**ดูจะร้อนตัวไปหน่อย สำหรับการออกมาประสานเสียงของ “คนเพื่อไทย” ที่ปฏิเสธทันควันว่าเหตุการณ์ที่มือดี ขว้างลูกเปตอง ซ้ำด้วยประทัดยักษ์เข้าใส่สำนักงานไทยรัฐ ริมถนนวิภาวดี-รังสิต เมื่อเช้ามืดวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมาว่าไม่เกี่ยวกับคนเสื้อแดง
โดยเฉพาะรายของ “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ที่ออกมาปัดสวะพ้นตัว โบ้ยไปว่างานนี้เป็นผลงานของ “มือที่สาม เท้าที่สี่”ที่หวังสร้างภาพความขัดแย้งระหว่างไทยรัฐ - คนเสื้อแดง –พรรคเพื่อไทย
ส่วนจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวอย่างไร ก็คงต้องฝากไว้กับฝีมือตำรวจ ในการสืบสวนหาคนผิดมาลงโทษ และทำให้เรื่องราวกระจ่าง เพราะทางตำรวจเองก็ฟันธงว่า คนร้ายต้องเตรียมการ หรือวางแผนไว้ล่วงหน้า
ก็ต้องขอดักคอกันก่อนตรงบรรทัดนี้เลยว่า ไม่ใช่สืบไปสืบมาชนตอเข้าแล้วมาปิดสำนวนสรุปว่าเป็นแค่พวกวัยรุ่นขาป่วน ทำด้วยความคึกคะนองก็กระไรอยู่
**เพราะถือเป็นการ“คุกคามสื่อมวลชน”อย่างร้ายแรง
กลับมาว่ากันต่อถึงสาเหตุที่คนของพรรคเพื่อไทยร้อนรน จนต้องออกมาแถลงข่าวว่าไม่เกี่ยวกับคนเสื้อแดง ก็คงมาจากที่ไม่กี่สัปดาห์ก่อนเกิดวลี “กระหรี่เร่ขายตัว–คนชั่วเร่ขายชาติ” ในสังคมออนไลน์ ทำให้คนเพื่อไทย และกลุ่มผู้สนับสนุนไม่พอใจพฤติกรรมของ “ชัย ราชวัตร”การ์ตูนนิสต์แห่งค่ายไทยรัฐ
และก็เป็นคนเสื้อแดง ที่แห่กันไปถือป้ายประท้วงหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ถึงสองครั้งสองครา เมื่อช่วงต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมประกาศ “บอยคอต”ให้สาวกประท้วงโดยการไม่ซื้อนสพ.ไทยรัฐ ทั่วประเทศ แถมยังมีนัดให้คนเสื้อแดงบุกไปชุมนุมทวงคำตอบจากไทยรัฐ อีกในวันที่ 14 พ.ค.ที่จะถึงนี้
พฤติการณ์ “ถ่อย–เถื่อน”ของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันนั้น ทำให้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ประณามว่า เป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนมาแล้ว
พอมี “ประทัดยักษ์ –ลูกเปตอง”โผล่ตูมเข้าไปในสำนักงาน นสพ.ยักษ์ใหญ่ ก็ย่อมต้อง“ร้อนตัว”เป็นไส้เดือนถูกขี้เถ้าเป็นธรรมดา
**ที่สำคัญวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อภาพของคนเสื้อแดง ผูกติดกับความรุนแรงไปแล้ว ฐานะ“ผู้ต้องหาหมายเลขหนึ่ง”ก็หนีไม่พ้นเช่นกัน
ในความเป็นจริง “สื่อยักษ์หัวเขียว”ฉบับนี้ ก็เป็นแนวร่วม ของ “ทักษิณ ชินวัตร”และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมา แบบรู้ๆ กันอยู่ จนพูดกันว่า อุดมการณ์ความเป็น“หมาเฝ้าบ้าน”เลือนลางจนแทบไม่เหลือ
ดูแค่ “บทวิเคราะห์การเมืองหน้า 3”ที่เคยได้รับการยอมรับ มาวันนี้กลับสร้างประเด็นเชียร์ รัฐบาลเพื่อไทยอย่างออกนอกหน้าออกตา อาจจะมีเพียง “ฉบับวันอาทิตย์”เท่านั้นที่ยังนำเสนออย่างตรงไปตรงมาอยู่บ้าง
พอเกิดกรณี “ชัย ราชวัตร”ก็ทำให้น้ำผึ้งก็เริ่มขม ความสัมพันธ์อันดีของ ทักษิณ–ไทยรัฐ เริ่มปริร้าว มีความขัดแย้งกันหนักขึ้น แต่การจะไปเปิดหน้าชนกับสื่อที่ได้ชื่อว่าเป็น“นสพ.ยอดนิยม”ย่อมไม่ใช่หนทางที่ฉลาดนัก “ลิ่วล้อ–แนวร่วม”มีหรือจะหาญกล้าเปิดหน้าแลก ??
**คงต้องเป็นระดับ“นายใหญ่”กดปุ่มไฟเขียวเท่านั้น
ดังนั้นสิ่งที่เกิดกับไทยรัฐ คงตีความเป็นอื่นไม่ได้ว่า ได้รับความเห็นชอบจากคนระดับนายใหญ่แล้ว และเท่ากับว่าวันนี้หากใครวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลในทางเสียหายไม่ได้ หรือ“ผู้มีอำนาจ”ทนต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อไม่ได้
แม้จะเป็นมหามิตรกันมาก่อนก็ตาม ก็จะถูกเขี่ยไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามแบบไม่ใยดี ซ้ำยังระดมสมุนไปไล่ล่า เอาคืนอีกสารพัดวิธี
นี่แล...ที่เขาว่ากันว่าเป็น "การเมืองสไตล์ทักษิณ"
ขนาดสื่อหัวเขียว ที่เคยคบกันมา อี๋อ๋อกันมานาน ยังโดนหนักข้อขึ้นทุกขณะ ก็ไม่แปลกที่เวทีผ่าความจริงรายสัปดาห์ของพรรคประชาธิปัตย์ จะถูกคนเสื้อแดง ก่อกวนในทุกจังหวัดที่ไปเปิดวิก บางจังหวัดถึงขนาดบุกถล่มเวทีก็มี
โดยเฉพาะระยะหลังที่เหมือนเจาะจงเลือกจัดในจังหวัดทั้งภาคเหนือ–อีสานที่เป็นดงเสื้อแดง อย่างล่าสุดที่ จ.พะเยา บรรดาแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากคนเสื้อแดง ตั้งแต่ลงจากเครื่องที่สนามบิน จ.เชียงราย พร้อมนำเครื่องขยายเสียงประชันก่อกวนตลอดระยะเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์ปราศรัย
**กลายเป็น“โมเดล”ที่คอยปั่นป่วนผู้ที่เห็นต่าง
บรรยากาศการเมืองแบบนี้ สวนทางกับถ้อยคำหวานของผู้นำประเทศ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ที่เจื้อยแจ้วว่า น้อมรับความคิดของผู้เห็นต่าง อย่างสิ้นเชิง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการเมืองแบบที่คิดว่าเสียงข้างมากเป็นใหญ่เบ็ดเสร็จ และเป็นอารมณ์ของคนลุแก่อำนาจ มากกว่า
ด้วยหลักคิดดังกล่าว ย่อมส่งผลให้วิกฤติความแตกแยกลุกลามบานปลายขึ้นเรื่อยๆ “จุดแตกหัก”ก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ เมื่อการไล่ล่าของเครือข่ายระบอบทักษิณ ที่เกิดขึ้นกับกับผู้ไม่เห็นด้วย ถูกผลักให้เป็น“ฝ่ายตรงข้าม”เข้มข้นขึ้นตามอารมณ์ของผู้นำตัวจริง
**และยิ่งเป็นอารมณ์“หน้ามืด”ที่พร้อมเอาเป็นเอาตายแม้แต่กับมหามิตรด้วยแล้ว ความเสี่ยงที่ประเทศจะต้องเข้าโหมด“กลียุค”ก็สูงขึ้นทุกขณะ
--------------
โดยเฉพาะรายของ “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ที่ออกมาปัดสวะพ้นตัว โบ้ยไปว่างานนี้เป็นผลงานของ “มือที่สาม เท้าที่สี่”ที่หวังสร้างภาพความขัดแย้งระหว่างไทยรัฐ - คนเสื้อแดง –พรรคเพื่อไทย
ส่วนจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวอย่างไร ก็คงต้องฝากไว้กับฝีมือตำรวจ ในการสืบสวนหาคนผิดมาลงโทษ และทำให้เรื่องราวกระจ่าง เพราะทางตำรวจเองก็ฟันธงว่า คนร้ายต้องเตรียมการ หรือวางแผนไว้ล่วงหน้า
ก็ต้องขอดักคอกันก่อนตรงบรรทัดนี้เลยว่า ไม่ใช่สืบไปสืบมาชนตอเข้าแล้วมาปิดสำนวนสรุปว่าเป็นแค่พวกวัยรุ่นขาป่วน ทำด้วยความคึกคะนองก็กระไรอยู่
**เพราะถือเป็นการ“คุกคามสื่อมวลชน”อย่างร้ายแรง
กลับมาว่ากันต่อถึงสาเหตุที่คนของพรรคเพื่อไทยร้อนรน จนต้องออกมาแถลงข่าวว่าไม่เกี่ยวกับคนเสื้อแดง ก็คงมาจากที่ไม่กี่สัปดาห์ก่อนเกิดวลี “กระหรี่เร่ขายตัว–คนชั่วเร่ขายชาติ” ในสังคมออนไลน์ ทำให้คนเพื่อไทย และกลุ่มผู้สนับสนุนไม่พอใจพฤติกรรมของ “ชัย ราชวัตร”การ์ตูนนิสต์แห่งค่ายไทยรัฐ
และก็เป็นคนเสื้อแดง ที่แห่กันไปถือป้ายประท้วงหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ถึงสองครั้งสองครา เมื่อช่วงต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมประกาศ “บอยคอต”ให้สาวกประท้วงโดยการไม่ซื้อนสพ.ไทยรัฐ ทั่วประเทศ แถมยังมีนัดให้คนเสื้อแดงบุกไปชุมนุมทวงคำตอบจากไทยรัฐ อีกในวันที่ 14 พ.ค.ที่จะถึงนี้
พฤติการณ์ “ถ่อย–เถื่อน”ของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันนั้น ทำให้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ประณามว่า เป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนมาแล้ว
พอมี “ประทัดยักษ์ –ลูกเปตอง”โผล่ตูมเข้าไปในสำนักงาน นสพ.ยักษ์ใหญ่ ก็ย่อมต้อง“ร้อนตัว”เป็นไส้เดือนถูกขี้เถ้าเป็นธรรมดา
**ที่สำคัญวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อภาพของคนเสื้อแดง ผูกติดกับความรุนแรงไปแล้ว ฐานะ“ผู้ต้องหาหมายเลขหนึ่ง”ก็หนีไม่พ้นเช่นกัน
ในความเป็นจริง “สื่อยักษ์หัวเขียว”ฉบับนี้ ก็เป็นแนวร่วม ของ “ทักษิณ ชินวัตร”และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมา แบบรู้ๆ กันอยู่ จนพูดกันว่า อุดมการณ์ความเป็น“หมาเฝ้าบ้าน”เลือนลางจนแทบไม่เหลือ
ดูแค่ “บทวิเคราะห์การเมืองหน้า 3”ที่เคยได้รับการยอมรับ มาวันนี้กลับสร้างประเด็นเชียร์ รัฐบาลเพื่อไทยอย่างออกนอกหน้าออกตา อาจจะมีเพียง “ฉบับวันอาทิตย์”เท่านั้นที่ยังนำเสนออย่างตรงไปตรงมาอยู่บ้าง
พอเกิดกรณี “ชัย ราชวัตร”ก็ทำให้น้ำผึ้งก็เริ่มขม ความสัมพันธ์อันดีของ ทักษิณ–ไทยรัฐ เริ่มปริร้าว มีความขัดแย้งกันหนักขึ้น แต่การจะไปเปิดหน้าชนกับสื่อที่ได้ชื่อว่าเป็น“นสพ.ยอดนิยม”ย่อมไม่ใช่หนทางที่ฉลาดนัก “ลิ่วล้อ–แนวร่วม”มีหรือจะหาญกล้าเปิดหน้าแลก ??
**คงต้องเป็นระดับ“นายใหญ่”กดปุ่มไฟเขียวเท่านั้น
ดังนั้นสิ่งที่เกิดกับไทยรัฐ คงตีความเป็นอื่นไม่ได้ว่า ได้รับความเห็นชอบจากคนระดับนายใหญ่แล้ว และเท่ากับว่าวันนี้หากใครวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลในทางเสียหายไม่ได้ หรือ“ผู้มีอำนาจ”ทนต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อไม่ได้
แม้จะเป็นมหามิตรกันมาก่อนก็ตาม ก็จะถูกเขี่ยไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามแบบไม่ใยดี ซ้ำยังระดมสมุนไปไล่ล่า เอาคืนอีกสารพัดวิธี
นี่แล...ที่เขาว่ากันว่าเป็น "การเมืองสไตล์ทักษิณ"
ขนาดสื่อหัวเขียว ที่เคยคบกันมา อี๋อ๋อกันมานาน ยังโดนหนักข้อขึ้นทุกขณะ ก็ไม่แปลกที่เวทีผ่าความจริงรายสัปดาห์ของพรรคประชาธิปัตย์ จะถูกคนเสื้อแดง ก่อกวนในทุกจังหวัดที่ไปเปิดวิก บางจังหวัดถึงขนาดบุกถล่มเวทีก็มี
โดยเฉพาะระยะหลังที่เหมือนเจาะจงเลือกจัดในจังหวัดทั้งภาคเหนือ–อีสานที่เป็นดงเสื้อแดง อย่างล่าสุดที่ จ.พะเยา บรรดาแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากคนเสื้อแดง ตั้งแต่ลงจากเครื่องที่สนามบิน จ.เชียงราย พร้อมนำเครื่องขยายเสียงประชันก่อกวนตลอดระยะเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์ปราศรัย
**กลายเป็น“โมเดล”ที่คอยปั่นป่วนผู้ที่เห็นต่าง
บรรยากาศการเมืองแบบนี้ สวนทางกับถ้อยคำหวานของผู้นำประเทศ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ที่เจื้อยแจ้วว่า น้อมรับความคิดของผู้เห็นต่าง อย่างสิ้นเชิง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการเมืองแบบที่คิดว่าเสียงข้างมากเป็นใหญ่เบ็ดเสร็จ และเป็นอารมณ์ของคนลุแก่อำนาจ มากกว่า
ด้วยหลักคิดดังกล่าว ย่อมส่งผลให้วิกฤติความแตกแยกลุกลามบานปลายขึ้นเรื่อยๆ “จุดแตกหัก”ก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ เมื่อการไล่ล่าของเครือข่ายระบอบทักษิณ ที่เกิดขึ้นกับกับผู้ไม่เห็นด้วย ถูกผลักให้เป็น“ฝ่ายตรงข้าม”เข้มข้นขึ้นตามอารมณ์ของผู้นำตัวจริง
**และยิ่งเป็นอารมณ์“หน้ามืด”ที่พร้อมเอาเป็นเอาตายแม้แต่กับมหามิตรด้วยแล้ว ความเสี่ยงที่ประเทศจะต้องเข้าโหมด“กลียุค”ก็สูงขึ้นทุกขณะ
--------------