ผกก.สน.ดินแดง รอ ด.ต.ฉาวเข้าให้ข้อมูล หลังมีคลิปว่อนเน็ตพาสาวเข้าม่านรูดอ้างตรวจฉี่ “บิ๊กอู๋” กำชับให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย หากมีความผิดก็ต้องลงโทษและดำเนินการขั้นเด็ดขาด
วันนี้ (29 เม.ย.) เวลา 12.00 น. พ.ต.อ.ภานพ วรธนัชชากุล ผกก.สน.ดินแดง เผยถึงความคืบหน้ากรณีที่ในเฟซบุ๊กของคนที่ใช้ชื่อว่า “ชุมชนโชคดี” ได้โพสต์คลิปวิดีโอขณะชาวบ้านกำลังวิ่งไล่ ด.ต.วรวิทย์ นุกูลกิจ ผบ.หมู่ ป. สน.ดินแดง จากหน้าบ้านเพชรศิริ อพาร์ทเมนท์ ในซอยประชาสงเคราะห์ 25/1 จนมาถึงซอยประชาสงเคราะห์ 23 ก่อนจะมีตำรวจอีก 2 นายขี่จักรยานยนต์สายตรวจมารับกลับไป โดยมีการระบุว่า ด.ต.วรวิทย์พาเด็กผู้หญิงเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว
เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา ต่อมา พ.ต.อ.ภานพ วรธนัชชากุล ผกก.สน.ดินแดง ออกมายอมรับว่าเป็นลูกน้องตัวเองจริง และเรียกให้กลับมาจาก จ.สงขลาเป็นการด่วนนั้นว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ทำการติดต่อทางโทรศัพท์ กับ ด.ต.วรวิทย์ อีกครั้ง โดย ด.ต.วรวิทย์ระบุว่าจะเดินทางกลับจาก จ.สงขลาในพรุ่งนี้ (30 เม.ย.) และจะเข้ามาพบตนเองที่ สน. โดยเบื้องต้นยอมรับว่าได้พาผู้หญิงคนดังกล่าวเข้าไปที่อพาร์ตเมนต์จริง แต่ยังไม่ให้รายละเอียดอะไรมากเพราะว่ายังอยู่กับทางครอบครัว ซึ่งจะสามารถให้รายละเอียดทั้งหมดได้ที่ สน. เนื่องจาก ด.ต.วรวิทย์ได้ลาไปสอบเลื่อนเป็นชั้นสัญญาบัตรถึงวันที่ 30 เม.ย.นี้ และหากวันที่ 1 พ.ค. ด.ต.วรวิทย์ยังไม่กลับมาทำงานก็จะต้องลงบันทึกประจำวันว่าขาดราชการ มีความผิดทางวินัยด้วย
พ.ต.อ.ภานพกล่าวต่อว่า ส่วนการตรวจสอบข้อมูลจากการตั้งคณะกรรมการสอบสวน และจากการสอบถามตำรวจที่เข้าเวรในคืนที่เกิดเหตุทราบว่า คืนนั้นเวลาประมาณ 21.30-22.00 น. มีการตั้งด่านตรวจ ว.43 ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมแบบเคลื่อนที่ บริเวณหน้าธนาคารออมสิน ถนนดินแดง แขวงและเขตดินแดง ก็พบผู้หญิงที่เป็นผู้เสียหายได้นั่งรถแท็กซี่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เลยขอตรวจค้น แต่พบว่าผู้หญิงคนดังกล่าวมีพฤติกรรมต้องสงสัย จึงได้มอบหมายให้ ด.ต.วรวิทย์ นำตัวมาตรวจปัสสาวะที่ สน.ดินแดง จากนั้น ด.ต.วรวิทย์ได้พาขึ้นจักรยานยนต์ออกมาจากด่าน และก็ไม่มีใครสามารถติดต่อ ด.ต.วรวิทย์ได้อีกเลย กระทั่งตำรวจสายตรวจอีก 2 นายรับแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือจึงกลับไปพบเหตุชาวบ้านกำลังวิ่งไล่ ด.ต.วรวิทย์อยู่ในซอยประสงเคราะห์ 23 แต่พอสอบถาม ด.ต.วรวิทย์ก็ระบุว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว ทุกคนก็เลยไม่ได้สนใจอะไร และพอ ด.ต.วรวิทย์กลับมาถึง สน.ก็แจ้งหัวหน้าชุดว่าหลังจากพาผู้หญิงคนดังกล่าวไปตรวจสอบก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายเลยปล่อยตัวไป กระทั่งมีคลิปหลุดออกมาถึงได้รู้ว่า ด.ต.วรวิทย์ไม่ได้พาผู้เสียหายมาที่ สน. แต่กลับพาไปที่อพาร์ตเมนต์ดังกล่าว และเป็นคนเปิดห้องพักด้วยตัวเองในราคาค่าห้อง 600 บาท มัดจำอีก 400 บาท ซึ่งมีหลักฐานเป็นใบเสร็จยืนยัน
พ.ต.อ.ภานพกล่าวอีกว่า ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดขณะเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ ด.ต.วรวิทย์ได้เดินเข้าไปก่อนและผู้เสียหายเดินตามเข้ามา นอกจากนี้ ผู้เสียหายยังได้มีการพูดคุยโทรศัพท์และกดข้อความในโทรศัพท์ด้วย โดยไม่ได้มีการใส่กุญแจมือแต่อย่างใด ก่อนที่ทั้งคู่จะขึ้นไปที่ห้องพัก โดยขึ้นไปอยู่บนห้องนานถึง 28 นาที จากที่กล้องบันทึกภาพขณะขึ้นไปเมื่อเวลา 22.56 น. จนกระทั่งลงมาเวลา 23.28 น. จากนั้นผู้หญิงลงมาก่อน และอีก 5 นาที ด.ต.วรวิทย์ถึงได้ตามลงมา แล้วมาพบกับกลุ่มญาติของผู้หญิงจนมีการวิ่งไล่กัน พอได้ข้อมูลต่างๆ ทั้งจากตำรวจที่เข้าเวรในที่วันเกิดเหตุ กล้องวงจรปิด คลิปวิดีโอ และจากการสอบสวนแคชเชียร์ของอพาร์ตเมนต์ ซึ่งเมื่อนำข้อมูลทั้งหมดมารวมกันแล้วทำให้เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวมีมูลเหตุที่เกิดขึ้นจริง ประกอบกับ ด.ต.วรวิทย์ก็มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกระทำผิดวินัยต้องถูกลงโทษทางวินัยเพราะปฏิบัติงานอยู่
“การขอตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบยาเสพติดตามหลักการแล้วจะต้องนำตัวมาตรวจสอบที่ สน.เท่านั้น แต่ ด.ต.วรวิทย์กลับพาตัวไปที่อพาร์ตเมนต์ และยังมีการเปิดห้องพักโดยใช้ชื่อตัวเองเปิดห้องในระหว่างปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้วยนั้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างมาก ทั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้กำชับให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งหากมีความผิดก็ต้องลงโทษและดำเนินการขั้นเด็ดขาด” ผกก.สน.ดินแดงกล่าว
ผกก.ดินแดงกล่าวต่อว่า ล่าสุดได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้ทาง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ทราบแล้ว และได้มีคำสั่งให้ ด.ต.วรวิทย์ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว และให้เร่งสอบสวนเรื่องดังกล่าวให้เรียบร้อยโดยเร็ว แต่ขณะนี้ทางผู้เสียหายยังไม่ติดต่อเข้ามาแจ้งความกับทาง สน. จึงอยากฝากประชาสัมพันธ์ให้ผู้หญิงคนดังกล่าวมาพบตนเพื่อให้ข้อมูลเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะขณะนี้เป็นเพียงการพูดต่อๆ กันไปว่าเรื่องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ และยังไม่มีข้อเท็จจริง ทั้งนี้ตนพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ใครผิดก็ต้องรับผิด อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้ ด.ต.วรวิทย์มาชี้แจงเรื่องทั้งหมดอีกคนด้วย เพราะจะได้ข้อมูลที่แท้จริงจากทั้งสองฝ่ายว่าเป็นอย่างไร และจะได้ชี้แจงข้อกล่าวหาด้วยหากไม่ได้กระทำความผิดจริง
ทั้งนี้ หาก ด.ต.วรวิทย์ไม่เข้ามาพบและหนีไปก็จะต้องถูกให้ออกจากราชการ ซึ่งจะไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญ ส่วนคดีอาญาขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะยังไม่มีผู้เสียหายมาแจ้งความและยังไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไร แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นน่าจะมีความเชื่อมโยงจากการตรวจค้นยาเสพติดในคืนตั้งด่าน จึงต้องรอให้ทั้ง ด.ต.วรวิทย์ และผู้เสียหายเข้ามาพบตนก่อน เรื่องต่างๆ ถึงจะคลี่คลายได้มากกว่านี้ สำหรับ ด.ต.วรวิทย์ สอบถามเพื่อนร่วมงานแล้วก็เป็นคนเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร มีลูก 2 คน อายุ 9 ขวบ และ 5 ขวบ และเป็นคน จ.นครศรีธรรมราช แต่ก็ได้ให้ตรวจสอบประวัติย้อนหลังก่อนที่ตนจะมาดำรงตำแหน่งที่นี่ด้วยว่ามีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง พร้อมยืนยันว่าไม่ต้องกังวลว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำไม่ถูกต้อง ในกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงจะทำอย่างตรงไปตรงมาแน่นอน