xs
xsm
sm
md
lg

“โต้ง”ลั่นอยากเห็น30บาท แฉแผนคุมบาทแข็ง 4มาตรการธปท.ซ้ำรอยยุคหม่อมอุ๋ย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - แฉแผนของแบงก์ชาติสกัดค่าเงินบาแข็งตัวไม่หยุด เผยใช้ 4 มาตรการคุมเข้ม ไล่ตั้งแต่คุมตราสารหนี้ระยะสั้นไปจนถึงบล็อกกำไรค่าเงิน แถมพ่วงมาตรการสำรองพ่วงท้ายซ้ำรอยสัมยหม่อมอุ๋ย โยนให้คลังไปแก้กฎหมาย ด้าน “โต้ง” ออกตัวไม่มีมาตรการลดดอกเบี้ยแน่ ฝันอยากเห็นค่าเงิน 30 บาทต่อดอลลาร์

นายกิตติรัตน์ ณ.ระนอง รองนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี กล่าว ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทราบเรื่องของสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินบาท ที่ขณะนี้สถานการณ์ทุเลาลงและอัตราการแข็งค่าอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพพอสมควร อย่างไรก็ตามการที่เงินบาทแข็งค่าทะลุลงต่ำกว่า29บาท ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีผลเสียหายต่อภาคเศรษฐกิจ ซึ่งรมว.พาณิชย์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้แจ้งให้ครม.ทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงการคลังได้แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ เพราะหากกระทบต่อธุรกิจเอสเอ็มอี รวมถึงภาคธุรกิจอื่นๆก็จะส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่30เม.ย.ที่ผ่านมาได้รายงานให้ครม.ทราบถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือธปท.ได้ตอบที่ไปสอบถาม ใน3ประเด็นด้วยกัน ประการที่1. ภาวะสถานการณ์ทางการเงินของธปท.ว่ามีผลกระทบอย่างไรจากการดำเนินนโยบายทางการเงิน

ประการที่2 แนวคิดการดำเนินนโยบายด้านดอกเบี้ยว่ามีความเหมาะสมมีผลดีผลเสียประการใด และประการที่3 มาตรการควบคุมเงินทุนไหลเข้าที่เกิดความเหมาสมว่าธปท.มีการเตรียมการเรื่องนี้อย่างไร

ทั้งนี้ในการประชุมครม.ครั้งนั้นได้รายงานถึงหนังสือฉบับที่ทางธปท.ตอบมาลงวันที่29เม.ย.โดยตอบมา2ข้อคือ1. เรื่องของสถานการณ์การเงินของธปท.ซึ่งก็เป็นที่ทราบว่างบการเงินของธปท.เมื่อสิ้นปี2555ส่วนทุนของธปท.ติดลบอยู่ที่5.3หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามในส่วนของเป็นเรือ่งการรายงานตรงนี้มีผลกระทบจาก2ส่วน คือ1.ส่วนของผลขาดทุนที่เกิดขึ้นจากต้นทุนดอกเบี้ยที่สูง และส่วนที่2.คือ ผลกระทบจากการตีมูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์หรือหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ถือ ครองอยู่ ซึ่งในส่วนหลักตรงนี้หากค่าเงินบาทมีมูลค่าแข็งขึ้นก็จะทำให้การคำนวนมูลค่า ทางบัญชีประสบผลขาดทุน

ในข้อที่2 แนว คิดเรื่องอัตราดอกเบี้ย ธปท.ได้ชี้แจงแนวทางนี้ ว่าแม้ว่าการลดดอกเบี้ยลงจะสามารถชะลอการไหลเข้าเงินทุนจากต่างประเทศได้ แต่ธปท.ก็ได้บรรยายถึงเหตุผลของข้อกังวลของธปท.และวิเคราะห์ว่าส่วนต่าง ของดอกเบี้ยน่าจะเป็นปัจจัยรองเพราะว่าผู้ลงทุนน่าจะประสงค์ที่จะได้ผลตอบแทน อื่นเช่นเรื่องของการแข็งค่าของเงิน หรือหวังผลตอบแทนจากตลาดหุ้น

ข้อที่3 ในเรืองมาตรการการควบคุมดูแลเรื่องการควบคุมการไหลเข้าของเงินทุน ทางธปท.ยังไม่ได้ชี้แจงมาในการประชุมวันนั้น หลายคนทราบดีว่าเมื่อวันที่30เม.ย.ทาง คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ได้ประชุมนัดพิเศษ หลังจากนั้นธปท.ได้ทำหนังสือแจ้งว่ากนง.ได้พิจารณาเรื่องของเงินทุนไหลเข้า ว่าเป็นอย่างไรบ้าง และได้แจ้งให้ทราบ ตนได้เรียนครม.ว่าทำหนังสือแจ้งตอบกลับไปยังธปท.โดยที่มีความเห็นของรมว. คลังใน3เรื่องด้วยกันคือ

ประการที่1.การ ขาดทุนของธปท.เป็นเรือ่งที่เข้าใจได้แต่คณะกรรมการธปท.และตัวธปท.เองจะต้อง พิจารณาด้วยเพราะแม้จะมีการจัดตั้งคณะทำงานมาดูแลตั้งแต่เดือนก.ค.2555จนถึงขณะนี้ยังไม่มีแผนแก้ไขให้สถานการณ์ตรงนี้ให้ดีขึ้น และในทางปฎิบัติเชื่อว่าตัวเลขเงินทุน จำนวน5.3หมื่นล้านบาท ที่ติดลบเมื่อสิ้นปี2555น่า จะมีตัวเลขที่เป็นลบมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะว่าต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงยังดำเนินต่อไป และจากวันนั้นถึงวันนี้อัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นค่าเงินบาทก็ยังคงแข็งค่าขึ้น ดังนั้นการประเมินทรัพย์สินต่างประเทศเป็นมูลค่าเป็นบาทก็คงมีมูลค่าน้อยลง อีก ตนจึงแสดงความเป็นห่วงในเรื่องนี้และหวังว่าธปท.จะทบทวนว่าจะดำเนินการอย่าง ไรไม่ให้มีผลกระทบต่อสถานะการเงินที่จะขยายตัวต่อไป

ประการที่2.ใน เรื่องของดอกเบี้ย นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ตนมีความเห็นว่าการมองว่าส่วนต่างของดอกเบี้ยเป็นปัจจัยน้อยหรือปัจจัยรอง น่าจะไม่สมเหตุสมผลนักเพราะว่าส่วนต่างของดอกเบี้ยก็ทำให้เกิดโอกาสในการไหล เข้าของเงิน ซึ่งย่อมส่งผลต่อการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาท ดังนั้นการที่ผู้ลงทุนจำนวนหนึ่งประสงค์จะได้รับผลตอบแทนในเรือ่งการแข็งค่า ของค่าเงินบาทแท้ที่จริงก็มาจากส่วนต่างของดอกเบี้ยด้วย ฉะนั้นควรจะนำเอาผลของทั้งส่วนต่างของดอกเบี้ยและการคาดการณ์การแข็งค่าของ เงินบาทมาพิจารณารวมกันไม่ใช่แยกกัน และก็มาบอกว่าเรื่องของดอกเบี้ยไม่น่าจะมีผล

ประการที่ 3มาตร การที่ธปท.เสนอไว้เป็นแนวทางเท่านั้น ไม่ได้เสนอให้กระทรวงการคลังอนุมัติ แต่เป็นแนวทางที่กระทรวงการคลังเห็นได้ว่าในบางมาตรการเป็นมาตรการที่ ธปท.สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเอง ในขณะที่มีบางมาตรการนั้น ดูจะยังคงมีลักษณะที่ไม่พร้อมใช้ เพราะถ้าจะให้พร้อมใช้จะต้องแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆดังนั้นในฐานะรมว.คลังได้ตอบไปว่าสำหรับมาตรการที่มีการพร้อม ใช้และดำเนินการด้วยธปท.เองก็ขอให้ดำเนินการด้วยความรอบคอบและทันต่อ สถานการณ์ ในขณะที่มาตรการที่ยังไม่พร้อมใช้ หากประสงค์ที่จะให้พร้อมใช้ก็ขอให้ธปท.เสนอมาตรการเหล่านั้นเพื่อนำไปแก้ไข เป็นกฎหมายให้ถูกต้องเพื่อเตรียมพร้อมใช้

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า สำหรับแนวทางที่มีในหนังสือลงฉบับวันที่30 เม.ย.ที่ได้ส่งมาโดยผู้ว่าการธปท.ก็ระบุว่าคณะกรรมการกนง.มีความเห็นว่า มาตรการเหล่านี้ก่อนจะนำออกใช้จะต้องมีการพิจารณาถึงผลดีและผลกระทบต่างๆให้ รอบคอบ รวมทั้งจะมีการหารือกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างไกลก่อนนำออกใช้

“ผม ได้แสดงความเห็นในส่วนนี้ว่าเป็นแนวทางที่ดีและขอให้ได้มีการหารืออย่าง รอบคอบตามเจตนารมย์ของกนง. อย่างไรก็ตามคำว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยากให้ธปท.กนง.ระบุให้ชัดว่าหมาย ถึงใครบ้าง และขอยืนยันว่าการดำเนินการในมาตรการนโยบายการเงินต่างๆยังคงเป็นหน้าที่ กรอบขอบเขตของธปท.การหารือกับหน่วยงานอื่นอย่างรอบคอบ ก็หวังว่าไม่ใช่เป็นแนวคิดที่จะส่งผ่านความรับผิดชอบออกจากหน้าที่ในการ ตัดสินใจของตน ดังนั้นคำชี้แจงของผมก็ได้เรียนครม.และได้รับทราบแล้ว ทั้งนี้ครม.ได้มีความเห็นว่าให้กระทรวงการคลัง สภาพัฒน์ ติดตามสถานการณ์และรวบรวมผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาคเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า “สำหรับใน4มาตรการที่ทางธปท.รายงานมายังกระทรวงการคลังนั้น ขอเรียน4มาตรการ ดังกล่าวนี้มีบางมาตรการที่ทาง ธปท.สามารถใช้ได้เองเลย และใช้ได้แล้วเพราะมีกฎหมายรองรับไว้หมดแล้ว เพราะฉะนั้นในส่วนที่จะมีการใช้นั้นธปท.จะมีกลไกในการพิจารณาว่าเป็นขอบเขต อำนาจหน้าที่ของผู้ว่าธปท.หรือของคณะกรรมการธปท.หรือของกนง.เป็นเรื่องที่ ธปท.ต้องไปดำเนินการ ในส่วนที่เป็นมาตรการที่มาตรการบางมาตราที่อยู่ใน4มาตรการ นี้ยังต้องมีการดำเนินการแก้ไขกฎหมายบางอย่างจึงจะพร้อมใช้ ตนได้สอบถามไปว่าหากมีความต้องการพร้อมใช้จริงก็ขอให้เสนอมาได้ และกระทรวงคลังก็พร้อมดำเนินการให้

เมื่อถามว่ามาตรการที่ธปท.เสนอมาเพียงพอหรือไม่ที่จะดูแลค่าเงินบาท รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าเพียงพอถ้าใช้ อย่างเช่นเรื่องของมาตรรดอกเบี้ยแต่ไม่ยอมใช้เสียที อีกทั้ง ยังมีบางมาตรการที่ทางธปท.ก็ได้หยิบยกข้อสังเกตุเอง ซึ่งตนก็เข้าใจเพราะมาตรการทางเศรษฐกิจไม่ว่าเรื่องใดก็มีผลดี ผลเสียควบคู่กันไปด้วย ดังนั้นก็ต้องชั่งน้ำหนักให้ดี

“การ ที่นำไปสู่เรื่องดอกเบี้ยเพราะเราห่วงใยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน เราห่วงใยเรื่องเงินที่จะไหลเข้ามาของอัตราดอกเบี้ยและเราห่วงใยเรื่องฐานะ การเงินของธปท.ที่จะต้องเกิดขึ้นจากการที่ค้ำยันอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้สูง โดยไม่จำเป็นดังนั้นจุดสำคัญไม่ได้อยู่ที่ตัวดอกเบี้ย แต่ตัวดอกเบี้ยเป็นปัจจัยหนึ่งซึ่งหากดำเนินการตรงนั้นเสียก็ทำให้ได้รับผล บวกสองประการนั้น ผมได้พูดหลายครั้งแล้วว่าในเมื่อความเชื่อต่างกันอำนาจหน้าที่ของธปท.มีไม่ ว่าจะโดยกนง.หรือใครในธปท.ท่านเห็นอย่างอื่นมาที่ไม่ใช่มาตรการดอกเบี้ยผมก็ พร้อมให้ความร่วมมือ”รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น