วานนี้(4 มิ.ย.56) นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรีกล่าวประณามกลุ่มเอ็นจีโอที่ประท้วงโครงการน้ำ โดยถามย้อนว่านายปลอดประสพ อาจจะลืมไป แล้วว่าเมื่อครั้งเป็นผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยเคยพูดไว้ก่อนการเลือกตั้งว่าจะฟื้นฟูต้นน้ำโดยประชาชนมีส่วนร่วม โดยชุมชนจะมีส่วนในการบริหารแหล่งน้ำ ซึ่งในการประชุมน้ำโลกที่ จ.เชียงใหม่เร็วๆนี้ กลุ่มเอ็นจีโอน้ำ ใช้ร้านอาหารเล็กๆแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่จัดประชุมคู่ขนานเพื่อขอมีส่วนร่วมตามที่นายปลอดประสพปรารถนา เป็นการประชุมโดยสงบและปราศจากอาวุธตามที่รัฐธรรมนูญรับรองสิทธิไว้ ประชาชนไม่มีน้ำมันไม่มีเอ็ม 79 ไม่มีระเบิดเพลิงในมือ มีแต่ข้อมูลและความเห็นแบบคนมีอารยะและมีแต่มือเปล่า เพียงแต่แสดงความเห็นที่ต่างไปจากที่เขาคิด
“แต่การด่าว่าภาคประชาชนคำก็"ไอ้เ..ย"สองคำ"ไอ้ห่า" แถมคำว่า"ขยะ"และ"กระทืบ" เป็นกักขฬะวาจาที่สะท้อนจิตสำนึกดื้อด้าน ไม่ฟังเสียงชาวบ้าน ไม่เคารพสิทธิประชาชน และไร้อารยะของคนระดับรองนายกรัฐมนตรี คำพูดเช่นนี้ส่อว่าเขาไม่มีพื้นที่ทางปัญญาเหลืออยู่เลยที่จะรับฟังใคร ท่าทีเช่นนี้ ย่อมเรียกแขกได้มาก ได้เร็ว และเร่งวันพินาศของรัฐบาลให้มาถึงเร็วขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย"ส.ว.ผู้นี้ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีนายปลอดประสพ ปราศรัยว่าไม่มีอารมณ์ จะให้ศูนย์ประชุมภูเก็ต แต่ต้องเลือกคนของเขาก่อนถึงจะให้นั้น เป็นจุดเดิมที่เป็นต้นตอความขัดแย้งอะไรทั้งหลาย ก็คือสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่พยายามบอกว่า ที่ไม่เลือก สส. ของพรรคตัวเองแล้ว รัฐบาลก็จะไม่ทำงานให้
นอกจากนี้ นายปลอดประสพ ยังไปกล่าวเท็จว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์ พยายามยกเลิกศูนย์ประชุมเชียงใหม่ นั้น ไม่เป็นความจริง เดิมมีโครงการศูนย์ประชุมภูเก็ต แล้วก็เตรียมตัวกันไว้เรียบร้อย แต่พอมาถึงสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เปลี่ยนแปลง ไม่ให้ศูนย์ประชุมภูเก็ต แล้วก็เอาไปทำที่เชียงใหม่ พอมาถึงรัฐบาลประชาธิปัตย์ แม้ศูนย์ประชุมเชียงใหม่นั้นมีปัญหาอยู่หลายเรื่อง แต่ว่าพวกตนก็ไม่ได้เคยคิดว่าจะไม่ให้ และสานต่อ ไม่งั้นวันนี้ก็ไม่เสร็จก็ และได้ตั้งต้นเรื่องศูนย์ประชุมภูเก็ตขึ้นมาอีกครั้ง แต่มาถูกยกเลิกในสมัยรัฐบาลนี้
รายงานแจ้งว่า กรณีนี้ เว็ปเพจที่ระบุว่าเป็นคนภูเก็ต เขียนข้อความว่า ถึงนายปลอดและรัฐบาลยิ่งลักษณ์
คุณพูดว่า "สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์บอกว่าจะไปสร้างที่ จ.ภูเก็ต แต่เราก็สร้างศูนย์ประชุมที่เชียงใหม่จนสำเร็จ มันก็ทวงให้เราไปสร้างที่ภูเก็ต ยังไม่สร้างให้จะมีปัญหาไหม วันหน้าจะสร้างแน่นอนเมื่อภูเก็ตเห็นความดีของพวกเรา และเลือกคนของเรา วันนั้นจะไปทำให้ วันนี้ไม่มีอารมณ์จะทำ"
ขอบอกให้ทราบเพื่อขจัดเศษสมองที่เต็มไปด้วยอวิชชาของคุณว่าความเจริญรุ่งเรืองของแผ่นดินเกาะภูเก็ตตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กระทั่งต่อไปในอนาคต เกิดจากพี่น้องชาวภูเก็ตทุกท่านมีส่วนร่วมในการพัฒนา หาได้เกิดจากบรรดานักการเมืองชั่วๆอย่างพวกคุณชาวภูเก็ตยืนหยัด พัฒนาด้วยตนเองมาตลอด ไม่เคยสนใจหรือแยแสพวกคุณแม้แต่น้อยในฐานะที่บรรพบุรุษผมมีส่วนบุกเบิกและสร้างสรรค์เมืองภูเก็ตมาก่อนอย่างยาวนานในอดีต จึงขอบอกแทนชาวภูเก็ตว่า เแผ่นดินภูเก็ตไม่ต้อนรับคนมีวาจาและจิตใจสกปรกอย่างคุณและพรรคพวกของคุณอีกสิบชาติคนภูเก็ตก็ไม่มีวันเลือกพวกคุณ คุณจะไปสร้างศูนย์ประชุมบนดอย ในป่า หรือกลางทุ่งกุลาร้องไห้อีกกี่แห่ง ก็เชิญตามสบาย ชาวภูเก็ตอยู่ได้ เจริญรุ่งเรืองได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีส่วนเกินที่ไร้คุณค่าอย่างพวกคุณแม้แต่น้อย
นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ ผู้ช่วยผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า เป็นการสะท้อนแนวคิดเผด็จการ ไม่นิยมฟังความเห็นที่แตกต่าง ไม่เคยยอมรับความผิดพลาดของตนเอง ทั้งที่ช่วงวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ นายปลอดประสพทำงานผิดพลาดหลายเรื่องสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง จนเป็นที่มาของคลิปต่างๆที่นำมาล้อเลียนนายปลอดประสพตามโซเชียลเน็ตเวิร์ค แต่จนถึงวันนี้นายปลอดประสพยังรับผิดชอบในการแก้ปัญหาด้านน้ำของประเทศ จนเป็นที่มาของการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เงินกู้เร่งด่วน 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งก็ยังไม่เห็นผลงานว่าโครงการที่แก้ปัญหาด้านน้ำของรัฐบาลคืบหน้าไปอย่างไรบ้าง ซ้ำยังมีข่าวเรื่องการทุจริตมาอย่างต่อเนื่อง
“แต่กลับถูกนายปลอดประสพด่าและข่มขู่ ตามที่ปรากฎผ่านสื่อ คล้ายเป็นการพ่นอุจาระผ่านปาก มากกว่าการพูดโดยใช้สติตรึงตรอง ไม่แปลกใจที่เคยถูกให้ออกจากราชการ เพราะผู้บังคับบัญชาในขณะนั้นคงเล็งเห็น อยู่ต่อประเทศชาติเสียหายแน่ สเปคไม่สมประกอบแบบนี้เข้าตาคุณทักษิณ ไม่สนประเทศเสียหายทั้งที่มีประวัติสุดด่างพร้อย จับไปปลุกปั้นต่อจนได้ดิบได้ดี” นายจาตุรันต์ กล่าวและว่าส่วนคดีที่นายปลอดประสพฟ้องตนในคดีหมิ่นประมาทก่อนหน้านี้ ขณะนี้เรื่องยังอยู่ในชั้นศาล
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ออกแถลงการณ์ให้นายกฯปลดปลอดพ้นรัฐมนตรีฐานละเมิดจริยธรรมด่าเอ็นจีโอ “ไอ้เหี้ย”ระบุว่า พฤติกรรมดังกล่าว ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคำพูดของคนที่มีการศึกษาระดับ “ด็อกเตอร์” และได้รับโปรดเกล้าให้เป็นถึง “รองนายกรัฐมนตรี” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกของคนที่เข้าข่ายป่วยทางจิต ไม่สามารถควบคุมคำพูดของตนเองได้ ขาดความยั้งคิดและไม่มี EQ ที่ควรจะทำงานใหญ่เพื่อบ้านเพื่อเมืองได้ หรือไม่มีค่าที่ประชาชนควรจะเคารพหรือยำเกรงได้ หากแต่เป็นพฤติกรรมของ “กุ้ยข้างถนน” หรือ “นักเลงอันธพาล” ที่ชอบหาเศษหาเลยจากการใช้กำลังข่มเหงชาวบ้านหรือผู้ที่อ่อนแอกว่าเท่านั้น
การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการละเมิดจริยธรรมตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2551 ซึ่งระเบียบดังกล่าวกำหนดให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชาจะต้องสอบสวนและทำการลงโทษให้หลาบจำ ซึ่งเหตุดังกล่าวนายกรัฐมนตรีควรเสนอทูลเกล้าเพื่อ “ปลดออก” หรือ “ไล่ออก” จากการดำรงตำแหน่ง “รองนายกรัฐมนตรี” และ “ประธาน กบอ.” เสียโดยพลัน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อสาธารณชน และเยาวชนคนรุ่นหลังมิให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีในแวดวงการเมืองไทยต่อไป อีกทั้งจะไม่ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งกับภาคประชาสังคมต่าง ๆ อันจะมีผลต่อการบริหารจัดการโครงการเกี่ยวกับการป้องกันแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับน้ำและอุทกภัยในอนาคตได้ด้วย
สมาคมฯจะได้นำพยานหลักฐานวีดีโอและเอกสารข่าวทั้งหมดยื่นเพิ่มเติมต่อศาลปกครองกลาง ตามคดีหมายเลขดำที่ 1039/2556 ที่สมาคมฯและเครือข่ายภาคประชาสังคม ได้ยื่นฟ้องปลอดประสพไว้แล้วต่อศาลปกครองกลางแล้ว เมื่อคราวด่าภาคประชาชนว่า “ขยะ” ในการประชุมเรื่องน้ำโลกที่เชียงใหม่ที่ผ่านมา โดยจะนำไปยื่นต่อศาลในวันพุธที่ 5 มิถุนายน 2556 เวลา 10.30 น. ณ ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ อนึ่งหากนายกรัฐมนตรีนิ่งเฉยต่อกรณีดังกล่าว สมาคมฯจะแจ้งความต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อไปด้วยในโอกาสต่อไป
ด้านเครือข่ายประชาชนในลุ่มน้ำภาคเหนือและภาคอีสาน 42 องค์กร ได้ทำหนังสือเปิดผนึกถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการต่อท่าทีพฤติกรรมการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมของรองนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า แสดงให้เห็นถึงเจตนาการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่ผู้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีจะกล่าวและมีท่าทีเช่นนั้น
วันเดียวกันนายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตประธานคณะกรรมการผันน้ำลงทะเลทางฝั่งตะวันออก ศปภ. ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ช่วยตรวจสอบและทบทวนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย โดยยืนยันว่า ได้พยายามที่จะส่งข้อมูลและเหตุผลเพื่อให้รัฐบาลได้ทราบว่า การออกข้อกำหนดเฉพาะงาน หรือ TOR ของ กบอ. นั้น อาจนำมาซึ่งความเสื่อมเสีย และส่งผลให้รัฐบาลถูกลดความน่าเชื่อถือที่เกิดจาก TOR ไม่ครบถ้วน และเสี่ยงต่อการเกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นได้ โดยเฉพาะในโครงการ Module A5 ทั้งนี้ จึงเห็นว่ายังไม่ควรมีการของบประมาณใดๆ เพิ่มเติม จนกว่าจะมีความชัดเจนของโครงการ
“แต่การด่าว่าภาคประชาชนคำก็"ไอ้เ..ย"สองคำ"ไอ้ห่า" แถมคำว่า"ขยะ"และ"กระทืบ" เป็นกักขฬะวาจาที่สะท้อนจิตสำนึกดื้อด้าน ไม่ฟังเสียงชาวบ้าน ไม่เคารพสิทธิประชาชน และไร้อารยะของคนระดับรองนายกรัฐมนตรี คำพูดเช่นนี้ส่อว่าเขาไม่มีพื้นที่ทางปัญญาเหลืออยู่เลยที่จะรับฟังใคร ท่าทีเช่นนี้ ย่อมเรียกแขกได้มาก ได้เร็ว และเร่งวันพินาศของรัฐบาลให้มาถึงเร็วขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย"ส.ว.ผู้นี้ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีนายปลอดประสพ ปราศรัยว่าไม่มีอารมณ์ จะให้ศูนย์ประชุมภูเก็ต แต่ต้องเลือกคนของเขาก่อนถึงจะให้นั้น เป็นจุดเดิมที่เป็นต้นตอความขัดแย้งอะไรทั้งหลาย ก็คือสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่พยายามบอกว่า ที่ไม่เลือก สส. ของพรรคตัวเองแล้ว รัฐบาลก็จะไม่ทำงานให้
นอกจากนี้ นายปลอดประสพ ยังไปกล่าวเท็จว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์ พยายามยกเลิกศูนย์ประชุมเชียงใหม่ นั้น ไม่เป็นความจริง เดิมมีโครงการศูนย์ประชุมภูเก็ต แล้วก็เตรียมตัวกันไว้เรียบร้อย แต่พอมาถึงสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เปลี่ยนแปลง ไม่ให้ศูนย์ประชุมภูเก็ต แล้วก็เอาไปทำที่เชียงใหม่ พอมาถึงรัฐบาลประชาธิปัตย์ แม้ศูนย์ประชุมเชียงใหม่นั้นมีปัญหาอยู่หลายเรื่อง แต่ว่าพวกตนก็ไม่ได้เคยคิดว่าจะไม่ให้ และสานต่อ ไม่งั้นวันนี้ก็ไม่เสร็จก็ และได้ตั้งต้นเรื่องศูนย์ประชุมภูเก็ตขึ้นมาอีกครั้ง แต่มาถูกยกเลิกในสมัยรัฐบาลนี้
รายงานแจ้งว่า กรณีนี้ เว็ปเพจที่ระบุว่าเป็นคนภูเก็ต เขียนข้อความว่า ถึงนายปลอดและรัฐบาลยิ่งลักษณ์
คุณพูดว่า "สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์บอกว่าจะไปสร้างที่ จ.ภูเก็ต แต่เราก็สร้างศูนย์ประชุมที่เชียงใหม่จนสำเร็จ มันก็ทวงให้เราไปสร้างที่ภูเก็ต ยังไม่สร้างให้จะมีปัญหาไหม วันหน้าจะสร้างแน่นอนเมื่อภูเก็ตเห็นความดีของพวกเรา และเลือกคนของเรา วันนั้นจะไปทำให้ วันนี้ไม่มีอารมณ์จะทำ"
ขอบอกให้ทราบเพื่อขจัดเศษสมองที่เต็มไปด้วยอวิชชาของคุณว่าความเจริญรุ่งเรืองของแผ่นดินเกาะภูเก็ตตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กระทั่งต่อไปในอนาคต เกิดจากพี่น้องชาวภูเก็ตทุกท่านมีส่วนร่วมในการพัฒนา หาได้เกิดจากบรรดานักการเมืองชั่วๆอย่างพวกคุณชาวภูเก็ตยืนหยัด พัฒนาด้วยตนเองมาตลอด ไม่เคยสนใจหรือแยแสพวกคุณแม้แต่น้อยในฐานะที่บรรพบุรุษผมมีส่วนบุกเบิกและสร้างสรรค์เมืองภูเก็ตมาก่อนอย่างยาวนานในอดีต จึงขอบอกแทนชาวภูเก็ตว่า เแผ่นดินภูเก็ตไม่ต้อนรับคนมีวาจาและจิตใจสกปรกอย่างคุณและพรรคพวกของคุณอีกสิบชาติคนภูเก็ตก็ไม่มีวันเลือกพวกคุณ คุณจะไปสร้างศูนย์ประชุมบนดอย ในป่า หรือกลางทุ่งกุลาร้องไห้อีกกี่แห่ง ก็เชิญตามสบาย ชาวภูเก็ตอยู่ได้ เจริญรุ่งเรืองได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีส่วนเกินที่ไร้คุณค่าอย่างพวกคุณแม้แต่น้อย
นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ ผู้ช่วยผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า เป็นการสะท้อนแนวคิดเผด็จการ ไม่นิยมฟังความเห็นที่แตกต่าง ไม่เคยยอมรับความผิดพลาดของตนเอง ทั้งที่ช่วงวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ นายปลอดประสพทำงานผิดพลาดหลายเรื่องสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง จนเป็นที่มาของคลิปต่างๆที่นำมาล้อเลียนนายปลอดประสพตามโซเชียลเน็ตเวิร์ค แต่จนถึงวันนี้นายปลอดประสพยังรับผิดชอบในการแก้ปัญหาด้านน้ำของประเทศ จนเป็นที่มาของการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เงินกู้เร่งด่วน 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งก็ยังไม่เห็นผลงานว่าโครงการที่แก้ปัญหาด้านน้ำของรัฐบาลคืบหน้าไปอย่างไรบ้าง ซ้ำยังมีข่าวเรื่องการทุจริตมาอย่างต่อเนื่อง
“แต่กลับถูกนายปลอดประสพด่าและข่มขู่ ตามที่ปรากฎผ่านสื่อ คล้ายเป็นการพ่นอุจาระผ่านปาก มากกว่าการพูดโดยใช้สติตรึงตรอง ไม่แปลกใจที่เคยถูกให้ออกจากราชการ เพราะผู้บังคับบัญชาในขณะนั้นคงเล็งเห็น อยู่ต่อประเทศชาติเสียหายแน่ สเปคไม่สมประกอบแบบนี้เข้าตาคุณทักษิณ ไม่สนประเทศเสียหายทั้งที่มีประวัติสุดด่างพร้อย จับไปปลุกปั้นต่อจนได้ดิบได้ดี” นายจาตุรันต์ กล่าวและว่าส่วนคดีที่นายปลอดประสพฟ้องตนในคดีหมิ่นประมาทก่อนหน้านี้ ขณะนี้เรื่องยังอยู่ในชั้นศาล
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ออกแถลงการณ์ให้นายกฯปลดปลอดพ้นรัฐมนตรีฐานละเมิดจริยธรรมด่าเอ็นจีโอ “ไอ้เหี้ย”ระบุว่า พฤติกรรมดังกล่าว ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคำพูดของคนที่มีการศึกษาระดับ “ด็อกเตอร์” และได้รับโปรดเกล้าให้เป็นถึง “รองนายกรัฐมนตรี” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกของคนที่เข้าข่ายป่วยทางจิต ไม่สามารถควบคุมคำพูดของตนเองได้ ขาดความยั้งคิดและไม่มี EQ ที่ควรจะทำงานใหญ่เพื่อบ้านเพื่อเมืองได้ หรือไม่มีค่าที่ประชาชนควรจะเคารพหรือยำเกรงได้ หากแต่เป็นพฤติกรรมของ “กุ้ยข้างถนน” หรือ “นักเลงอันธพาล” ที่ชอบหาเศษหาเลยจากการใช้กำลังข่มเหงชาวบ้านหรือผู้ที่อ่อนแอกว่าเท่านั้น
การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการละเมิดจริยธรรมตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2551 ซึ่งระเบียบดังกล่าวกำหนดให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชาจะต้องสอบสวนและทำการลงโทษให้หลาบจำ ซึ่งเหตุดังกล่าวนายกรัฐมนตรีควรเสนอทูลเกล้าเพื่อ “ปลดออก” หรือ “ไล่ออก” จากการดำรงตำแหน่ง “รองนายกรัฐมนตรี” และ “ประธาน กบอ.” เสียโดยพลัน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อสาธารณชน และเยาวชนคนรุ่นหลังมิให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีในแวดวงการเมืองไทยต่อไป อีกทั้งจะไม่ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งกับภาคประชาสังคมต่าง ๆ อันจะมีผลต่อการบริหารจัดการโครงการเกี่ยวกับการป้องกันแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับน้ำและอุทกภัยในอนาคตได้ด้วย
สมาคมฯจะได้นำพยานหลักฐานวีดีโอและเอกสารข่าวทั้งหมดยื่นเพิ่มเติมต่อศาลปกครองกลาง ตามคดีหมายเลขดำที่ 1039/2556 ที่สมาคมฯและเครือข่ายภาคประชาสังคม ได้ยื่นฟ้องปลอดประสพไว้แล้วต่อศาลปกครองกลางแล้ว เมื่อคราวด่าภาคประชาชนว่า “ขยะ” ในการประชุมเรื่องน้ำโลกที่เชียงใหม่ที่ผ่านมา โดยจะนำไปยื่นต่อศาลในวันพุธที่ 5 มิถุนายน 2556 เวลา 10.30 น. ณ ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ อนึ่งหากนายกรัฐมนตรีนิ่งเฉยต่อกรณีดังกล่าว สมาคมฯจะแจ้งความต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อไปด้วยในโอกาสต่อไป
ด้านเครือข่ายประชาชนในลุ่มน้ำภาคเหนือและภาคอีสาน 42 องค์กร ได้ทำหนังสือเปิดผนึกถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการต่อท่าทีพฤติกรรมการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมของรองนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า แสดงให้เห็นถึงเจตนาการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่ผู้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีจะกล่าวและมีท่าทีเช่นนั้น
วันเดียวกันนายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตประธานคณะกรรมการผันน้ำลงทะเลทางฝั่งตะวันออก ศปภ. ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ช่วยตรวจสอบและทบทวนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย โดยยืนยันว่า ได้พยายามที่จะส่งข้อมูลและเหตุผลเพื่อให้รัฐบาลได้ทราบว่า การออกข้อกำหนดเฉพาะงาน หรือ TOR ของ กบอ. นั้น อาจนำมาซึ่งความเสื่อมเสีย และส่งผลให้รัฐบาลถูกลดความน่าเชื่อถือที่เกิดจาก TOR ไม่ครบถ้วน และเสี่ยงต่อการเกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นได้ โดยเฉพาะในโครงการ Module A5 ทั้งนี้ จึงเห็นว่ายังไม่ควรมีการของบประมาณใดๆ เพิ่มเติม จนกว่าจะมีความชัดเจนของโครงการ