xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“พญาปลอด”ท้ารบเทวดา ลิเกหลอกผู้นำต่างชาติของเผด็จการปชต.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายปลอดประสพ สุรัสวดี
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ลิเกหลงยุคแต่งชุดเจ้าล้านนาเล่นละครหลอกลวงผู้นำต่างชาติ บิดเบือนประวัติศาสตร์ ไม่อายฟ้าอายดิน ซ้ำยังคำรามจับกุมคุมขังประชาชนผู้มีความเห็นต่างอย่างไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นสิ่งที่คนระดับรองนายกรัฐมนตรี นายปลอดประสพ สุรัสวดี จะพึงประพฤติปฏิบัติ ในขณะที่พรรคเพื่อไทยและบรรดาสาวกเสื้อแดงต่างกู่ตะโกนสู้เพื่อประชาธิปไตย

พฤติกรรมหลอกลวงผู้นำโลกโดยจัดเวทีคุยโม้เรื่องการบริหารจัดการน้ำและพฤติกรรม ส่อ เผด็จการของระดับผู้บริหารประเทศคราวนี้ ทำให้ประชาชนรู้เช่นเห็นชาติอย่างไม่ต้องสงสัยในไอคิวและอีคิวว่ามีอยู่มากน้อยเพียงใด

มาดูว่าวาจาที่นายปลอดประสพ พ่นลมปากออกมาหยามเหยียดประชาชนคนเห็นต่างนั้นเป็นอย่างไร “เอ็นจีโอกังวลการแสดงบิดเบือนข้อมูล คนที่พูดเรื่องนี้เป็นคนที่น่าเกลียดที่สุด สันดานหยาบช้า ผมเล่นตามบทประพันธ์ ตามประวัติ ซึ่งทำเป็นลายลักษณ์อักษร จะไปบิดเบือนอะไร เขาไม่ได้นิสัยโกหกอย่างพวกคุณ เลยมองคนอื่นเป็นแบบนั้นไปหมด กรุณาอย่าถามผมเลย ผมรู้สึกรังเกียจที่จะรับฟังและตอบ” นายปลอดประสพ ตอบคำถามต่อกระแสต่อต้านการแสดงเป็นพญามังราย ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา ในงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำประเทศที่เข้าร่วมประชุมผู้นำด้านน้ำเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 14-20 พฤษภาคม 2556 ที่ศูนย์การประชุมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดเชียงใหม่

นายปลอดประสพ ยังเสแสร้งแกล้งสงสัยว่า ทำไมต้องต่อต้าน ตนก็เป็นนักแสดงคนหนึ่ง ละครเรื่องนี้เคยแสดงเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ครั้งนี้นำมาเล่นใหม่ในบทเดิมตามประวัติศาสตร์ทุกอย่าง และสาเหตุที่ต้องไปเล่นที่เวียงกุมกาม เพราะเป็นจุดกำเนิดของจังหวัดเชียงใหม่ และเป็นบทเรียนเกี่ยวกับเรื่องน้ำเพราะน้ำท่วมที่ควบคุมไม่ได้สามารถทำลายเมืองได้

การสวมบทเป็นพญามังราย แต่งกายด้วยชุดไทยล้านนา นุ่งผ้าถุง มีทับทรวง และสวมมงกุฎ ชี้นิ้วขึ้นฟ้าท้ารบเทวดา ของรองนายกรัฐมนตรี ปลอดประสพ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เป็นเรื่องที่ชาวเหนือลูกหลานล้านนารับไม่ได้อย่างยิ่ง เพราะตามประวัติศาสตร์นั้น พญามังราย ไม่เคยชี้นิ้วท้ารบฟ้าพญาแถน และพระองค์ท่านยังใช้ระบบจัดการน้ำแบบเหมืองฝายที่ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ใช่เมกะโปรเจกต์ที่สร้างความเดือดร้อน ซ้ำยังกีดกันประชาชนไม่ให้มีส่วนร่วมแม้แต่การแสดงความเห็นก็ไม่ได้ อย่างที่นายปลอดประสพ และรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังประพฤติปฏิบัติอยู่ในเวลานี้

เรื่องนี้ นอกจากจะเป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์แล้ว ยังถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ดังที่ นิวัฒน์ ร้อยแก้ว ที่ปรึกษาเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรและวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง-ล้านนา อ.เชียงของ จ.เชียงราย สะท้อนว่าการอ้างตัวเองเป็นพญามังราย ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างมาก เหมือนกับเป็นการลบหลู่บุคคลที่ชาวเหนือเคารพและศรัทธา หากเนื้อหาละครเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำท้าทายฟ้า ถือว่าเป็นการลบหลู่และดูหมิ่นพญามังรายเป็นอย่างยิ่ง เพราะการ จัดการน้ำในสมัยพญามังรายนั้น ประชาชนมีส่วนร่วมเป็นสำคัญเห็นได้จากการทำระบบเหมืองฝาย ซึ่งมีกฎกติกาของชุมชนคอยกำกับดูแล และกลายเป็นส่วนหนึ่งของมังรายศาสตร์ ที่สำคัญคือพญามังรายไม่เคยท้ารบกับฟ้ากับแถน ดังนั้นไม่ควรกระทำใดๆ บิดเบือนสิ่งที่พญามังรายได้คิดและถ่ายทอดเป็นมรดกให้ลูกหลานชาวล้านนา หากเป็นสมัยก่อนใครก็ตามที่เอาแนวความคิดของพระมหากษัตริย์ไปบิดเบือนจะถูกข้อหาฉกรรจ์มีโทษประหารอย่างเดียว

เช่นเดียวกับ รุ่ง ใจมา นักวิชาการท้องถิ่นและกรรมการสถาบันยวนศึกษา จังหวัดเชียงราย ที่เห็นว่า การบิดเบือนวิธีจัดการน้ำของพญามังราย คือ ระบบเหมืองฝาย โดยในมังรายศาสตร์ซึ่งถือเป็นกฎหมายที่เริ่มตราใช้ในสมัยพญามังรายเป็นต้นมา ทุกฉบับกล่าวตรงกันว่า “ควรแต่หื้อไพร่มีมื้อเปลี่ยนกัน หื้ออยู่บ้านสร้างเหมืองฝายไร่นาเรือกสวนที่ดิน หื้อไพร่มีที่ทำกิน อย่าหื้อไพร่เป็นทุกข์” แสดงว่าระบบเหมืองฝายเป็นสิ่งสำคัญมากในสมัยนั้น

“คนที่บิดเบือนแนวคิดนี้จะมีโทษหนักหนาสาหัสตรงที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพของพญามังรายปฐมกษัตริย์ชาวยวนล้านนา เอาสิ่งที่พญามังรายไม่เคยปฏิบัติมาเปลี่ยนเป็นเคยทำ ถือว่าบิดเบือนประวัติศาสตร์ ควรประหารชีวิตเจ็ดชั่วโคตร” นักวิชาการท้องถิ่นผู้นี้ตอกย้ำ

ไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น นายปลอดประสพ ยังลุแก่อำนาจ ใช้วาจาสามหาว แสดงตัวตนเป็นเผด็จการหลงยุค ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2556 กรณีที่อาจจะมีกลุ่มประชาชนที่ทำงานด้านทรัพยากรน้ำมาเคลื่อนไหวชุมนุมและแสดงความเห็นในระหว่างการประชุมผู้นำด้านน้ำฯ ว่า “มาก็จับ ทำผิดกฎหมายก็จับ มันไม่ใช่ที่ที่จะมาประท้วง ฝากบอกไปด้วย มาประชุม เพื่อสร้างชื่อเสียง สร้างหน้าสร้างตาให้ประชาชน ไม่มีที่ไหนใครเขาไปทำร้ายใคร บรูไนเขามาพูดเรื่องบรูไน อิหร่านเขาก็มาพูดเรื่องอิหร่าน เกาหลีเขาก็มาพูดเรื่องเกาหลี คุณจะมาประท้วงอะไร อย่ามานะ ทำผิดกฎหมาย สั่งจับเลย และคนเชียงใหม่ก็ไม่ควรปล่อยให้พวกขยะเหล่านี้มาเกะกะ คุณเขียนอย่างผมพูดเลย กล้าเขียนหรือไม่”

ทันที่ที่เปรียบประชาชนที่จะมาเคลื่อนไหวเป็น “ขยะ” สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ก็ออกแถลงการณ์ตอบโต้กลับทันที เพราะถือเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และเป็นการหมิ่นเกียรติของความเป็นมนุษย์ ทั้งยังอาจเข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทผู้ชุมนุม เป็นการแสดงทัศนคติที่ขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้เสรีภาพในการชุมนุมอันเป็นรากฐานของระบอบประชาธิปไตย พร้อมกับเรียกร้องให้นายปลอดประสพ กล่าวคำขอโทษและยุติการใช้ถ้อยคำข่มขู่คุกคาม

แต่แทนที่นายปลอดประสพ จะสำนึกและรู้ตัวว่าทัศนคติและพฤติกรรมที่แสดงออกมานั้น เป็นเรื่องที่คนที่มีตำแหน่งในระดับผู้บริหารประเทศไม่พึงปฏิบัติต่อประชาชนและเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจเสียยิ่งกว่า เขากลับยืนยันไม่มีวันขอโทษ และถากถางต่ออีกว่า “ด่าคนอื่น ด่าจ๋อยๆ ด่าหมดทุกคน พอถูกด่าบ้างทุรนทุราย”

มิหนำซ้ำนายปลอดประสพ ยังโชว์พาวด้วยว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ สอบถามถึงเรื่องที่ตนเองให้สัมภาษณ์หากมีการชุมนุมประท้วงจะสั่งจับกุมหมดและเปรียบเทียบกลุ่มมวลชนที่มาแสดงความเห็นว่าเป็นเหมือนขยะแต่อย่างใด ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ก็หนีไม่พ้นที่จะถูกมองว่าเป็นคนลวงโลกไม่แตกต่างไปจากนายปลอดประสพ เพราะก่อนหน้าเธอเพิ่งให้สัมภาษณ์ว่า “เดี๋ยวต้องประสานกับท่านว่าหมายความเจตนาอย่างไร เพราะจริง ๆ แล้วอาจจะเป็นการพูด แต่จริงๆ แล้วเจตนาก็เชื่อว่าเราทุกคน ยินดีรับฟังค่ะ”

เอ็นจีโอที่ถูกกล่าวพาดพิง อย่างเช่น นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ ประธานมูลนิธิการจัดการน้ำ แบบบูรณาการ ได้ตอบโต้นายปลอดประสพ กลับไปว่า เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรี ไม่ควรพูดแบบนี้ และไม่สมควรดำรงตำแหน่งนี้ ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยประชาชนมีสิทธิแสดงออก การที่มาด่าประชาชนว่าเป็นขยะ นี่คือการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่า ต้องรับฟังความคิดเห็นประชาชนก่อนแล้วค่อยหาผู้รับเหมา แต่นี่หาผู้รับเหมาก่อนแล้วให้ผู้รับเหมาไปศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ประชาชนไม่มีส่วนร่วม

“การที่ใครออกมาลุกท้วงติงแล้วถูกมองเป็นยักษ์เป็นมารมันเกินไป เพราะประธานกบอ.พูดจาไม่รู้เรื่อง เชิญมาชี้แจงก็ไม่เคยมา ออกทีวีก็ออกคนเดียว เปลี่ยนตัวประธานเถอะ เอาคนรู้เรื่องน้ำมาทำ เพราะท่านเป็นคนไม่ฟังคนอื่น ไม่เช่นนั้นรัฐบาลไปไม่รอด” ประธานมูลนิธิการจัดการน้ำแบบบูรณาการ เรียกร้อง

กล่าวสำหรับการประชุมผู้นำด้านน้ำครั้งนี้กับโครงการบริหารจัดการน้ำมูลค่า 3.5 แสนล้านบาทนั้น ถูกตั้งข้อสังเกตมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าเป็นเพียงเวทีที่นายปลอดประสพ ใช้สำหรับสร้างภาพหลอกลวงชาวโลกเท่านั้น เพราะมีผู้วิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอดว่า โครงการบริหารจัดการน้ำที่รัฐบาลอวดโอ่ว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง น้ำกินน้ำใช้สารพัดนั้นถึงที่สุดจะเกิดขึ้นไม่ได้จริงดังโม้ เพราะข้ามขั้นตอนต่างๆ มากมาย และจะสร้างความเดือดร้อน เสียหายหนักเสียยิ่งกว่าโครงการโฮบเวลล์ เมกะโปรเจ็กต์ในอดีตที่ตามหลอกหลอนจนบัดนี้

ดังเช่นเสียงท้วงติงจากนายปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน อดีตกรรมการคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ที่ออกมาวิจารณ์อีกครั้งผ่านสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ว่ารัฐบาลท่าจะหลงทาง เวลานี้การขับเคลื่อนมันข้ามขั้นตอน ไปแล้วเดี๋ยวมันจะติด เพราะยังไม่ผ่านขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ของงาน ไม่ผ่านการศึกษาผลกระทบ ทีโออาร์บอกให้ทำ บอกให้สร้างเสร็จใน 5 ปี เป็นไปไม่ได้ ไม่ผ่านการวิเคราะห์กลั่นกรองแล้วมันจะได้อะไร เสนอราคาเซ็นสัญญาไปแล้วและถ้าเกิดความไม่เหมาะสมขึ้นมาจะว่าอย่างไร ที่สำคัญถ้าไม่เสร็จถูกปรับรายวัน แล้วไม่เป็นเรื่องกับเอกชนหรือ พอฟ้องกันงานก็หยุดชะงัก

นายปราโมทย์ กล่าวด้วยว่า เราก็ตั้งความหวังว่ารัฐบาลจะไม่ติดขัดอะไรเลย ขอให้สำเร็จลุล่วงไป ที่เป็นห่วงคือกระบวนการจัดการต้องมีหัวหน้าใหญ่อาจเป็นจีน หรือเกาหลี หลังจากนั้นแน่นอนเขาต้อง subcontract มีหัวคิว เพราะเขาอยู่ประเทศเขาจะเอาที่ไหนมาทำก็ต้องใช้บริษัทย่อยๆ ในไทย นี่คือหัวคิวที่เป็นไปโดยอัตโนมัติ คนที่รับสตางค์ไปทำงานจริงๆ มือสุดท้ายก็ต้องทำกำไรไม่ให้ขาดทุน แล้วคุณภาพงานจะเป็นอย่างไร รัฐบาลจะตามทันหรือ จะดูแลการก่อสร้างได้ดีหรือไม่ เพราะควบคุมเรื่องกฎหมายอย่างเดียวไม่ได้ ถ้ามันติดขัดงานชะงักก็จะเสียหมด

“ ตนท้วงแต่แรกให้ถอย แต่รัฐบาลเดินหน้า ถ้าไม่เปลี่ยนตัวหัวหน้าหรือกระบวนการจัดการ มันจะติด แล้วมันเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งกว่าโฮปเวลล์” อดีตกรรมการ กยน. ทักท้วง

พฤติกรรมที่เข้าข่ายเผด็จการ บ้าอำนาจ ไม่เห็นหัวประชาชน ไม่สน ไม่ฟังใคร ของนายปลอดประสพ ทำให้เกิดเสียงเรียกร้องขอให้นางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ปลดนายปลอดประสพ ออกจากตำแหน่งประธานกบอ.ดังขึ้นเรื่อยๆ

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการโพสต์ข้อความพร้อมภาพตัวเงินตัวทองขึ้นเฟซบุ๊คของศิลปินรุ่นใหญ่ "สุเทพ ถวัลย์วิวัฒนกุล" หัวหน้าวงดนตรี "โฮป แฟมิลี่" บอก "เหี้ย เป็นชื่อของสัตว์ไม่น่ารังเกียจ แต่คนนิสัยเหี้ยๆ อย่างสัตว์ประสพสิน่ารังเกียจ" ซึ่งไม่รู้ว่า "สัตว์ประสพ" ที่หัวหน้าวงโฮป แฟมิลี่ ว่านั้นหมายถึงใคร

น่าสงสัยอย่างยิ่งว่าจะใช่รองนายกรัฐมนตรีที่มีความคิดแบบขยะ ล้าหลัง เผด็จการ ที่มีแต่จะทำให้ประเทศชาติเสียหายและเสียหน้า หรือไม่?



กำลังโหลดความคิดเห็น