ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- ในการชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2556 มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำและข้าราชการการเมืองที่น่าสนใจ 2 ตำแหน่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงในยุคเหี้ยบุกสภาได้เป็นอย่างดี
ตำแหน่งแรกก็คือ ตำแหน่งของ “พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์” ที่ถูกรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเด้งพ้นจาก “ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์” ไปเป็นผู้ตรวจราชการ ควบตำแหน่งที่ปรึกษาคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้(ศปก.กปต.) พร้อมโยก พ.ท.เอกน ยมจินดาขึ้นทำหน้าที่แทน
ส่วนตำแหน่งที่สองคือตำแหน่ง “โฆษกรัฐบาล” ที่คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง “ธีรัตถ์ รัตนเสวี” ขึ้นมาทำหน้าที่แทน “นพ.ทศพร เสรีรักษ์” ที่ย้ายไปเป็นเลขานุการของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ “เหตุผล” ในการแต่งตั้งโยกย้าย
กรณีพญ.คุณหญิงพรทิพย์นั้น ชัดเจนว่า ถูกเด้งเพราะไม่ถูกใจ นปช. คนเสื้อแดงและรัฐบาล
ขณะที่กรณีนายธีรัตถ์นั้น ก็ชัดเจนเช่นกันว่า ได้รับความไว้วางใจให้มาทำหน้าที่โฆษกรัฐบาลเพราะถูกใจ “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร
มีรายงานว่า สำหรับการโยกย้าย พญ.คุณหญิงพรทิพย์นั้น ไม่ใช่เพิ่งมีความคิดในช่วงนี้ แต่ดำรงอยู่มาอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือก่อนหน้านี้ ในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 1 พ.ค.55 ที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมเคยเสนอให้ ครม.พิจารณาต่ออายุการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันฯ อีก 1 ปี โดยในที่ประชุม ครม.วันดังกล่าว บรรดารัฐมนตรีได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการต่ออายุในครั้งนั้นอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม ในขณะนั้น ที่แสดงความไม่เห็นด้วย เนื่องจากไม่พอใจการทำงาน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ไม่ว่าจะเป็นการชันสูตรพลิกศพ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์ ที่เสียชีวิตระหว่างการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค.52 ที่ผลชันสูตรออกมาว่าเสียชีวิตจากเจ้าหน้าที่รัฐ แต่กรณีของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด หรือน้องเกด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตในบริเวณวัดปทุมวนารามฯ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 ช่วงการชุมนุมคนเสื้อแดง กลับระบุว่าไม่ได้เสียชีวิตจากอาวุธสงคราม
เช่นเดียวกับ นายปลอดประสพ สุรัสวดี, นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ก็คัดค้านการต่ออายุราชการดังกล่าว จนนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ครม.แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รีบตัดบท เพราะเห็นว่าการประชุมเริ่มวุ่นวายจึงสั่งปิดการประชุม ก่อน ครม.จะมีมติต่ออายุออกไปอีก 1 ปี
นั่นแสดงว่า เก้าอี้ของ พญ.คุณหญิงพรทิพย์สั่นคลอนมาเป็นระยะพอสมควร เพียงแต่ในช่วงนั้นรัฐบาลยังเพิ่งเสวยอำนาจได้ไม่นานนัก จึงไม่กล้าบุ่มบ่ามโยกย้ายเพื่อเพิ่มปัญหาให้กับตนเอง
นอกจากนี้ความไม่ถูกใจในการทำงานของพญ.คุณหญิงพรทิพย์ยังมีมา”อย่างต่อเนื่อง แต่ที่เห็นได้ชัดก็คือ ในการประชุมคณะทำงานพิจารณาเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงการชุมนุมของกลุ่ม (นปช.) เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2555 ว่ามีชายชุดดำร่วมชุมนุมหรือไม่ โดยคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญ พญ.คุณหญิงพรทิพย์เข้าชี้แจง
ในครั้งนั้น พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ให้ข้อมูลเอาไว้ว่า “คณะทำงานที่ดีเอสไอตั้งขึ้นมานั้น พบว่าพนักงานสอบสวนบางรายยังไม่มีความรู้เรื่องของการชันสูตรศพ ส่วนการเสียชีวิตของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด คณะทำงานก็สรุปตามรายงานที่ได้รับมาจากการสอบสวนพยานในเบื้องต้น เพราะคณะทำงานไม่ได้ทำการผ่าศพดังกล่าว แต่จากวิถีกระสุนที่พบ ถ้าเป็นไปตามอ้างในกรณีที่คนยิงอยู่ในจุดที่พยานระบุจริง ก็เชื่อว่าการยิงในวิถีดังกล่าวไม่สามารถเป็นไปได้ นิติวิทยาศาสตร์ได้ทำการจำลองการยิงและส่งผลการจำลองวิถีกระสุนให้ดีเอสไอไปแล้ว แต่ในสำนวนสอบสวนพบว่าดีเอสไอไม่ได้มีการนำไปใช้”
และด้วยเหตุที่ไม่ถูกใจรัฐบาลและคนเสื้อแดงจึงทำให้มีกระแสข่าวโยกย้าย พญ.คุณหญิงพรทิพย์อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายงานยืนยันด้วยว่า กระทรวงยุติธรรมเตรียมเสนอวาระการโยกย้ายตำแหน่ง ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นวาระจรเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.มาแล้วหลายครั้งและมีการเตรียมการมากว่า 1เดือน แต่ติดปัญหาตรงที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีมติรับคดีการจัดซื้อเครื่องตรวจระเบิดและสารเสพติดระยะไกลหรือจีที 200 ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ไว้ไต่สวนเนื่องจากคดีมีมูลความผิดจากการจัดซื้อในราคาแพงเกินจริง และผู้ที่ลงนามอนุมัติการจัดซื้อก็คือ พ.ท.เอนก ยมจินดา ซึ่งขณะนั้นเป็นรอง ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โดยไม่มีชื่อของ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ไปเกี่ยวข้องในทุกขั้นตอน แต่ พ.ท.เอนกชี้แจงว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาและพร้อมให้การต่อสู้แก้ข้อกล่าวหาในชั้นการไต่สวนของ ป.ป.ช.
ที่สำคัญคือมีกระแสข่าวด้วยว่า มีความพยายามที่จะผลักดัน “พ.ต.ท.ปิยวิชญ์ วงศ์สวัสดิ์” หลายชายของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขยับขึ้นมาเป็นรองผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เพื่อให้มีสิทธิได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้อำนวยการในปี 2557
ด้าน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวขณะเดินทางไปราชการที่ประเทศจีนว่า ทราบข่าวการโยกย้ายออกจากตำแหน่งเมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้ว เพราะมีคนมาบอก ส่วนเป็นใครไม่ขอเปิดเผย แต่ก็ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายการเมืองไม่พอใจในการทำงานของตนเองอยู่บ้าง แต่ถามว่ารู้สึกยังไงกับตำแหน่งใหม่ที่ลดลง ก็ต้องตอบว่าสามารถทำงานได้ทุกจุด เป็นข้าของแผ่นดิน ต้องทำได้ทุกอย่าง และขอทำถวายแผ่นดินอยู่แล้ว และหลังจากนี้คงมีงานอีกมากที่ต้องทำเกี่ยวกับคดีในภาคใต้ ส่วนจะเป็นเรื่องที่เคยทำงานในช่วงชุมนุมทางการเมืองหรือไม่นั้น ต้องไปถามกับคนอื่น เพราะไม่ทราบจริงๆ ทั้งนี้เราเป็นข้าราชการ ใครมอบหมายงานให้ทำเราก็ต้องทำ
“หมอเป็นข้าราชการ ต้องอยู่ได้ เพราะมีเลือดข้าราชการ หมออยู่ใต้มา 7 ปี ไม่เคยมีใครตั้งเป็นที่ปรึกษา ไม่เคยมีใครเชิญประชุม แต่วันนี้ได้รับการแต่งตั้ง ก็ไม่รู้ว่าจะให้ทำอะไร ทั้งนี้เรื่องรายละเอียดงานของ 2 ตำแหน่งยังจะไม่คุย เพราะยังไม่ถึงเวลา และยังไม่รู้เรื่อง แล้วหมอก็ยังอยู่จีนอยู่ด้วย” พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าว
ขณะที่การแต่งตั้งนายธีรัตถ์โฆษกรัฐบาลคนใหม่ก็ชัดเจนว่า เป็นเพราะเป็นที่ถูกอกถูกใจของทั้งน้าปูและหลานโอ๊ค
ทั้งนี้ หลังจากนายธีรัตถ์ได้ลาออกจากตำแหน่งบรรณาธิการบริหารฝ่ายปฏิบัติการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ก็ย้ายไปทำงานรับใช้ระบอบทักษิณเต็มตัวด้วยการรั้งตำแหน่ง บรรณาธิการข่าว รวมทั้งเป็นพิธีกรรายการข่าวเศรษฐกิจ และรายการสนทนาข่าวของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมวอยซ์ทีวี ซึ่งมีนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของสถานี
แถมในช่วงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายธีรัตถ์ยังรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” ทุกเช้าวันเสาร์ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) กรมประชาสัมพันธ์ด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าวคงไม่เกินเลยไปนักที่จะกล่าวว่า ครม.เด้ง “หมอพรทิพย์” เพราะขัดใจ นปช. แต่ตั้ง “ธีรัตถ์” เพราะถูกใจ “น้าปู” และ “ลูกโอ๊ค”