โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
อืมม์...ยุคทุรชนคนชั่วครองเมือง อะไรที่ไม่เคยเกิดก็เกิด บรรดาเหตุอาเพศ วิปริต อัปรีย์จัญไรสารพัด เกือบจะเป็นสวะรายวัน เสนาบดีกังฉินไร้สติปัญญาจิตสำนึกด้านดี มุ่งเน้นแต่ทำความชั่วเพื่อเอาใจอาชญากรหนีคุก
ช่วงกลางสัปดาห์ ตัวเงินตัวทองขนาดเขื่อง สัตว์ประจำสภาทาส แสดงความลำพองเหมือนผู้ทรงความถ่อยไต่ปีนขึ้นไปอวกศักดาอยู่บนซอกฝ้าเพดานห้องโถงใหญ่ น่าสงสัยว่าอยากจะทดลองนั่งเก้าอี้ประธานหัวค้อน
เป็นบรรยากาศซึ่งสร้างความเฮฮา สตรีส่งเสียงหวีดว้ายกระตู้วู้ เหมือนจะเอาใจช่วยตัวเลื้อยคลานให้รอดพ้นจากการไล่ล่า เมื่อเจ้าหน้าที่หมดปัญญา ต้องขอความช่วยเหลือจากพนักงานสวนสัตว์ดุสิตมาไล่จับ รื้อฝ้าเพดานหาทางเอาตัวลงมาให้ได้ แต่จับตัวได้ไม่ง่ายดังใจ ดูน่าสมเพชยิ่งนัก
ผลสุดท้ายชะตากรรมของตัวเงินตัวทองจะโดนล้างแค้นลับหลังสื่อหรือไม่ ก็สุดแล้วแต่เวรกรรม! เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ตัวเงินตัวทอง หรือเรียกง่ายๆ ว่า “ตัวเหี้ย” นั้นเป็นสัตว์คู่สภาและทำเนียบไทยคู่ฟ้า เคยออกมาเลื้อยโชว์ผู้นำสหรัฐฯ บารัก โอบามา ก่อนวาระแม่นางโพยส่งตาเยิ้มหวาน
จะโทษว่า “ตัวเหี้ย” โอหังเกินตัวคงไม่สมเหตุผล เพราะสมาชิกสภาทาสนั้นมีพฤติกรรมเลวร้ายกว่าสัตว์เลื้อยคลาน ไม่เคยโกงบ้านกินเมือง ได้แต่จับสัตว์ขนาดเล็กหรือสิ่งเน่าเหม็นเป็นอาหาร ต่างจากพวกอาชญากรกังฉินในสภา กินไม่เลือก เช่น อาคาร หิน ดิน ปูน ทราย โครงการระดับล้านล้านบาท
ถ้าตาย หนังยังทำกระเป๋าได้ราคาแพง แต่ขี้ข้าบักเหลี่ยมในสภาทาส หาประโยชน์ได้ไม่ ถ้าฝังก็เป็นปุ๋ย ถ้าเอาศพไปสกัดก็ได้ไขมันเป็นสบู่ก้อนเดียว แต่ขณะที่มีชีวิตอยู่นั้นสมาชิกสภาทาสขี้ข้ามีพฤติกรรมชั่วร้ายเกินบรรยาย
ยิ่งช่วงนี้มีความพยายามปลดเปลื้องโทษอาญาแผ่นดินให้พวกขี้ข้าในขบวนการฆ่าทหาร ปล้นร้านค้า เผาเมือง ไม่ไยดีต่อทุกข์ร้อนของชาวบ้าน ก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นความเสื่อมโทรมของสถาบันผู้แทน ทำให้รู้สึกว่า ถ้าไม่มีก็ได้
“เหี้ย”จึงมีประโยชน์ต่อระบบนิเวศน์ ความสมดุลของธรรมชาติ แต่ประเทศไทยกำลังจะเสียดุล ศูนย์มีปัญหา เพราะพฤติกรรมชั่วร้ายขายชาติในกลุ่มนักการเมือง รู้ทั้งรู้ว่าการดันทุรังออกกฎหมายนิรโทษกรรมต้องเผชิญการคัดค้านต่อต้านโดยคนดี แต่ก็ยังไม่เลิกรา พร้อมเดินหน้า แตกหักเพื่อนายทาส
ความลำพองในอำนาจ อยู่เหนือกฎหมาย ทำให้ขบวนการขี้ข้ารังควานข้าราชการฝ่ายตรงข้ามที่ไม่ยอมสยบก้มหัวรับใช้ การไล่คุกคามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วยการชุมนุม แจ้งความเท็จให้ตำรวจดำเนินคดี เกิดความรู้สึกด้านลบกระจายตัว รอวันปะทุแตกขึ้นมาทำให้ขบวนการทุรชนสิ้นอำนาจ
จากการคุกคามตุลาการได้ลามไปสู่การหาเรื่องบุคคลเป็นรายตัว จากนั้นจะไล่ล่าศาลฎีกาและองค์กรอิสระอื่นๆ หวังรวบอำนาจให้เต็มที่ แต่ผู้นำรัฐบาล แม่นางโพยปูโพรกเน่าในชิ่งออกห่าง ไม่มีส่วนร่วมกิจกรรมในสภา หาโอกาสไปต่างประเทศ เช่าเหมาลำเครื่องบิน ผลาญงบประมาณต่อเนื่อง
ศึกระหว่างทุรชนขี้ข้าบักเหลี่ยมกับคนดีที่เหลือในแผ่นดินครั้งนี้ น่าจะเป็นศึกครั้งสุดท้าย ฝ่ายกังฉินจ้องหวังงบประมาณก้อนใหญ่ 3.5 แสนล้านบาทเพื่อโครงการจัดการน้ำ 2 ล้านล้านบาทเพื่อโครงการโกงในรถไฟความเร็วสูง บวกกับงบประมาณประจำปีอีก 2.7 ล้านล้านบาท หักหัวคิวถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์
ถ้าจะต้องตกจากอำนาจยังมีทุนเพื่อหวนคืนผ่านกระบวนการซื้อเสียง ดังนั้น กลุ่มคนรักชาติยังต้องมีภารกิจใหญ่หลวงในการสกัดกั้นไม่ให้ขบวนการทุรชนขี้ข้าฮุบเงินก้อนมหาศาล ส่งผลให้ลูกหลานเป็นหนี้ 50 ปี
ดังนั้น เราจึงได้เห็นอารมณ์คลุ้มคลั่งกระวนกระวายของบักเหลี่ยมหนีคุก สั่งการเพื่อให้ตัวเองได้พ้นโทษ แบบไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็ใช้ความหน้าด้าน โดยมีส่วนแบ่งจากเงินโกงบ้านกินเมืองเป็นรางวัล
การบริหารงานแบบไร้ความรับผิดชอบ ความเสียหายร้ายแรงต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นความวิปต! แม่นางโพยปูโพรกก้าวสู่อำนาจจากการเผาบ้านเผาเมือง จากนั้นปี 2554 น้ำท่วมทั่วประเทศ ในปี 2555 ต่อเนื่องถึงปีนี้มีภัยแล้งคุกคามทั่วแผ่นดิน นโยบายชั่วร้ายจำนำข้าวทำให้ข้าวเน่าเต็มโกดังโรงสี
ล่าสุด เกิดไฟฟ้าดับทั่วภาคใต้ เหตุที่เอ่ยมาล้วนเป็นเหตุการณ์เลวร้าย ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย ยิ่งมีเรื่อง “กะหรี่” และ “หญิงชั่วขายชาติ” ทำให้แม่นางโพยปูโพรกเน่าในตัดสินใจค้าความ ไม่ยอมกินขี้หมาตามคำเตือนในสุภาษิตจีน อ้างว่าเสียหาย ก็ทำให้เกิดสีสันแปลกๆ ต่อเนื่อง
อะไรจะเกิดขึ้นในบ้านเมืองจากนี้ไป มีคำทำนายผสมกับการคาดเดาสารพัด หลายฝ่ายเชื่อมั่นว่าจุดจบของขบวนการขี้ข้าบักเหลี่ยมคงไม่ไกล ความหวังจะไปให้ถึงก้นซอยนั้น อย่างมากคงได้เป็นการซอยเท้าอยู่กับที่
แม่นางโพยปูโพรกได้ทำตัวเป็นอุปสรรคสำคัญเกินกว่าบักเหลี่ยมจะก้าวข้ามได้ นั่นเป็นความวิปริตอีกมิติหนึ่ง คือ เลือดไม่ข้นกว่าน้ำเสมอไป ผลประโยชน์ขัดกันก็บรรลัย ใครจะนึกว่าความเอ๋อนั้นมีฤทธิ์ร้ายเช่นกัน!