหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า " อ่ะๆๆ ระมัดระวังก็ได้ ฮ่าๆๆ " อย่างไรก็ตาม ท่านอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ขออนุญาตยกตัวอย่างเพราะสนิทกัน ท่านก็เคยพูดขึ้นมึงขึ้นกูเหมือนตนในตอนที่มีตำแหน่ง ยังไม่เคยมีใครว่าอะไรเลย
"ผมก็พูดแบบนี้มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว มีอะไรในใจก็พูดออกมา ไม่มีจริตจะก้าน และนายกฯ ก็ไม่ได้สอบถามเรื่องนี้ ส่วนจะมีผลต่อการปรับครม.หรือไม่ก็ไม่รู้ ไม่เกี่ยว " นายปลอดประสพ กล่าว
เมื่อถามว่า บุคคลิกแบบนี้ไม่กลัวหรือว่าจะมีผลต่อการปรับครม. รองนายกฯ กล่าวว่า “ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่เกี่ยว คิดว่าแบบนี้คนเสื้อแดงเขาไม่ชอบหรือ เพราะเสื้อแดงเขาเป็นพวกเดียวกัน ไปพูดให้ฟังมันจะผิดอะไร และพูดให้พวกท่านไม่ชอบ ก็ไม่เห็นจะผิดอะไรเลย ดังนั้นไม่เกี่ยวกับการว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ในครม. ถึงผมไม่พูด พวกท่านก็ไม่ชอบอยู่แล้ว”
ส่วนกรณีที่กลุ่มหน้ากากขาว จะมาขับไล่หน้าทำเนียบฯ ในวันนี้( 6 มิ.ย. ) นั้น นายปลอดประสพ กล่าวว่า ยังไงเขาก็ไม่ชอบตนอยู่แล้ว จะทำอะไรก็ตามวิถีทางของท่านเถอะ
"พรุ่งนี้มา ผมก็ไม่อยู่ เรื่องอะไรผมจะอยู่ เพราะผมจะไปร่วมพิธีเผาศพคุณพ่อของนายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ที่เชียงใหม่ แต่ถึงอยู่ ผมก็ไม่ไปพบ เพราะคงมาด่าผมแน่ ก็คงสู้ไม่ไหวเพราะมาเยอะกว่า" นายปลอดประสพ กล่าว
เมื่อถามว่า ทำไมไม่ใส่หน้ากากสู้เลยล่ะ นายปลอดประสพ กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นหิดเป็นเหา ถึงจะต้องใส่ต้องปิดหน้าปิดตา ขนาดใส่แว่นตาดำไปในที่สำคัญเขายังไม่ให้ใส่เลย มันไม่สมควร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการสัมภาษณ์ นายปลอดประสพ หันมาคุยหยอกล้อกับผู้สื่อข่าว แล้วถามว่า "มีหน้ากากสักอันไหม จะเอามาใส่" เมื่อถูกถามว่าหน้ากากอะไรดี นายปลอดประสพ ตอบว่า “หน้ากากเสือก็เข้าท่านะ แต่กำลังจะไปหาหน้ากากอินทรีย์แดงมาใส่ แต่ยืนยันว่า จะไม่ไปพบกลุ่มหน้ากากขาวแน่นอน มันเป็นสีสัน อย่าไปสนใจเลย"

** ยันไม่ไปชี้แจงป.ป.ช.

นายปลอดประสพ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการเลื่อนวันนำรายชื่อบริษัทที่ได้รับการพิจารณาดำเนินการ ในโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน จะเข้าที่ประชุมครม. ในวันที่ 18 มิ.ย. ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามที่วางแผนเอาไว้ ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรค ทั้งเรื่องของเอกสารทางด้านเทคนิค ซึ่งนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกฯ ได้หารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้วตลอดเวลา แต่ทั้งนี้ นายธงทอง รายงานมาแล้วว่า เอกสารอ่านเยอะ ไม่มีอะไร แต่ทุกอย่างก็เป็นไป ทันเวลา ป้องกันน้ำท่วมได้
นายปลอดประสพกล่าวด้วยว่า ในวันนี้ ( 6 มิ.ย.) ตนไม่ได้เดินทางไปชี้แจงกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะติดภารกิจ ต้องเดินทางไปร่วมงานศพบิดาของนายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ที่จ.เชียงใหม่
ด้านนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพิจารณาคัดเลือกกลุ่มบริษัทที่จะมาดำเนินการในโครงการบริหารจัดการน้ำว่า ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีคณะทำงานทางเทคนิคที่อ่านการยื่นข้อเสนอต่างๆ เพื่อเปรียบเทียบ และตรวจสอบว่ามีความถูกต้องตามทีโออาร์หรือไม่ และจะมีการประชุมรอบสุดท้าย ในวันศุกร์ที่ 7 มิ.ย. เวลา 16.00 น. เพื่อให้มีความชัดเจนในเรื่องคะแนนมากน้อยของแต่ละบริษัท ให้มีความแม่นยำมากขึ้น โดยเราหวังว่าจะมีผู้ที่ได้คะแนนเกินกว่า ร้อยละ 80 ซึ่งผู้ที่ได้คะแนนเกิน คณะกรรมการจะเชิญมาต่อรองราคาในต้นสัปดาห์หน้า จากนั้นจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 18 มิ.ย. เพื่อดำเนินการตาม พ.ร.ก.กู้เงิน ซึ่งมีกรอบเวลาในวันที่ 30 มิ.ย.ได้ทันท่วงที
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อศึกษา ติดตาม และให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของ กบอ.นั้น นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะ ซึ่งมีตนในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือก เลขาฯกฤษฎีกา และผู้ใหญ่จากสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือดูแล ยกร่างสัญญา จะไปพบกับคณะกรรมการของป.ป.ช. ช่วงบ่ายวันที่ 6 มิ.ย. เพื่อชี้แจงข้อมูลการทำงาน และขั้นตอนการเตรียมการ รวมถึงแผนการที่จะทำต่อไป ซึ่งตนคิดว่าสิ่งที่จะเสนอต่อคณะกรรมการป.ป.ช. เป็นแนวทางที่สอดคล้องกับแนวทางที่ ป.ป.ช. ให้ข้อเสนอแนะ เช่น ข้อเสนอแนะทางสัญญาที่จะไปพูดคุยกัน เพื่อรับฟังความเห็น และให้เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน ตนคิดว่าเรามีเป้าหมายตรงกัน อยากให้เงินภาษีของประชาชนที่จะนำมาใช้ในการนี้ มีความคุ้มค่ามากที่สุด จหากมีช่องโหว่ตรงไหน ก็จะรับฟังความคิดเห็น และนำมาดำเนินการอย่างรอบคอบมากที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น