ASTVผู้จัดการรายวัน- รัฐบาลซื้อเวลา ถอยขึ้นราคาแอลพีจีครัวเรือนมิ.ย.ออกไปอีก 1 เดือน โดยยังตรึงที่ 18.13 บาทต่อกก.ไปอีกถึงสิ้นมิ.ย.นี้ “เพ้ง”แจงขั้นตอนช่วยเหลือคนมีรายได้ต่ำยังไม่เสร็จ ย้ำการขึ้นเป็นการช่วยเหลือคนจนจริงจากปัจจุบันที่กองทุนน้ำมันฯจ่ายเหมาเข่งไม่แยกรวย-จน
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือนที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) เห็นชอบตรึงราคาไว้ที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) จนถึง 31 พ.ค.นี้คงจะต้องตรึงต่อไปอีก 1 เดือนเนื่องจากขั้นตอนการลดผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยยังไม่แล้วเสร็จ โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ คาดว่าจะเสร็จสัปดาห์นี้หลังจากนั้นขั้นตอนส่งข้อมูลให้ผู้ค้ามาตรา 7 ในการจ่ายเงินชดเชยให้กับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยซึ่งจะต้องใช้เวลาอีก 1-2 สัปดาห์
“ กรอบเดิมที่จะขึ้นมิ.ย.คงจะต้องเลื่อนออกไปก่อนเพื่อให้การช่วยเหลือมีความพร้อม ยืนยันว่าการปรับราคาแอลพีจีครัวเรือนจะมีส่วนสำคัญต่อการสร้างความเป็นธรรมต่อสังคม เพราะเวลานี้เราใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากคนใช้เบนซิน ดีเซล มาชดเชยราคาส่วนที่เกิน 18.13 บาทต่อกก.เฉลี่ยเดือนละ 2-3 พันล้านบาท การที่เราจะขึ้นจะเป็นการลดเงินชดเชยให้กับกลุ่มคนมีรายได้สูง แต่เรายังคงจะช่วยผู้มีรายได้ต่ำ ดังนั้นถ้ามีการเรียกร้องให้เลิกกองทุนน้ำมันฯถ้าเรายังตรึงแอลพีจีอยู่จะเลิกได้อย่างไร”รมว.พลังงานกล่าว
สำหรับแนวทางในการให้ความช่วยเหลือจากการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีในครั้งนี้ จะใช้ฐานข้อมูลจากผู้ที่ใช้ไฟไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือนจำนวน 7.6 ล้านราย ส่วนร้านค้า หาบเร่ แผงลอย ที่สวนดุสิตโพลลงพื้นที่สำรวจล่าสุดมี 1.99 แสนราย จากที่คาดว่าจะมี 5 แสนรายนั้น ก็จะมีการเปิดโอกาสให้ลงทะเบียนต่อไปอีก โดยรูปแบบ จะออกบัตรประจำตัวให้กับผู้ที่ได้รับสิทธิ หรือแจ้งเป็นโค้ดหรือรหัสประจำตัวของผู้ที่ได้รับสิทธิ เวลาไปซื้อแอลพีจีที่ร้านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งร้านตัวแทนจำหน่ายก็ต้องมีระบบคอมพิวเตอร์บันทึกโค้ดหรือรหัสจากผู้ซื้อเพื่อนำไปเบิกเงินกับผู้ค้ามาตรา7 จากนั้นผู้ค้ามาตรา7 จึงจะข้อมูลมาเบิกคืนจากกองทุนน้ำมันฯ
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.) กล่าวว่า การเลื่อนการปรับขึ้นราคาแอลพีจีครัวเรือน จากเดิมที่ต้องมีการปรับขึ้น 50 สตางค์(สต.)ต่อกก. ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้ ออกไปอีก1 เดือน สาเหตุข้อมูลของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยไม่ชัดเจน รวมถึงมาตรการในการอุดหนุนราคาเดิม 6 กก.ต่อเดือนหากเกิดปัญหาอาจมีการฉวยโอกาสอ้างขึ้นราคาสินค้าได้ซึ่งจะกระทบคะแนนเสียงรัฐบาล รวมทั้งหากมีการตกสำรวจมากๆ อาจเปิดช่องกลุ่มคนหัวหมอไปฟ้องศาลปกครองว่า เป็นกลุ่มคนที่รายได้น้อยและสมควรที่จะได้รับสิทธิอุดหนุนราคาแอลพีจีภายหลังจะวุ่นวายได้
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี รมว.พลังงาน ยืนยันจะขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม เดือนมิ.ย. โดยขยับเดือนละ 50 สตางค์ นั้น พรรคยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม และการที่กระทรวงพลังงาน จะลงทะเบียนคนจน 7.2 ล้านครัวเรือน เพื่อให้รัฐชดเชยแก๊สหุงต้ม จากเดิม 22 ล้านครัวเรือน เท่ากับมีประชาชน 15 ล้านครัวเรือน จะไม่ได้รับการดูแลจากรัฐ ซึ่งตนไม่แน่ใจว่ามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ใช้เกณฑ์อะไรในการชี้วัดว่า เป็นครอบครัวที่ควรได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล อีกทั้งการแก้ปัญหาแบบนี้ จะไม่ช่วยแก้ปัญหาการลักลอบขายแก๊สข้ามตลาด ที่ใช้เป็นข้ออ้างในการปรับราคาแก๊ส เพราะการชดเชยเฉพาะบางกลุ่มไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าจะไม่มีการทุจริต เป็นการแก้ปัญหาผิดวิธี เปิดช่องให้เกิดการทุจริต และเพิ่มกำไรให้นายทุน ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม เนื่องจากแก๊สมีเพียงพอสำหรับการใช้ภายในประเทศ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนเรื่องนี้ รวมถึงเสนอมาตรการที่จะแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริงมากกว่านี้
***ครม.อนุมัติขยายลดภาษีดีเซล 1เดือน
เมื่อวานนี้(21พ.ค.) ที่ประชุมครม. มีมติอนุมัติให้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง อาศัยอำนาจ ในมาตรา 103 แห่งพ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต ออกประกาศกระทรวงการคลัง เพื่อขยายเวลาการปรับลดภาษีนำมันดีเซลออกไป 1เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 56 ถึง วันที่ 30 มิ.ย. 56
ทั้งนี้ กำหนดให้ขยายการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ 0.005 โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี 0.005 ต่อลิตร และน้ำมันดีเซล ที่มีไบโอดีเซลประเภทเมเทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 ในอัตราภาษี 0.005 บาทต่อลิตร ออกไปอีก 1เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 56 ถึง วันที่ 30 มิ.ย. 56
***พณ.รับขึ้นทะเบียนหาบเร่แผงลอย
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ว่า กระทรวงพาณิชย์จะประสานงานร่วมกับกระทรวงพลังงาน รับหน้าที่ตรวจสอบจำนวนหาบเร่แผงลอยทั่วประเทศ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่ามีอยู่จำนวน 4-5 แสนราย เพื่อมาขึ้นทะเบียนกับกระทรวงพลังงานในการรับชดเชยการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม และในจำนวนที่มาขึ้นทะเบียนทั้งหมดนี้ กระทรวงฯ จะขอความร่วมมือให้จำหน่ายสินค้าอาหารสำเร็จรูปในเมนูแนะนำของกระทรวงพาณิชย์ 10 รายการ ในราคาแนะนำ รวมถึงให้คงราคาขายสินค้าในเมนูปกติด้วย เพราะถือว่าได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ และไม่มีต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น
***เร่งแก้ไข่ราคาแพง
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สถานการณ์ราคาสินค้าที่เป็นเรื่องเร่งด่วนในขณะนี้ คือ ราคาไข่ไก่เบอร์ 3 ที่ปรับราคาสูงขึ้นมากในช่วงระยะเวลาสั้น ซึ่งจากการหารือ พบว่าต้นทุนการผลิตที่ทุกฝ่ายยอมรับได้อยู่ที่ 2.60 บาทต่อฟอง แต่ตัวเลขล่าสุด ราคาขายไข่ไก่หน้าฟาร์มอยู่ที่ 3.20 บาทต่อฟอง และราคาขายหน้าร้านหรือราคาที่ถึงมือผู้บริโภคอยู่ที่ 3.60 บาทต่อฟองซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สูงเกินไป โดยราคาที่เหมาะสมไม่น่าเกิน 3.00-3.20 บาทต่อฟอง ซึ่งกระทรวงฯ จะเชิญผู้ประกอบการผลิตไข่ไก่ ผู้ค้า กรมปศุสัตว์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือในวันที่ 23 พ.ค.2556 เพื่อมาร่วมกันกำหนดแนวทางในการดูแลราคา.
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือนที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) เห็นชอบตรึงราคาไว้ที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) จนถึง 31 พ.ค.นี้คงจะต้องตรึงต่อไปอีก 1 เดือนเนื่องจากขั้นตอนการลดผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยยังไม่แล้วเสร็จ โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ คาดว่าจะเสร็จสัปดาห์นี้หลังจากนั้นขั้นตอนส่งข้อมูลให้ผู้ค้ามาตรา 7 ในการจ่ายเงินชดเชยให้กับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยซึ่งจะต้องใช้เวลาอีก 1-2 สัปดาห์
“ กรอบเดิมที่จะขึ้นมิ.ย.คงจะต้องเลื่อนออกไปก่อนเพื่อให้การช่วยเหลือมีความพร้อม ยืนยันว่าการปรับราคาแอลพีจีครัวเรือนจะมีส่วนสำคัญต่อการสร้างความเป็นธรรมต่อสังคม เพราะเวลานี้เราใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากคนใช้เบนซิน ดีเซล มาชดเชยราคาส่วนที่เกิน 18.13 บาทต่อกก.เฉลี่ยเดือนละ 2-3 พันล้านบาท การที่เราจะขึ้นจะเป็นการลดเงินชดเชยให้กับกลุ่มคนมีรายได้สูง แต่เรายังคงจะช่วยผู้มีรายได้ต่ำ ดังนั้นถ้ามีการเรียกร้องให้เลิกกองทุนน้ำมันฯถ้าเรายังตรึงแอลพีจีอยู่จะเลิกได้อย่างไร”รมว.พลังงานกล่าว
สำหรับแนวทางในการให้ความช่วยเหลือจากการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีในครั้งนี้ จะใช้ฐานข้อมูลจากผู้ที่ใช้ไฟไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือนจำนวน 7.6 ล้านราย ส่วนร้านค้า หาบเร่ แผงลอย ที่สวนดุสิตโพลลงพื้นที่สำรวจล่าสุดมี 1.99 แสนราย จากที่คาดว่าจะมี 5 แสนรายนั้น ก็จะมีการเปิดโอกาสให้ลงทะเบียนต่อไปอีก โดยรูปแบบ จะออกบัตรประจำตัวให้กับผู้ที่ได้รับสิทธิ หรือแจ้งเป็นโค้ดหรือรหัสประจำตัวของผู้ที่ได้รับสิทธิ เวลาไปซื้อแอลพีจีที่ร้านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งร้านตัวแทนจำหน่ายก็ต้องมีระบบคอมพิวเตอร์บันทึกโค้ดหรือรหัสจากผู้ซื้อเพื่อนำไปเบิกเงินกับผู้ค้ามาตรา7 จากนั้นผู้ค้ามาตรา7 จึงจะข้อมูลมาเบิกคืนจากกองทุนน้ำมันฯ
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.) กล่าวว่า การเลื่อนการปรับขึ้นราคาแอลพีจีครัวเรือน จากเดิมที่ต้องมีการปรับขึ้น 50 สตางค์(สต.)ต่อกก. ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้ ออกไปอีก1 เดือน สาเหตุข้อมูลของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยไม่ชัดเจน รวมถึงมาตรการในการอุดหนุนราคาเดิม 6 กก.ต่อเดือนหากเกิดปัญหาอาจมีการฉวยโอกาสอ้างขึ้นราคาสินค้าได้ซึ่งจะกระทบคะแนนเสียงรัฐบาล รวมทั้งหากมีการตกสำรวจมากๆ อาจเปิดช่องกลุ่มคนหัวหมอไปฟ้องศาลปกครองว่า เป็นกลุ่มคนที่รายได้น้อยและสมควรที่จะได้รับสิทธิอุดหนุนราคาแอลพีจีภายหลังจะวุ่นวายได้
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี รมว.พลังงาน ยืนยันจะขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม เดือนมิ.ย. โดยขยับเดือนละ 50 สตางค์ นั้น พรรคยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม และการที่กระทรวงพลังงาน จะลงทะเบียนคนจน 7.2 ล้านครัวเรือน เพื่อให้รัฐชดเชยแก๊สหุงต้ม จากเดิม 22 ล้านครัวเรือน เท่ากับมีประชาชน 15 ล้านครัวเรือน จะไม่ได้รับการดูแลจากรัฐ ซึ่งตนไม่แน่ใจว่ามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ใช้เกณฑ์อะไรในการชี้วัดว่า เป็นครอบครัวที่ควรได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล อีกทั้งการแก้ปัญหาแบบนี้ จะไม่ช่วยแก้ปัญหาการลักลอบขายแก๊สข้ามตลาด ที่ใช้เป็นข้ออ้างในการปรับราคาแก๊ส เพราะการชดเชยเฉพาะบางกลุ่มไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าจะไม่มีการทุจริต เป็นการแก้ปัญหาผิดวิธี เปิดช่องให้เกิดการทุจริต และเพิ่มกำไรให้นายทุน ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม เนื่องจากแก๊สมีเพียงพอสำหรับการใช้ภายในประเทศ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนเรื่องนี้ รวมถึงเสนอมาตรการที่จะแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริงมากกว่านี้
***ครม.อนุมัติขยายลดภาษีดีเซล 1เดือน
เมื่อวานนี้(21พ.ค.) ที่ประชุมครม. มีมติอนุมัติให้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง อาศัยอำนาจ ในมาตรา 103 แห่งพ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต ออกประกาศกระทรวงการคลัง เพื่อขยายเวลาการปรับลดภาษีนำมันดีเซลออกไป 1เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 56 ถึง วันที่ 30 มิ.ย. 56
ทั้งนี้ กำหนดให้ขยายการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ 0.005 โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี 0.005 ต่อลิตร และน้ำมันดีเซล ที่มีไบโอดีเซลประเภทเมเทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 ในอัตราภาษี 0.005 บาทต่อลิตร ออกไปอีก 1เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 56 ถึง วันที่ 30 มิ.ย. 56
***พณ.รับขึ้นทะเบียนหาบเร่แผงลอย
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ว่า กระทรวงพาณิชย์จะประสานงานร่วมกับกระทรวงพลังงาน รับหน้าที่ตรวจสอบจำนวนหาบเร่แผงลอยทั่วประเทศ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่ามีอยู่จำนวน 4-5 แสนราย เพื่อมาขึ้นทะเบียนกับกระทรวงพลังงานในการรับชดเชยการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม และในจำนวนที่มาขึ้นทะเบียนทั้งหมดนี้ กระทรวงฯ จะขอความร่วมมือให้จำหน่ายสินค้าอาหารสำเร็จรูปในเมนูแนะนำของกระทรวงพาณิชย์ 10 รายการ ในราคาแนะนำ รวมถึงให้คงราคาขายสินค้าในเมนูปกติด้วย เพราะถือว่าได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ และไม่มีต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น
***เร่งแก้ไข่ราคาแพง
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สถานการณ์ราคาสินค้าที่เป็นเรื่องเร่งด่วนในขณะนี้ คือ ราคาไข่ไก่เบอร์ 3 ที่ปรับราคาสูงขึ้นมากในช่วงระยะเวลาสั้น ซึ่งจากการหารือ พบว่าต้นทุนการผลิตที่ทุกฝ่ายยอมรับได้อยู่ที่ 2.60 บาทต่อฟอง แต่ตัวเลขล่าสุด ราคาขายไข่ไก่หน้าฟาร์มอยู่ที่ 3.20 บาทต่อฟอง และราคาขายหน้าร้านหรือราคาที่ถึงมือผู้บริโภคอยู่ที่ 3.60 บาทต่อฟองซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สูงเกินไป โดยราคาที่เหมาะสมไม่น่าเกิน 3.00-3.20 บาทต่อฟอง ซึ่งกระทรวงฯ จะเชิญผู้ประกอบการผลิตไข่ไก่ ผู้ค้า กรมปศุสัตว์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือในวันที่ 23 พ.ค.2556 เพื่อมาร่วมกันกำหนดแนวทางในการดูแลราคา.