ASTVผู้จัดการรายวัน-ปชป.บี้ "ปู"แสดงภาวะผู้นำ สั่งกระทรวงทรัพย์ฯ-บัวแก้ว เบรกเขมรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเพียงฝ่ายเดียว ไม่งั้นสิ่งที่ทีมทนายไทยงัดไปต่อสู้ในศาลโลกจะสูญเปล่า "โอ๊ค"โพสต์เฟซป้อง "นพดล" ไม่ใช่คนขายชาติ พร้อมอวยพรวันเกิดขอให้สมหวังไทยชนะคดี ครม.ไฟเขียวส่งเอกสารชี้แจงพื้นที่รอบปราสาทให้ "ทูตวีรชัย" นำส่งศาลโลก เผยใช้พิกัดเดิมตั้งแต่ปี 2505
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ขั้นตอนต่อไปในการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร จะต้องกำหนดพิกัดให้เกิดกับรูปคดีและผลคำพิพากษา ซึ่งตนไม่มีความเป็นห่วงในส่วนข้าราชการประจำในการทำหน้าที่ แต่เป็นห่วงท่าทีของฝ่ายการเมือง หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความจริงใจต่อคำพูดที่บอกว่าพร้อมรับฟังคำแนะนำของฝ่ายค้านก็ขอให้รัฐบาลสั่งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงการต่างประเทศ คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะทีมทนายของไทยระบุชัดว่าปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาเกิดจากประเด็นนี้ นายกรัฐมนตรีจึงต้องสั่งการในเรื่องนี้ให้ชัดเจน
โดยในยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.2553 ให้คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว และยังอนุมัติงบประมาณ 10 ล้าน ในการเดินสายล็อบบี้ให้มีการชะลอการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา เพราะทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ควรเดินตามแนวทางนี้ ด้วยการแสดงจุดยืนในที่ประชุมกรรมการมรดกโลกในอีกสองเดือนข้างหน้าที่กัมพูชา เพราะเชื่อว่ากัมพูชาน่าจะมีเป้าหมายที่จะเสนอแผนพัฒนาพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารให้สำเร็จเพื่อให้การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้อย่างสมบูรณ์
"รัฐบาลต้องมีความชัดเจนในจุดยืนที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ยอมให้มีการพัฒนาพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารที่จะกระทบต่ออธิปไตยของไทย ไม่เช่นนั้นจะทำให้การทำงานของทีมทนายไทยในเวทีศาลโลกสูญเปล่า"
ส่วนการที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ อ้างว่าเรื่องมรดกโลกไม่เกี่ยวกับเขตแดนนั้น ไม่เป็นความจริงเพราะทั้งสองเรื่องแยกออกจากกันไม่ได้ เนื่องจากหากกัมพูชาสามารถบริหารพื้นที่ได้ ก็จะถูกผนวกไปกับตัวปราสาทโดยยึดแผนที่ 1:2 แสน ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อประเทศไทย
***"โอ๊ค"โดดป้อง"นพดล"ไม่ใช่คนขายชาติ
วันเดียวกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (Oak Panthongtae Shinawatra) ระบุว่า เเฟนเพจหลายท่านเรียกร้องให้ผมเขียนเรื่องเขาพระวิหาร เหตุผลก็ไม่ใช่เพราะว่าพานทองเเท้ช่ำชองอะไรกับประวัติศาสตร์ชาติไทย เพียงเเต่เเฟนเพจเห็นว่าผมมักจะอธิบายเรื่องที่ซับซ้อนให้เข้าใจได้อย่างง่าย เเละทราบว่าวันนี้ตรงกับวันเกิดของ พี่นพดล ปัทมะ อดีต รมต.ต่างประเทศ ซึ่งถูกพาดพิงเเละมีส่วนเกี่ยวขัองกับเรื่องนี้ โดยเมื่อศึกษาความเป็นมาจะเห็นว่า คนของพรรคประชาธิปัตย์ มีส่วนร่วมเป็นอย่างมากกับการ "คงอยู่หรือเสียไปของปราสาทพระวิหาร" จึงเป็นที่มาของหัวข้อในวันนี้ เขาพระวิหาร - นพดล ปัทมะ - พรรคประชาธิปัตย์
นายพานทองแท้ระบุว่า เมื่อวันที่ 23 เม.ย. เป็นวันเกิดของ พี่นพดล ผมคิดว่าสิ่งที่พี่อยากได้ที่สุดในเวลานี้ คือ พี่อยากให้ประเทศไทยของเราชนะคดีบนศาลโลกครับ ก็ขอให้พี่สมหวังดังที่ตั้งใจไว้ สุขสันต์วันเกิดครับ พี่นพดล
***ครม.ไฟเขียวยื่นแผนที่สู่คดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประชุมครม. เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้รับทราบเอกสารชี้แจงพื้นที่บริเวณใกล้เคียงตัวปราสาทพระวิหารแล้ว ก็จะไม่มีการปรับแก้ส่วนใดอีก แต่มีเพียงขั้นตอนที่เหลือแค่งานทางธุรการ จากนั้นกระทรวงการต่างประเทศ จะส่งเอกสารให้นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในวันที่ 25 เม.ย. เพื่อลงนามในฐานะหัวหน้าคณะทนาย ก่อนที่นายวีรชัยจะนำส่งนายทะเบียนศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ในวันที่ 26 เม.ย.
สำหรับรายละเอียดในเอกสารดังกล่าว เป็นการแสดงพื้นที่บริเวณใกล้เคียงตัวปราสาทพระวิหาร ตามคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อปี 2505 ตามที่ฝ่ายไทยเข้าใจ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่าแนบเอกสารหรือแผนที่ส่วนใดไปด้วยหรือไม่ เพราะจะกระทบต่อการสู้คดี เนื่องจากกัมพูชาก็ต้องส่งเอกสารแจ้งพื้นที่บริเวณใกล้เคียงตัวปราสาทพระวิหารตามที่ตัวเองเข้าใจให้กับผู้พิพากษาของศาลโลกเช่นกัน
แหล่งข่าวระดับสูงจากกองทัพ กล่าวว่า ตามที่ผู้พิพากษาอับดุลคาวิ อะห์เม็ด ยูซูฟ ชาวโซมาเลีย ได้ให้ไทยและกัมพูชาเสนอแนวพิกัดแบบสั้น เพื่อต่อสู้คดีว่าพื้นที่ไทยอยู่ตรงจุดใดนั้น ไทยจะใช้แผนที่แนวพิกัดเดิมที่ครม. ได้มีมติกำหนดแนวขอบเขตปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505 ไม่ได้มีการทำขึ้นใหม่ เพราะไทยยืนยันตลอดแนวรั้วที่ทำไว้ตั้งแต่ตอนนั้น และผ่านมา 50 กว่าปี ก็ไม่เคยได้เปลี่ยนแปลงแนวที่ได้ทำพิกัดเลย ซึ่งกองทัพและกรมแผนที่ทหารก็ได้ล้อมรั้วลวดนามตามพิกัดของเรา อีกทั้งตอนนั้นเจ้านโรดม สีหนุ กษัตริย์กัมพูชา ที่ได้ขึ้นไปดู ก็ยอมรับในเส้นรั้วของไทย แต่มาตอนนี้กลับมีปัญหา ตั้งแต่ทางกัมพูชาเริ่มต้องการพื้นที่เพิ่มขึ้น หลังยื่นของขึ้นทะเบียนให้ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่าน ทำให้เกิดปัญหาขึ้นในเรื่องพิกัดแนวเส้นเขตแดน
“ไทยกับกัมพูชามีความเห็นไม่ตรงกัน โดยเรายืดเส้น ครม. 2505 แต่ทางเขมรไม่รับเส้นนี้ เพราะต้องการดินแดนรอบปราสาทพระวิหารเพิ่มเติมตามที่ขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ทำให้เกิดปัญหาขึ้นจนกระทั่งไปฟ้องศาลโลกให้ตีความ”แหล่งข่าวกล่าว
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ขั้นตอนต่อไปในการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร จะต้องกำหนดพิกัดให้เกิดกับรูปคดีและผลคำพิพากษา ซึ่งตนไม่มีความเป็นห่วงในส่วนข้าราชการประจำในการทำหน้าที่ แต่เป็นห่วงท่าทีของฝ่ายการเมือง หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความจริงใจต่อคำพูดที่บอกว่าพร้อมรับฟังคำแนะนำของฝ่ายค้านก็ขอให้รัฐบาลสั่งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงการต่างประเทศ คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะทีมทนายของไทยระบุชัดว่าปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาเกิดจากประเด็นนี้ นายกรัฐมนตรีจึงต้องสั่งการในเรื่องนี้ให้ชัดเจน
โดยในยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.2553 ให้คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว และยังอนุมัติงบประมาณ 10 ล้าน ในการเดินสายล็อบบี้ให้มีการชะลอการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา เพราะทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ควรเดินตามแนวทางนี้ ด้วยการแสดงจุดยืนในที่ประชุมกรรมการมรดกโลกในอีกสองเดือนข้างหน้าที่กัมพูชา เพราะเชื่อว่ากัมพูชาน่าจะมีเป้าหมายที่จะเสนอแผนพัฒนาพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารให้สำเร็จเพื่อให้การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้อย่างสมบูรณ์
"รัฐบาลต้องมีความชัดเจนในจุดยืนที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ยอมให้มีการพัฒนาพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารที่จะกระทบต่ออธิปไตยของไทย ไม่เช่นนั้นจะทำให้การทำงานของทีมทนายไทยในเวทีศาลโลกสูญเปล่า"
ส่วนการที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ อ้างว่าเรื่องมรดกโลกไม่เกี่ยวกับเขตแดนนั้น ไม่เป็นความจริงเพราะทั้งสองเรื่องแยกออกจากกันไม่ได้ เนื่องจากหากกัมพูชาสามารถบริหารพื้นที่ได้ ก็จะถูกผนวกไปกับตัวปราสาทโดยยึดแผนที่ 1:2 แสน ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อประเทศไทย
***"โอ๊ค"โดดป้อง"นพดล"ไม่ใช่คนขายชาติ
วันเดียวกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (Oak Panthongtae Shinawatra) ระบุว่า เเฟนเพจหลายท่านเรียกร้องให้ผมเขียนเรื่องเขาพระวิหาร เหตุผลก็ไม่ใช่เพราะว่าพานทองเเท้ช่ำชองอะไรกับประวัติศาสตร์ชาติไทย เพียงเเต่เเฟนเพจเห็นว่าผมมักจะอธิบายเรื่องที่ซับซ้อนให้เข้าใจได้อย่างง่าย เเละทราบว่าวันนี้ตรงกับวันเกิดของ พี่นพดล ปัทมะ อดีต รมต.ต่างประเทศ ซึ่งถูกพาดพิงเเละมีส่วนเกี่ยวขัองกับเรื่องนี้ โดยเมื่อศึกษาความเป็นมาจะเห็นว่า คนของพรรคประชาธิปัตย์ มีส่วนร่วมเป็นอย่างมากกับการ "คงอยู่หรือเสียไปของปราสาทพระวิหาร" จึงเป็นที่มาของหัวข้อในวันนี้ เขาพระวิหาร - นพดล ปัทมะ - พรรคประชาธิปัตย์
นายพานทองแท้ระบุว่า เมื่อวันที่ 23 เม.ย. เป็นวันเกิดของ พี่นพดล ผมคิดว่าสิ่งที่พี่อยากได้ที่สุดในเวลานี้ คือ พี่อยากให้ประเทศไทยของเราชนะคดีบนศาลโลกครับ ก็ขอให้พี่สมหวังดังที่ตั้งใจไว้ สุขสันต์วันเกิดครับ พี่นพดล
***ครม.ไฟเขียวยื่นแผนที่สู่คดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประชุมครม. เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้รับทราบเอกสารชี้แจงพื้นที่บริเวณใกล้เคียงตัวปราสาทพระวิหารแล้ว ก็จะไม่มีการปรับแก้ส่วนใดอีก แต่มีเพียงขั้นตอนที่เหลือแค่งานทางธุรการ จากนั้นกระทรวงการต่างประเทศ จะส่งเอกสารให้นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในวันที่ 25 เม.ย. เพื่อลงนามในฐานะหัวหน้าคณะทนาย ก่อนที่นายวีรชัยจะนำส่งนายทะเบียนศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ในวันที่ 26 เม.ย.
สำหรับรายละเอียดในเอกสารดังกล่าว เป็นการแสดงพื้นที่บริเวณใกล้เคียงตัวปราสาทพระวิหาร ตามคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อปี 2505 ตามที่ฝ่ายไทยเข้าใจ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่าแนบเอกสารหรือแผนที่ส่วนใดไปด้วยหรือไม่ เพราะจะกระทบต่อการสู้คดี เนื่องจากกัมพูชาก็ต้องส่งเอกสารแจ้งพื้นที่บริเวณใกล้เคียงตัวปราสาทพระวิหารตามที่ตัวเองเข้าใจให้กับผู้พิพากษาของศาลโลกเช่นกัน
แหล่งข่าวระดับสูงจากกองทัพ กล่าวว่า ตามที่ผู้พิพากษาอับดุลคาวิ อะห์เม็ด ยูซูฟ ชาวโซมาเลีย ได้ให้ไทยและกัมพูชาเสนอแนวพิกัดแบบสั้น เพื่อต่อสู้คดีว่าพื้นที่ไทยอยู่ตรงจุดใดนั้น ไทยจะใช้แผนที่แนวพิกัดเดิมที่ครม. ได้มีมติกำหนดแนวขอบเขตปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505 ไม่ได้มีการทำขึ้นใหม่ เพราะไทยยืนยันตลอดแนวรั้วที่ทำไว้ตั้งแต่ตอนนั้น และผ่านมา 50 กว่าปี ก็ไม่เคยได้เปลี่ยนแปลงแนวที่ได้ทำพิกัดเลย ซึ่งกองทัพและกรมแผนที่ทหารก็ได้ล้อมรั้วลวดนามตามพิกัดของเรา อีกทั้งตอนนั้นเจ้านโรดม สีหนุ กษัตริย์กัมพูชา ที่ได้ขึ้นไปดู ก็ยอมรับในเส้นรั้วของไทย แต่มาตอนนี้กลับมีปัญหา ตั้งแต่ทางกัมพูชาเริ่มต้องการพื้นที่เพิ่มขึ้น หลังยื่นของขึ้นทะเบียนให้ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่าน ทำให้เกิดปัญหาขึ้นในเรื่องพิกัดแนวเส้นเขตแดน
“ไทยกับกัมพูชามีความเห็นไม่ตรงกัน โดยเรายืดเส้น ครม. 2505 แต่ทางเขมรไม่รับเส้นนี้ เพราะต้องการดินแดนรอบปราสาทพระวิหารเพิ่มเติมตามที่ขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ทำให้เกิดปัญหาขึ้นจนกระทั่งไปฟ้องศาลโลกให้ตีความ”แหล่งข่าวกล่าว