ASTV ผู้จัดการรายวัน - แรงหนุนจากต่างประเทศ บวกผลประกอบการบจ.ไตรมาส1 ดันดัชนีหุ้นไทยบวกอีก 13 จุด โบรกฯคาดพรุ่งนี้ยังไปต่อ หลังความกดดันค่าเงินบาทลดลง อีกทั้ง Fund Flowยังไหลเข้ามาในหุ้น แนะจับตาเพดานหนี้สหรัฐฯรอบใหม่ อาจฉุดให้แรงซื้อชะลอตัวในช่วงกลางเดือน
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้(8พ.ค.) ภาพรวมปรับตัวเคลื่อนไหวในแดนบวก ก่อนโดยแรงเทขายทำกำไรในช่วงท้ายกดดัชนีปิดที่ระดับ 1,614.15 จุด เพิ่มขึ้น 13.00 จุด หรือ 0.81% มูลค่าการซื้อขาย 56,711.32 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่1,621.40 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,607.19 จุด
ทั้งนี้ หุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นเอเชีย รับแรงหนุนดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ทำสถิติสูงสุดใหม่หลังกำไรบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯออกมาดี และ sentiment เศรษฐกิจโดยรวมเป็นไปในเชิงบวก นอกจากนี้ยังมีแรงเก็งกำไรระยะสั้นจากผลประกอบการไตรมาส 1/56 ของบริษัทจดทะเบียนในประเทศที่ออกมาดีเช่นกัน ทั้งกลุ่มสื่อสาร ธนาคารพาณิชย์ และพลังงาน
โดยหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้เพิ่มขึ้น 392 หลักทรัพย์ ลดลง 270 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 130 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 3,734.87 ล้านบาท ปิดที่ 87.00 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,955.62 ล้านบาท ปิดที่ 280.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท CPALL(XD) มูลค่าการซื้อขาย 2,211.23 ล้านบาท ปิดที่ 41.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
DTAC(XD) มูลค่าการซื้อขาย 2,134.79 ล้านบาท ปิดที่ 128.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.50 บาท และ TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,868.84 ล้านบาท ปิดที่ 9.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.55 บาท
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน จำกัด กล่าวว่าภาพรวมแม้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้น แต่ก็ลดความร้อนแรงลงจากวันก่อนที่เพิ่มขึ้นกว่า20 จุด โดยรับปัจจัยบวกจากแรงซื้อในกลุ่มหลัก อย่างสื่อสาร พลังงาน และธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้ยังมาจากตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศ และในประเทศที่ออกมาดี ซึ่งคาดว่าจะจบลงในช่วงกลางเดือนนี้
ขณะที่ Fund Flow พบว่ามีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นบางตัว สิ่งที่นักลงทุนต้องติดตามต่อจากนี้คือการาประกาศเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลให้ตลาดหุ้นผันผวนได้ในช่วงกลางเดือน แต่คาดว่าจะกระทบหุ้นไทยไม่มาก แต่แรงซื้อขายอาจจะชะลอลงไป อย่างไรก็ตามแนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มสื่อสาร รายตัว เช่นเดียวกับกลุ่มธนาคาร และพลังงาน
สำหรับทิศทางการลงทุนวันนี้ (9พ.ค.) ประเมินว่าดัชนีน่าจะเคลื่อนไหวในแดนบวกต่อไป เหตุยังไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามากดดัน โดยให้แนวรับที่ 1,600 จุด แนวต้าน 1,300 จุด
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียที่เป็นบวกเช่นกัน รับแรงหนุนจากดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ทำสถิติสูงสุดใหม่เมื่อคืนนี้ จากปัจจัยตลาดแรงงานที่ตัวเลขกำไรของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯออกมาเป็นบวก เช่นเดียวกับฝั่งยุโรปที่ตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนออกมาค่อนข้างดี ทำให้ sentiment ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมเป็นไปในทิศทางบวก ประกอบกับมาตรการ QE ที่ยังมีอยู่ช่วยทำให้สภาพคล่องในตลาดมีมากขึ้น
ส่วนปัจจัยในประเทศเป็นเรื่องการเก็งกำไรในระยะสั้นของผลประกอบการไตรมาส 1/56 ของบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศออกมาทั้งกลุ่มสื่อสาร ธนาคารพาณิชย์ และพลังงาน ออกมาค่อนข้างดี ทำให้นักลงทุนมีความคาดหวังเกี่ยวกับผลประกอบการในไตรมาสต่อไปและส่งผลต่อการปรับประมาณการของนักวิเคราะห์
โดยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันนี้(9พ.ค.) คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังสามารถไปต่อได้จาก sentiment เศรษฐกิจโดยรวมยังเป็นเชิงบวก และมาตรการของธนาคารแห่งประเทศประเทศ(ธปท.)4 มาตรการที่ออกมาดูแลค่าเงินบาทไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นมาก เนื่องจากต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ทำให้ความกดดันเรื่องค่าเงินบาทเริ่มลดลง แนวต้าน 1,630 จุด แนวรับ 1,600 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้(8พ.ค.) ภาพรวมปรับตัวเคลื่อนไหวในแดนบวก ก่อนโดยแรงเทขายทำกำไรในช่วงท้ายกดดัชนีปิดที่ระดับ 1,614.15 จุด เพิ่มขึ้น 13.00 จุด หรือ 0.81% มูลค่าการซื้อขาย 56,711.32 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่1,621.40 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,607.19 จุด
ทั้งนี้ หุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นเอเชีย รับแรงหนุนดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ทำสถิติสูงสุดใหม่หลังกำไรบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯออกมาดี และ sentiment เศรษฐกิจโดยรวมเป็นไปในเชิงบวก นอกจากนี้ยังมีแรงเก็งกำไรระยะสั้นจากผลประกอบการไตรมาส 1/56 ของบริษัทจดทะเบียนในประเทศที่ออกมาดีเช่นกัน ทั้งกลุ่มสื่อสาร ธนาคารพาณิชย์ และพลังงาน
โดยหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้เพิ่มขึ้น 392 หลักทรัพย์ ลดลง 270 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 130 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 3,734.87 ล้านบาท ปิดที่ 87.00 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,955.62 ล้านบาท ปิดที่ 280.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท CPALL(XD) มูลค่าการซื้อขาย 2,211.23 ล้านบาท ปิดที่ 41.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
DTAC(XD) มูลค่าการซื้อขาย 2,134.79 ล้านบาท ปิดที่ 128.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.50 บาท และ TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,868.84 ล้านบาท ปิดที่ 9.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.55 บาท
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน จำกัด กล่าวว่าภาพรวมแม้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้น แต่ก็ลดความร้อนแรงลงจากวันก่อนที่เพิ่มขึ้นกว่า20 จุด โดยรับปัจจัยบวกจากแรงซื้อในกลุ่มหลัก อย่างสื่อสาร พลังงาน และธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้ยังมาจากตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศ และในประเทศที่ออกมาดี ซึ่งคาดว่าจะจบลงในช่วงกลางเดือนนี้
ขณะที่ Fund Flow พบว่ามีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นบางตัว สิ่งที่นักลงทุนต้องติดตามต่อจากนี้คือการาประกาศเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลให้ตลาดหุ้นผันผวนได้ในช่วงกลางเดือน แต่คาดว่าจะกระทบหุ้นไทยไม่มาก แต่แรงซื้อขายอาจจะชะลอลงไป อย่างไรก็ตามแนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มสื่อสาร รายตัว เช่นเดียวกับกลุ่มธนาคาร และพลังงาน
สำหรับทิศทางการลงทุนวันนี้ (9พ.ค.) ประเมินว่าดัชนีน่าจะเคลื่อนไหวในแดนบวกต่อไป เหตุยังไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามากดดัน โดยให้แนวรับที่ 1,600 จุด แนวต้าน 1,300 จุด
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียที่เป็นบวกเช่นกัน รับแรงหนุนจากดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ทำสถิติสูงสุดใหม่เมื่อคืนนี้ จากปัจจัยตลาดแรงงานที่ตัวเลขกำไรของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯออกมาเป็นบวก เช่นเดียวกับฝั่งยุโรปที่ตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนออกมาค่อนข้างดี ทำให้ sentiment ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมเป็นไปในทิศทางบวก ประกอบกับมาตรการ QE ที่ยังมีอยู่ช่วยทำให้สภาพคล่องในตลาดมีมากขึ้น
ส่วนปัจจัยในประเทศเป็นเรื่องการเก็งกำไรในระยะสั้นของผลประกอบการไตรมาส 1/56 ของบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศออกมาทั้งกลุ่มสื่อสาร ธนาคารพาณิชย์ และพลังงาน ออกมาค่อนข้างดี ทำให้นักลงทุนมีความคาดหวังเกี่ยวกับผลประกอบการในไตรมาสต่อไปและส่งผลต่อการปรับประมาณการของนักวิเคราะห์
โดยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันนี้(9พ.ค.) คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังสามารถไปต่อได้จาก sentiment เศรษฐกิจโดยรวมยังเป็นเชิงบวก และมาตรการของธนาคารแห่งประเทศประเทศ(ธปท.)4 มาตรการที่ออกมาดูแลค่าเงินบาทไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นมาก เนื่องจากต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ทำให้ความกดดันเรื่องค่าเงินบาทเริ่มลดลง แนวต้าน 1,630 จุด แนวรับ 1,600 จุด