บ้าอำนาจ "อนุดิษฐ์" ขู่โพสต์ด่านายกฯ เจอคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท แถมเจอบล็อกเว็บ ลั่นมีอำนาจ กสทช.รอรับลูกเพื่อครวจสอบหากเพื่อไทยส่งเรื่องมา ด้าน ปชป.ไล่ "ปู" ไปตรวจสอบกูเกิ้ล เหตุพิมพ์คำว่า "อีโง่" ก็จะเจอรูปภาพนายกฯของประเทศไทย สร้างความเสื่อมเสียให้ประเทศ เพื่อไทยชี้ ปชป.เล่นเกมการเมืองกรณีทำ จม.เปิดผนึกชำแหละปาฐกถาลวงโลก "สุริยะใส" จวกพฤติกรรมไล่ฟ้องคนวิจารณ์เป็นการปลุกฝ่ายต้านทักษิณให้ออกมาเคลื่อนไหว ชี้สปีชนายกฯ ไม่ต่างกรณี ว.5 โฟร์ซีซั่น แยกเรื่องส่วนรวมกับส่วนตัวไม่ออก
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า จากกรณีที่มีการตรวจพบผู้โพสต์ข้อความตามเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีเนื้อหาด่าทอผู้นำประเทศ หรือใครๆ ก็ตาม ซึ่งทางกระทรวงไอซีทีมีหน้าที่โดยตรงในการดูแลเรื่องนี้ หากได้รับแจ้งหรือตรวจพบ จะทำการติดต่อขอให้เจ้าของเว็บไซต์นั้นๆ ทำการลบข้อความดังกล่าวทันที หรือหากเป็นเว็บไซต์ที่ตั้งขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ในการด่าทอ ว่าร้าย หมิ่นประมาทโดยเฉพาะ ทางกระทรวงก็ถือได้ว่า มีอำนาจในการระงับการใช้งานเว็บไซต์ดังกล่าวทันทีเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาไอซีที ก็มีการตรวจสอบและดำเนินการในเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด
"โทษจากการโพสต์ข้อความด่าทอ ว่าร้ายผู้อื่นให้เกิดความเสียหาย ทางเว็บไซต์ จะเข้าข่ายมีความผิดข้อหาหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ" รมว.ไอซีที กล่าว
ด้าน พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์(กสท.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ทางพรรคเพื่อไทย เตรียมประสานของความช่วยเหลือมายัง กสทช. ในการเอาผิดกับช่องรายการในทีวีดาวเทียม ที่มีเนื้อหาใช้ถ้อยคำหยาบคาย รุนแรง ด่าทอคนอื่น โดยไม่สุจริตใจ โดยเฉพาะกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งกรณีดังกล่าวในขณะนี้ตนจะยังไม่ขอออกความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งในเรื่องการดำเนินการตรวจสอบ เฝ้าระวัง และเอาผิดช่องรายการที่เข้าข่ายดังกล่าว หรือใกล้เคียง เนื่องจากเพื่อไม่ต้องการให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ตรงกันในเวลานี้
"ขอยืนยันว่าขณะนี้ทาง กสทช. ยังไม่ได้รับหนังสือขอความร่วมมือมาจากทางพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด ซึ่งหากมีหนังสือส่งมาจริงทาง กสท. ก็พร้อมจะนำเรื่องดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาทันทีเช่นกัน"
***ปชป.ขู่ฟ้องหมิ่น"ปึ้ง"โกหกชาวโลก
วานนี้ (5 พ.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า พรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจที่จะดำเนินคดีกับนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ในสัปดาห์หน้า หลังจากที่นายสุรพงษ์ได้ให้ความเท็จ บิดเบือนข้อเท็จจริง โดยกล่าวว่า เวทีนานาชาติรู้ว่ารัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งคือ รัฐบาลอภิสิทธิ์ ซึ่งนอกจากเป็นการพูดเท็จอย่างน่าละอายแล้ว ยังเป็นการเล่นการเมืองที่เลอะเทอะ โดยพรรคจะดำเนินคดีกับนายสุรพงษ์ ข้อหาหมิ่นประมาทอย่างถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่าง เพราะนายสุรพงษ์ เป็นตัวแทนของประเทศไทย แต่กลับบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างร้ายแรง เพื่อเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงและกระบวนการยุติธรรมอย่างรุนแรง จึงเชื่อว่าประชาชนจะรับไม่ได้กับการทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนของนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม นายกฯ ยังได้สะท้อนตัวตนที่แท้จริงด้วยว่า การที่พยายามสร้างภาพให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นวีรบุรุษประชาธิปไตย แต่ไม่พูดถึงการทุจริต คอร์รัปชัน การวีดีโอลิงก์ สร้างความปั่นป่วนในประเทศไทย เพราะต้องการเดินหน้าล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไปสร้างความชอบธรรมล่วงหน้าในต่างประเทศ เกี่ยวกับการออกกฎหมายล้างผิด ที่อาจจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาในสมัยต่อไป และที่นายกรัฐมนตรีเคยพูดว่า กฎหมายปรองดองเป็นเรื่องของสภานั้น นายกรัฐมนตรีโกหก เพราะเป็นผู้สนับสนุนให้กฎหมายนี้เดินหน้าต่อไป
นอกจากนี้ ในเรื่องการแทรกแซงองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่ไม่ปฏิบัติตามความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ และ นส.ยิ่งลักษณ์ โดยกล่าวหาว่า องค์กรอิสระใช้อำนาจมากเกินไป ทำให้ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นความน่าละอายอย่างยิ่ง เพราะนายกฯ ดูถูกกฎหมายสูงสุดของประเทศ เป็นการกระทำที่ผิดมารยาทอย่างร้ายแรง เอาเรื่องเท็จไปใส่ร้ายประเทศ จะกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุน การท่องเที่ยว ที่จะเข้าใจว่าประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตย ตามคำใส่ร้ายของนายกรัฐมนตรี
สำหรับมวลชนเสื้อแดงที่กดดันหน้าศาลรัฐธรรมนูญ และจะยกระดับในวันที่ 8 พ.ค.56 ก็ถือเป็นความต้องการของนายกรัฐมนตรี ที่จะให้เกิดเหตุรุนแรง เพราะไม่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็ง ไม่มีการปราม แต่กลับให้ท้ายสนับสนุนให้ยกระดับการชุมนุม ซึ่งทำให้ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงไม่กล้าไปดูแลความปลอดภัยให้กับตุลาการ แตกต่างจากกรณีการชุมนุมของ กลุ่ม เสธ.อ้าย ที่ไม่มีการประกาศจับกุม หรือล้อมใคร แต่นายกรัฐมนตรีกลับประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคง ในขณะที่การชุมนุมของคนเสื้อแดง ที่จะจับตุลาการ กลับไม่มีการสั่งการใดๆ ถือเป็นความอยุติธรรม ปฏิบัติงานสองมาตรฐานที่ชัดเจน รุนแรงที่สุด ตนเสียดายที่นายกฯ มีเวลาทำงานมาแล้วสองปี แต่ภารกิจมีแค่ที่มองโกเลีย เพื่อล้างผิดให้พ.ต.ท.ทักษิณ และแทรกแซงองค์กรอิสระ ไม่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชน
ดังนั้นพรรคจะเดินหน้าให้ความจริงกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อคัดค้านรัฐบาลลุแก่อำนาจ สองมาตรฐาน ใช้อำนาจเกินหน้าที่ สร้างความเสียหายอย่างยิ่งใหญ่ต่อประเทศ จึงขอเรียกร้องให้ประชานร่วมกันต่อต้านการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องตาม กรอบของกฎหมาย
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน ส.ส.กทม. แนะนำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องมีการตรวจสอบในกูเกิ้ลด้วย เพราะถ้าไปค้นหาคำว่า "อีโง่"ในกูเกิ้ล ก็จะเจอภาพนายกฯของประเทศไทย ก็ทำให้สร้างความเสื่อมเสียให้ประเทศ ตนจึงขอให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ หรือตั้งทีมทนายตรวจสอบเพื่อให้ปัญหานี้จบไปจากภาพลักษณ์การเป็นายกรัฐมนตรีด้วย
** เตรียมผนึกกำลังต้านระบอบทักษิณ
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) กล่าวว่า ข้อพิพาทกรณีความเหมาะสมของสปีชนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มองโกเลียนั้น ไม่ต่างกับกรณีเหตุการณ์ ว. 5 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ที่นายกฯ ทิ้งเวลาราชการ โดดประชุมสภาฯไปคุยกับนักธุรกิจใหญ่ด้านอสังหาฯ ทั้ง 2 กรณีแม้ต่างกรรมต่างวาระ แต่เป็นบทตอกย้ำว่า นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สับสน และแยกไม่ออกระหว่างภารกิจที่เป็นเรื่องของครอบครัวเครือญาติ กับเรื่องของประเทศชาติประชาชน
ผู้นำที่ไม่มีความสามารถในการจำแนกแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัว กับส่วนรวมได้ ก็จะเป็นต้นเหตุของการทุจริต คอร์รัปชัน เล่นพรรคเล่นพวก และซ้ำเติม ความล้มเหลวแตกแยกทางการเมืองหนักเพิ่มขึ้นไปอีก
ทั้ง 2 กรณี แม้ไม่มีความผิดในทางกฎหมาย แต่เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง นอกจากจะไม่ขอโทษประชาชนแล้ว การไล่ฟ้องเอาผิดผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ยิ่งสะท้อนว่า นายกฯ ห่วงแต่ปกป้องเกียรติภูมิของตัวเอง มากกว่าเกียรติภูมิของประเทศ และถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายในสปีชตอนหนึ่ง ที่นายกฯปู เรียกร้องให้นานาชาติคว่ำบาตรฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตยในไทย แต่ที่ผ่านมากลับตั้ง นางนลินี ทวีสิน เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่โดนขึ้นแบล็กส์ลิสต์ หรือบัญชีดำ ของสหรัฐอเมริกา
"ผลของสปีชนี้ เท่ากับนายกฯยิ่งลักษณ์ ได้ประกาศเป็นตัวแทนฝ่ายระบอบทักษิณ เพื่อทวงคืนอำนาจและผลประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งผลให้ฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณไม่มีทางเลือก ต้องเตรียมตัวเตรียมพร้อมเคลื่อนไหวคัดค้านเช่นกัน" นายสุริยะใส กล่าว
**"เด็จพี่" ขู่ฟ้อง ปชป.เล่น จม.เปิดผนึก
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ จะทำจดหมายเปิดผนึกชี้แจงขอเท็จจริงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาเกี่ยวกับเรื่องประชาธิปไตยในโอกาสเดินทางไปเยือนประเทศมองโกเลียนั้น สอดคล้องกับสิ่งที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พูดผ่านเวทีผ่าความจริงที่ จ.ยโสธร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการกล่าวหาว่า การกระทำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นการขายประเทศ ซึ่งตนมองว่าการทำจดหมายเปิดผนึก และการเดินสายของพรรคประชาธิปัตย์ มุ่งโจมตีปาฐกถาพิเศษของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น เป็นเพียงเกมการเมืองเพื่อดิสเครดิตความน่าเชื่อของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถือเป็นการเล่นเกมการเมืองแบบไม่สร้างสรรค์ ตนมีความเห็นต่อเรื่องนี้ 3 ประการ คือ
1. สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคารพในสิทธิเสรีภาพของการแสดงความคิดเห็นของผู้อื่นตามที่รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาสภาพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ยังก้าวไม่พ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงลืมหลักการ เรื่องสิทธิ เสรีภาพของการแสดงออก
2. การกระทำครั้งนี้ของพรรคประชาธิปัตย์ ในการออกจดหมายเปิดผนึกเป็นการยืนตรงข้ามกับหลักการประชาธิปไตย และที่สำคัญสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ถูกกล่าวหาว่า จัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร จึงน่าจะซึมซับหลักคิดแบบเผด็จการ ทำให้ไม่เข้าใจว่า เวทีปาฐกถาพิเศษของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเวทีแสดงความคิด และหลักการของผู้นำในโลกประชาธิปไตย
3. หากการออกจดหมายเปิดผนึกของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ บิดเบือนคำกล่าวปาฐกถาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ จนเกิดความเสียหาย ตนและฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยพร้อมจะดำเนินคดีกับผู้ที่ออกจดหมาย
"ผมขอท้าให้นายชวน นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และแกนนำพรรค ลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย อย่าให้สมาชิกตัวเล็กๆ หรือโฆษกพรรค มาอ่านจดหมาย เชื่อว่าการที่จะออกจดหมายเปิดผนึกต้องเพื่อประโยชน์ต่อประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศ ผมไม่แปลกใจในประเด็นที่ว่ามีการประชุมของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา นำร่องไพรมารี่โหวต เป็นการเมืองแบบเดิมๆ ตีสองหน้า หน้าหนึ่งเดินสายผ่าความจริง กล่าวหานายกฯ อีกหน้าหนึ่งจะปฏิรูปพรรค แต่เมื่อดูคำให้สัมภาษณ์ของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ใช้เวทีปฏิรูปกล่าวโจมตี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าให้ท้ายคนชุมนุมที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการกล่าวหาที่บิดเบือน ทั้งที่นายกฯไม่เคยให้ท้ายผู้ชุมนุม พรรคเพื่อไทยและแกนนำพรรคก็ไม่ได้ให้ท้ายผู้ชุมนุม การชุมนุมเป็นสิทธิ์ประชาชน และนายอภิสิทธิ์ ยังให้ข้อมูลกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าอยู่เบื้องหลังการชุมนุม เป็นการเล่นการเมืองตีสองหน้า ยืนยันรัฐบาลไม่มีใครสนับสนุนการชุมนุม" โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีมีกลุ่มส.ว.ผู้รักชาติจำนวน 58 คน นำโดย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา แถลงข่าวเรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอโทษในการกล่าวปาฐกถาพิเศษ และจะเรียกไปชี้แจงในคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ของวุฒิสภานั้น ส่วนใหญ่เป็น ส.ว.สรรหา มาจากการแต่งตั้ง ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย ไม่ผ่านการเลือกตั้ง แล้วมาเรียกร้องให้นายกฯ ขอโทษ โดยไม่เข้าใจระบอบประชาธิปไตย ซึ่งการปาฐกถาพิเศษ เป็นการแสดงออกจากแนวคิดหลักวิชาการ การจะใช้เวทีกมธ.วุฒิสภาเป็นเครื่องมือ และอ้างจะมีการใช้ พ.ร.บ.คำสั่งเรียกนายกฯ ด้วยนั้น เรื่องนี้ตนไม่อยากให้ใช้เวที กมธ. เพื่อโจมตีทางการเมือง จะทำให้สถาบันกมธ. เสียหาย จึงขอเรียกร้องให้ ส.ว.เลือกตั้ง ช่วยทำความเข้าใจกับ ส.ว.สรรหา 58 คน ที่จะนำเรื่องนี้เข้าสู่กมธ. เกรงว่าจะทำให้ภาพลักษณ์สถาบันวุฒิสภาเสียหาย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เสนอให้มีการพิมพ์เอกสารคำกล่าวปาฐกถาของนายกฯ แจกทั่วประเทศ นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้คณะทำงานของพรรคเห็นว่า คำกล่าวปาฐกถาทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ และอาจเกิดความสับสนได้ ทำให้มีการหารือกันว่า จะนำคำกล่าวปาฐกถาของนายกฯเผยแพร่โดยใช้ช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก รวมถึงขณะนี้ พรรคได้เปิดเวที "เพื่อไทยเพื่ออนาคตประเทศไทย" ที่จะเริ่มปราศรัยในวันที่11-12พ.ค.นี้ โดยจะเดินสายเผยแพร่คำกล่าวปาฐกถาผ่านเวทีของพรรค ตลอดช่วงปิดสมัยประชุมรัฐสภา โดยชี้แจงว่า น.ส.ยิ่งลกัษณ์ ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษเป็นการพูดบนข้อเท็จจริง เป็นการพูดตามข้อเท็จจริงตามประวัติศาสตร์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นจริง ไม่ได้พูดเอาประโยชน์เข้าตัวเอง อีกทั้งสมาชิกพรรคยังนำคำปาฐกถาที่แปลจากภาษาอังกฤษ เป็นภาษาไทยเรียบร้อยแล้ว
**ย้อน "มาร์ค" มีสิทธิอะไรไล่นายกฯ
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปราศรัยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ จ.ยโสธร เมื่อวันที่ 4 พ.ค 56 ที่ไล่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคนตระกูลชินวัตร ออกนอกประเทศไทยว่า นายอภิสิทธิ์ มีสิทธิ์อะไรมาไล่ ในเมื่อนายกฯ และครอบครัวชินวัตร มีสัญชาติไทย สะท้อนให้เห็นธาตุแท้ความใจแคบ และไม่เป็นประชาธิปไตย ของนายอภิสิทธิ์ จึงอยากถามว่านายอภิสิทธิ์ เคยทำอะไรดีกับประเทศบ้าง นอกจากผลงานปราบปรามประชาชนเสียชีวิต 91 ศพ เสี้ยมให้ผู้ชุมนุมที่ต่อต้าน และที่สนับสนุนศาลรัฐธรรมนูญให้เกลียดกัน อยากเห็นแผ่นดินลุกเป็นไฟหรือไง เป็นผู้ใหญ่เสียเปล่า แต่นับวันยิ่งทำตัวไม่น่านับถือ ใช้ถ้อยคำหยาบคายโจมตีนายกฯ โดยไม่เกี่ยวกับเนื้องาน รวมถึงคนของพรรคประชาธิปัตย์ แสดงพฤติกรรมถ่อย ทราม ใช้ถ้อยคำสกปรกที่ใช้ด่าผู้หญิงมาด่านายกฯ นายอภิสิทธิ์ ควรสั่งสอนลูกพรรคให้มีสมบัติผู้ดีบ้าง
** สปีชยิ่งลักษณ์สุดยอดในสามโลก
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีไปปาฐกถาที่เวทีการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ที่ประเทศมองโกเลียไม่สิ้นสุดว่า เป็นปาฐกถาที่สุดยอดในสามโลก แหลมคม ทรงพลัง ที่สุดด้านประชาธิปไตย ในรอบทศวรรษของประเทศไทย จึงไม่แปลกที่จะมีผู้คนดิ้นทุรนทุราย เป็นไส้เดือนโดนขี้เถ้า
พรรคเพื่อไทย ขอยกย่องปาฐกถาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะแสดงให้สังคมโลก ได้รับรู้ถึงประชาธิปไตยที่แท้จริงในประเทศไทย ไม่มีการบิดเบือนนำประชาธิปไตยไปปกคลุมซากเผด็จการ อย่างที่คนบางกลุ่ม พยายามบิดเบือนอยู่ในปัจจุบัน พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าจะยืนหยัดอยู่ข้างประชาชนทุกคนในระบอบประชาธิปไตย ทั้งโลกชื่นชมว่าเป็นปาฐกถาที่ดีมาก เพราะทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย มีกระบวนการทำลาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายมาตลอดอย่างไร ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ความจำสั้นตอนเกิดรัฐประหารปี 2549 เวทีนี้ ก็ประณามประเทศไทยอย่างรุนแรงต่อเนื่องไปถึงรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง คือรัฐบาลอภิสิทธิ์ และรัฐบาลสุรยุทธ์ ก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะทำจดหมายเปิดผนึกชี้แจงนั้น ควรเดินหน้าผ่าความจริงในประเทศให้ได้โดยปลอดภัยเสียก่อน ขนาดในประเทศ ประชาชนเขายังไม่ฟัง แล้วจะไปประจานตัวเองให้อับอายขายขี้หน้าชาวโลกทำไม
ทั้งนี้ สิ่งที่นายกฯพูด คือการสะท้อนความจริงอย่างตรงไปตรงมา ใช้เวทีต่างประเทศปกป้องประชาธิปไตยของประชาชน จากประชาธิปไตยจอมปลอม ดังนั้นนอกจากจะไม่จำเป็นต้องขอโทษแล้ว ถ้ามีเวทีประชาธิปไตยแบบนี้ที่ไหนอีก ก็ควรจะต้องไปพูดอีก เพราะวันนี้ยังคงมีกระบวนการจ้องปล้นอำนาจ โดยไม่ผ่านการเลือกตั้งและไม่ยึดโยงกับประชาชนอยู่ในประเทศไทย กรณีส.ว.58 คน จะเรียกให้นายกฯไปชี้แจงในคณะกรรมาธิการนั้น นายกฯไม่จำเป็นต้องไป ส.ว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง มาด้วยวิธีพิเศษ ไปพูดให้ใครฟังก็อายเขา ก็ไม่ควรได้รับเกียรตินั้น.