โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
เมื่อมี คอ นก รีต, ขน-อม, ก็ย่อมมี ปล-อด! ดังนั้น เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อผู้สื่อข่าวถามแม่นางโพยปู่โพรกเน่าในว่ามีความเห็นอย่างไร กับคำพูดก้าวร้าวของ “ปลอดประสพ” ผู้เรียกชาวบ้านซึ่งอยากไปชุมนุมที่เชียงใหม่ว่า “ขยะ”
แม่นางบอกยังไม่รู้เรื่อง ทั้งๆ ที่พฤติกรรมห่ามของอดีตข้าราชการซึ่งถูกไล่ออกเพราะประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เป็นข่าว ชาวบ้านด่าทั้งเมือง
นั่นนางคิดว่า “ปลอดประสพ” เป็นคนละคนกับ “ปล-อด” ต่อให้ถามสักกี่ครั้ง อย่างไร แม่นางโพยย่อมไม่รับรู้ว่า “ปล-อด” ไปพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยามชาวบ้านที่ไหน เพราะพูดไม่เข้าประเด็น ตั้งคำถามไม่ตรงกับความเข้าใจตื้นเขิน
“ปล-อด” ในสายตาของแม่นางโพยนั้น ถือว่าเป็นผู้กล้า ท้าชนคนทั้ง 10 ทิศ ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาล เนื่องจากมีความอดทน แม้จะมีเสียงก่นด่าจากชาวบ้านทั้งแผ่นดินช่วงน้ำท่วมทั่วประเทศ “ปล-อด” ไม่รู้สึกรู้สา ระอาใจ
อยู่ในระดับชั้นใกล้เคียงกับแม่นางโพย ซึ่งถูกมองโดยชาวบ้านไทย และประชาคมโลกว่ามีปัญหาด้านการใช้สติปัญญา การอ่านภาษาไทย และภาษาอังกฤษ สร้างความอับอายขายหน้าหลายครั้ง แต่แม่เจ้าประคุณก็ทนได้
“ปล-อด” นั้นไม่ธรรมดา บทบาทพฤติกรรมกร่าง โฉ่งฉ่าง ท้าชาวบ้านรบรอบทิศ จะสร้างเขื่อนแก่งเสือหิว ผลาญป่าแม่วงศ์ แต่คนวงในรู้กันทั่วว่าคนเสียงดังแบบนี้แหละ ตัวจริงนั้น “อ” หาย เหลือเพียง “ปอด” ในสภาพแหกสุดๆ
เก่งเพราะมีตำแหน่ง แวดล้อมด้วยลูกน้อง บริวาร ไม่กล้าเดินคนเดียว! ช่วงจะลุยชุมชนเพื่อสร้างเขื่อนแก่งเสือหิว ชาวบ้านสะเอียบประกาศอย่างไม่หวั่น “ตำบลสะเอียบเป็นเขตปลอด ’ปลอดประสพ’” เป็นพื้นที่ห้ามเข้า เอาโลงใส่หุ่นมาตั้ง ทำพิธีเผาพริกเผาเกลือสาปแช่ง ขอให้ “ปล-อด” อยู่ไม่เป็นสุข
จะเป็นเพราะเหตุนี้หรือไม่ ทำให้ “ปล-อด” มีการคล้ายคนมีปัญหาด้านสติ เหมือนคนบ้า! บ้างก็ตั้งข้อสังเกตว่าวิญญาณของลูกจระเข้ เหยื่อกระสุนปืนเอ็ม 16 หรือวิญญาณอาฆาตของลูกเสือโคร่ง 100 ตัว มาเข้าสิง จึงทำให้ออกอาการไม่ปกติ อยากแต่งตัวเป็นพญาเม็งราย ผู้ก่อตั้งเชียงราย เชียงใหม่
พฤติกรรม คำพูดของ “ปล-อด” เผชิญปฏิกิริยาหลากหลาย มีทั้งโมโห ระอา และเฉยเมย เมื่อรู้ว่าชายวัย 67 ปีย่อมแสดงอาการของคนวัยทอง ชาวบ้านมองว่าคงเป็นเพราะอยู่ในสภาพเหมือนคางคกขึ้นวอ เป็นจำเลยคดีอาญาแต่ได้ตำแหน่งใหญ่โต ก็ทำให้อาการพองตัว ลืมไปว่ามีชนักปักหลัง
การดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เรียกประชาชนคนเสียภาษีว่า “ขยะ” อาจเป็นเกมตื้นๆ แต่ได้ผล ในการกระชากความสนใจของชาวบ้านจากเรื่องฮือฮาเชื่อมโยงกับคำพูดว่า “กะหรี่” และ “หญิงชั่วขายชาติ” ซึ่งทำให้แม่นางโพยรู้สึกกระอักกระอ่วน หาทางออกไม่ได้เมื่อยังเป็นที่โจษจันทั้งเมือง
และได้ผล จริงๆ เมื่อ “ปล-อด” ด่าคนค้านโครงการผลาญเงินว่าเป็น “ขยะ"”ทำให้แม่นางโพยรู้สึกเบาตัว! แถมยังมี “เฉ-ลิม” บางบอน ออกมาผสมโรง เหน็บ “ปล-อด” ว่าไม่มีอำนาจสั่งตำรวจให้จับใคร ก็ยิ่งเพิ่มสีสัน
ดังนั้น การเล่นเกมเบี่ยงเบนความสนใจให้ห่างจากแม่นางโพย จึงได้ผลชั่วคราว ตราบใดที่คดีความยังค้างอยู่ และพวกขี้ข้าบักเหลี่ยมสร้างกิจกรรมหนักแผ่นดินต่างๆ ก็ยิ่งยกระดับความเกลียดชังพวกนักการเมืองชั่วขายชาติ
แต่คราวนี้ “ปล-อด” มีโอกาสอยู่บนเวทีความเด่น รับบทบาทสายล่อฟ้า นักเรียกแขกหลายวันในเชียงใหม่ นอกจากทำตัวเป็นกูรู ผู้รู้ในสายตาคนต่างชาติ มาร่วมประชุมมีสาระ แต่ “ปล-อด” อยากแสดงละครเป็นเจ้าเมือง
ยอมแต่งกายโชว์พุงหลามเหมือนไหข้าวลาว อุดมไปด้วยไขมัน เพราะอยู่ไม่ดี กินไม่ดี ทึกทักว่าตัวเองเหมาะกับบทเจ้าเมือง ฝ่ายชาวบ้านมองแล้วนึกถึงคนบ้าแต่งตัวเป็นพระเอกลิเก ถือดาบไม้ เดินเร่ในตลาดเมื่อบ้าได้ระดับ
ความเป็นจริง “ปล-อด” เป็นเพียงขี้ข้าบักเหลี่ยม ย่อมทุ่มสุดตัวเพื่อรักษาเก้าอี้ และบริหารเงินก้อนมหาศาล 3.5 แสนล้านบาท! ต้องใจกล้าทำทุกอย่างเพื่อให้เข้าเป้า ตามแนวนโยบายโกงกินคำโต กู้มาโกง ไม่กลัวโทษอาญา
ความห้าวกร้าวกร่างคงเส้นคงวา เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะขอโทษชาวบ้านหรือไม่ “ปล-อด” ย้อนว่าเรื่องอะไรจะทำอย่างนั้น เมื่อชาวบ้านยังด่าตัวเองในโซเชียลมีเดียแบบสาดเสียเทเสีย เปรียบเทียบเป็นตัวเสนียดจัญไรสิ้นดี
ศักยภาพปากกล้าของ “ปล-อด” ถือว่าให้คุณแก่แม่นางโพย อาจมองแล้วว่าตัวเองไม่มีอะไรจะเสีย ถูกตราหน้าว่าประพฤติชั่วร้ายแรง ดังนั้นใครจะว่าอย่างไร แต่ได้คำชมจากบักเหลี่ยมและแม่นางโพย ถือว่านั่นเป็นผลสำเร็จ
ดังนั้นทั้ง “ปล-อด” และ “ปลอดประสพ” เป็นเพียงฟืนอีกดุ้นถูกโยนเข้ากองไฟเพื่อรอวันระเบิดของอารมณ์มวลชนที่จะรวมตัวกันออกมาขับไล่ เป็นการสะสมแต้มของความเกลียดชังพวกคนชั่วขายชาติ ขบวนการเสื้อแดงถ่อย
ช่วงนี้จึงเป็นการเร่งเกมเดินหน้า ขี้ข้าบักเหลี่ยมในสภาทาส และ “เฉ-ลิม” จะดันกฎหมายนิรโทษกรรม ยกโทษ คืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาทให้บักเหลี่ยม จ่ายรางวัลให้พวกอาชญากรฆ่าทหาร เผาเมือง อยากให้ถึงวันแตกหัก
อารมณ์ต้านรัฐบาลนักการเมืองชั่วระอุที่สนามหลวง จะยืนระยะ ได้รับการสนับสนุนจากชาวบ้านมากเท่าไหร่ อาจต้องใช้เวลาจนกว่าไทยเฉยจะรู้สึกว่าตัวเองควรมีหน้าที่เป็นพลเมืองดี ตอบแทนการมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินนี้!