รองโฆษก พท.สุดๆ ยกปาฐกถาฉาว “ปู” สุดยอดในสามโลก แหลมคม แถมทรงพลังในรอบทศวรรษจนทำให้บางกลุ่มดิ้นทุรนทุราย อ้างทั้งโลกชื่นชมเป็นสปีชที่ดีมาก ไม่จำเป็นต้องขอโทษใคร พร้อมปัด “นช.แม้ว” ดอดคุย “ฮันซัด ตอยิบ” แกนนำ BRN ก่อนถกรัฐบาลรอบใหม่
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีไปปาฐกถาที่เวทีการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ที่ประเทศมองโกเลียไม่สิ้นสุด ว่าเป็นปาฐกถาที่สุดยอดในสามโลก แหลมคม ทรงพลังที่สุดด้านประชาธิปไตย ในรอบทศวรรษของประเทศไทย จึงไม่แปลกที่จะมีผู้คนดิ้นทุรนทุราย เป็นไส้เดือนโดนขี้เถ้า
“พรรคเพื่อไทย ขอยกย่องปาฐกถาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะแสดงให้สังคมโลก ได้รับรู้ถึงประชาธิปไตยที่แท้จริงในประเทศไทย ไม่มีการบิดเบือนนำประชาธิปไตยไปปกคลุมซากเผด็จการ อย่างที่คนบางกลุ่ม พยายามบิดเบือนอยู่ในปัจจุบัน”
รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าจะยืนหยัดอยู่ข้างประชาชนทุกคนในระบอบประชาธิปไตย ทั้งโลกชื่นชมว่าเป็นปาฐกถาที่ดีมาก เพราะทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย มีกระบวนการทำลาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายมาตลอดอย่างไร ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ความจำสั้นตอนเกิดรัฐประหารปี 2549 เวทีนี้ ก็ประณามประเทศไทยอย่างรุนแรงต่อเนื่องไปถึงรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง คือรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะทำจดหมายเปิดผนึกชี้แจงนั้น ควรเดินหน้าผ่าความจริงในประเทศให้ได้โดยปลอดภัยเสียก่อน ขนาดในประเทศ ประชาชนเขายังไม่ฟัง แล้วจะไปประจานตัวเองให้อับอายขายขี้หน้าชาวโลกทำไม สิ่งที่นายกฯพูดคือการสะท้อนความจริงอย่างตรงไปตรงมา ใช้เวทีต่างประเทศปกป้องประชาธิปไตยของประชาชน จากประชาธิปไตยจอมปลอม ดังนั้นนอกจากจะไม่จำเป็นต้องขอโทษแล้ว ถ้ามีเวทีประชาธิปไตยแบบนี้ที่ไหนอีก ก็ควรจะต้องไปพูดอีก เพราะวันนี้ยังคงมีกระบวนการจ้องปล้นอำนาจ โดยไม่ผ่านการเลือกตั้งและไม่ยึดโยงกับประชาชนอยู่ในประเทศไทย
ส่วนกรณี ส.ว.58 คน จะเรียกให้นายกฯไปชี้แจงในคณะกรรมาธิการนั้น นายกฯไม่จำเป็นต้องไป ส.ว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง มาด้วยวิธีพิเศษ ไปพูดให้ใครฟังก็อายเขา ก็ไม่ควรได้รับเกียรตินั้น
นายอนุสรณ์ กล่าวถึงกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปประเทศมาเลเซีย เพื่อพูดคุยกับนายฮัสซัน ตอยิบ แกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย จากการตรวจสอบก็ไม่พบมีการพูดคุยกันเกิดขึ้น และจะไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อการพูดคุยรอบ 3 ที่จะเกิดขึ้น เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจใดๆ ในนามของฝ่ายไทย เพราะกระบวนการพูดคุยเป็นการดำเนินการในระดับเจ้าหน้าที่ มองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความต้องการทำลายความน่าเชื่อถือ ก่อนที่จะมีการพูดคุยในวันที่ 13 มิ.ย.นี้
ส่วนการเลือกตั้งภายในของมาเลเซียครั้งนี้ ไม่ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะ โต๊ะเจรจาสันติภาพที่รัฐบาลชุดเก่าเป็นเจ้าภาพอำนวยความสะดวกเอาไว้ จะต้องเดินหน้าต่ออย่างแน่นอน เพราะเขาก็ต้องการพิสูจน์ความจริงใจในการช่วยแก้ไขปัญหาร่วมกันกับประเทศไทย เพราะทั้งรัฐบาลไทยกับรัฐบาลมาเลเซีย ยังจะต้องร่วมมือกันในโครงการต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงกับระบบเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศต่อไป