ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวในแวดวงสีกากีอีกครั้งเมื่อมีผู้โพสต์คลิปลงในยูทูบและแชร์คลิปวิดีโอต่อกันอย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์ ประจานภาพของ ด.ต.วรวิทย์ นุกูลกิจ ผบ.หมู่ ป.สน.ดินแดง ที่พาผู้หญิงเข้าไปในอพาร์ตเมนต์บ้านเพชรศิริ ภายในซอยประชาสงเคราะห์ 25/1 กระทั่งญาติของผู้หญิงมาพบจนมีการวิ่งไล่ตาม กลายเป็นภาพฉาวโฉ่ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกันอีกครั้ง กระทั่ง “บิ๊กแจ๊ด” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) เต้นผางมีคำสั่งสายฟ้าแลบให้ดาบตำรวจวรวิทย์ออกจากราชการไว้ก่อน
แน่นอน นี่คือคดีที่ไม่ธรรมดา หากแต่สะท้อนให้เห็นถึงช่องโหว่ของกระบวนการยุติธรรมที่เปิดช่องให้ตำรวจ(บางนาย) แสวงหาประโยชน์ส่วนตนได้
ย้อนไปเมื่อกลางดึกวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมาภายหลังจากมีคลิปดังกล่าวออกมา พ.ต.อ.ภานพ วรธนัชชากุล ผกก.สน.ดินแดง ในฐานะพ่อบ้านตำรวจท้องที่ได้ออกมายอมรับว่าเป็นลูกน้องตัวเองจริงและเรียกให้กลับมาจาก จ.สงขลา โดยด่วนออกมายอมรับว่า ได้ติดต่อทางโทรศัพท์กับ ด.ต.วรวิทย์ โดยเจ้าตัวยืนยันจะเดินทางกลับจาก จ.สงขลา และจะเข้ามาพบตนเองที่ สน. ดินแดง โดยเบื้องต้นยอมรับว่าได้พาผู้หญิงคนดังกล่าวเข้าไปที่อพาร์ตเมนต์จริง แต่ยังไม่ให้รายละเอียดอะไรมากเพราะว่ายังอยู่กับทางครอบครัว ซึ่งจะสามารถให้รายละเอียดทั้งหมดได้ที่สน. เนื่องจากด.ต.วรวิทย์ ได้ลาไปสอบเลื่อนเป็นชั้นสัญญาบัตรถึงวันที่ 30 เม.ย. และถ้าหากวันที่ 1 พ.ค. ด.ต.วรวิทย์ ยังไม่กลับมาทำงานก็จะลงบันทึกประจำวันว่า ขาดราชการ มีความผิดทางวินัยเพิ่มเติมอีกด้วย
ส่วนการตรวจสอบข้อมูลจากการตั้งคณะกรรมการสอบสวน และจากการสอบถามตำรวจที่เข้าเวรในคืนที่เกิดเหตุทราบว่า คืนนั้นเวลาประมาณ 21.30-22.00 น. มีการตั้งด่านตรวจ ว.43 ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมแบบเคลื่อนที่ บริเวณหน้าธนาคารออมสิน ถนนดินแดง แขวงและเขตดินแดง ก็พบผู้หญิงที่เป็นผู้เสียหายได้นั่งรถแท็กซี่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เลยขอตรวจค้น แต่พบว่าผู้หญิงคนดังกล่าวมีพฤติกรรมต้องสงสัย จึงได้มอบหมายให้ ด.ต.วรวิทย์ นำตัวมาตรวจปัสสาวะที่ สน.ดินแดง จากนั้น ด.ต.วรวิทย์ได้พาขึ้นจักรยานยนต์ออกมาจากด่าน และก็ไม่มีใครสามารถติดต่อได้อีกเลย กระทั่งตำรวจสายตรวจอีก 2 นายรับวิทยุสื่อสารแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือจาก ด.ต.วรวิทย์ จึงรีบขับรถ จยย.สายตรวจกลับไปพบชาวบ้านเป็นชายฉกรรจ์ 2 คนกำลังวิ่งไล่ ด.ต.วรวิทย์ อยู่ในซอยประสงเคราะห์ 23 แต่พอได้สอบถาม ด.ต.วรวิทย์ ก็ระบุว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว เลยไม่ได้สนใจแต่อย่างใด
ต่อมาเมื่อ ด.ต.วรวิทย์ กลับมาถึง สน.ก็แจ้งหัวหน้าชุดว่าหลังจากพาผู้หญิงคนดังกล่าวไปตรวจสอบก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายเลยปล่อยตัวไป กระทั่งมีคลิปหลุดออกมาถึงได้รู้ว่า ด.ต.วรวิทย์ ไม่ได้พาผู้เสียหายมาที่ สน. แต่กลับพาไปที่อพาร์ตเม้นต์ดังกล่าว และเป็นคนเปิดห้องพักด้วยตัวเองในราคาค่าห้อง 600 บาท มัดจำอีก 400 บาท ซึ่งมีหลักฐานเป็นใบเสร็จยืนยัน
นอกจากนี้ภาพจากกล้องวงจรปิดยังแสดงให้เห็นด้วยว่า ขณะเข้าไปในอพาร์ตเม้นต์ ด.ต.วรวิทย์ ได้เดินเข้าไปก่อนและผู้เสียหายเดินตามเข้ามา จากนั้นผู้เสียหายยังได้มีการพูดคุยโทรศัพท์และกดข้อความในโทรศัพท์ด้วย โดยไม่ได้มีการใส่กุญแจมือแต่อย่างใด ก่อนที่ทั้งคู่จะขึ้นไปที่ห้องพัก โดยขึ้นไปอยู่บนห้องนานถึง 28 นาที จากที่กล้องบันทึกภาพขณะขึ้นไปเมื่อเวลา 22.56 น. จนกระทั่งลงมาเวลา 23.28น. จากนั้นผู้หญิงลงมาก่อนและอีก 5 นาที ด.ต.วรวิทย์ ถึงได้ตามลงมา แล้วมาพบกับกลุ่มญาติของผู้หญิงจนมีการวิ่งไล่กัน
จากหลักฐานทั้งหมด ทั้งข้อมูลจากตำรวจที่เข้าเวรในที่วันเกิดเหตุ กล้องวงจรปิด คลิปวิดีโอ และจากการสอบสวนแคชเชียร์ของอพาร์ตเมนต์ ซึ่งเมื่อนำข้อมูลทั้งหมดมารวมกันแล้วทำให้เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวมีมูลเหตุที่เกิดขึ้นจริง ประกอบกับ ด.ต.วรวิทย์ ก็มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกระทำผิดวินัยต้องถูกลงโทษทางวินัยเพราะกำลังปฏิบัติงาน ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว การขอตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบยาเสพติดตามหลักการแล้วจะต้องนำตัวมาตรวจสอบที่ สน.เท่านั้น แต่ ด.ต.วรวิทย์ กลับพาตัวไปที่อพาร์ตเมนต์ และยังมีการเปิดห้องพักโดยใช้ชื่อตัวเองเปิดห้องในระหว่างปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้วย จึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างมาก
“พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้กำชับให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งหากมีความผิดก็ต้องลงโทษและดำเนินการขั้นเด็ดขาด”พ.ต.อ.ภานพ วรธนัชชากุลกล่าว
ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอในโลกโซเชียลว่าตำรวจ สน.ดินแดง มีพฤติกรรมพาหญิงสาวเข้าโรงแรมม่านรูด จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมของตำรวจรายนี้อย่างกว้างขวางว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงไปแล้ว และได้สั่งการให้ ด.ต.วรวิทย์ นุกูลกิจ ผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม สน.ดินแดง ซึ่งปรากฏในคลิปขณะนี้อยู่ระหว่างการลาราชการ ให้ออกจากราชการไว้ก่อน และรอตรวจสอบข้อเท็จจริง
“ไม่ต้องห่วงว่าตำรวจทำความผิดแล้วจะปกป้องกัน องค์กรตำรวจเป็นองค์กรใหญ่ เราต้องรักษาองค์กร ตำรวจดีๆ ก็มี ตำรวจไม่ดีก็มี แต่ที่ไม่ดีมีส่วนน้อย เราต้องรักษาชื่อเสียง จะมีคำสั่งให้ออกทั้งหมด และหากผลการสืบสวนมีผลถึงคดีอาญาก็ต้องดำเนินการในคดีอาญาด้วย” ผบช.น.ระบุ
จากนั้นในเวลาสิบสองนาฬิกาสามสิบนาที วันที่ 1 พฤษภาคม ด.ต.วรวิทย์ นุกูลกิจ ผบ.หมู่ป. สน.ดินแดง เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ภานพ วรธนัชชากุล ผกก.สน.ดินแดง ที่ห้องทำงานของ พ.ต.อ.ภานพ ชั้นที่ 2 ในชุดเครื่องแบบเต็มยศด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โดยมีกลุ่มชาวบ้านซึ่งเป็นญาติ และเพื่อนบ้านกว่า 30 คนมาคอยให้กำลังใจอยู่ที่ สน. พร้อมตะโกนว่า วรวิทย์สู้ๆ
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ภานพ ได้ให้ ด.ต.วรวิทย์ เซ็นรับทราบคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดยใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ภายหลัง ด.ต.วรวิทย์ เซ็นชื่อรับทราบเรียบร้อยแล้ว ผู้สื่อข่าวพยายามจะสอบถามรายละเอียดที่เกิดขึ้น แต่ ด.ต.วรวิทย์ ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้และรีบเดินออกจากห้องไปทันที โดยมีกลุ่มชาวบ้านช่วยกันนักข่าวไม่ให้เข้าใกล้ และถ่ายภาพด้วย หลัง ด.ต.วรวิทย์ เดินลงมาด้านล่าง ญาติๆ ก็รีบพาตัวไปขึ้นรถยนต์ที่มารอรับหน้าสน. และเดินทางกลับไปทันที
อย่างไรก็ตาม จากปัญหาดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องเร่งแก้ปัญหา ทั้งในส่วนของผู้เสียหายที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตเช่นกัน เนื่องเพราะภาพที่บันทึกจากกล้องวงจรปิดภายในอพาร์ตเม้นต์สะท้อนให้เห็นได้เป็นอย่างดี ว่าไม่ได้ถูกบังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด ขณะที่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็อาศัยตำแหน่งหน้าที่ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” มาตีกินหาเศษหาเลยกับผู้ต้องสงสัยที่เป็นเพศแม่ ด้วยการอ้างว่าจะพาไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด
เพราะกรณีตำรวจอุ้มผู้หญิงต้องสงสัย เข้าโรงแรมแลกการจับกุมไม่ใช่เพิ่งมี แต่มีมานานแล้ว ซึ่งนั่นสะท้อนความหละหลวมในกระบวนการยุติธรรมที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ปฏิบัติเบื้องต้นได้เป็นอย่างดี ตราบใดที่ยังไม่มีการสังคายนา เรื่องฉาวโฉ่วงการสีกากีก็ยังมีออกมาให้เห็นไม่ขาดสาย...