โฆษก ปชป.ไม่ห่วง ขรก.สู้คดีพระวิหาร แต่หนักใจ รบ. บี้ฟังฝ่ายค้านจริง สั่ง ก.ทรัพย์ค้านเขมรขึ้นทะเบียนพระวิหาร หลังทนายไทยชี้ปมปัญหา ย้อนค้านตั้งแต่ รบ.ปชป. พร้อมให้งบล็อบบี้อีกทาง แนะนายกฯ เอาอย่าง ขวางแผนพัฒนารอบพระวิหารเพื่อฮุบดินแดนไทย ตอก “สุรพงษ์” จ้อมั่วศาลไม่สนเรื่องนี้
วันนี้ (24 เม.ย.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปในการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารนั้น นอกจากจะต้องกำหนดพิกัดให้เกิดกับรูปคดีและผลคำพิพากษาซึ่งตนไม่มีความเป็นห่วงในส่วนข้าราชการประจำในการทำหน้าที่ แต่เป็นห่วงท่าทีของฝ่ายการเมือง หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความจริงใจต่อคำพูดที่บอกว่าพร้อมรับฟังคำแนะนำของฝ่ายค้านก็ขอให้รัฐบาลสั่งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะทีมทนายของไทยระบุชัดว่าปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทยกัมพูชาเกิดจากประเด็นนี้ นายกรัฐมนตรีจึงต้องสั่งการในเรื่องนี้ให้ชัดเจน
นายชวนนท์กล่าวว่า ในยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ มีมติ ครม.ตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค. 53 ให้คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว และยังอนุมัติงบประมาณ 10 ล้านบาท ในการเดินสายล็อบบี้ให้มีการชะลอการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาเพียงฝ่ายเดียว เพราะทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ควรเดินตามแนวทางนี้ด้วยการแสดงจุดยืนในที่ประชุมกรรมการมรดกโลกในอีกสองเดือนข้างหน้าที่กัมพูชา เพราะเชื่อว่ากัมพูชาน่าจะมีเป้าหมายที่จะเสนอแผนพัฒนาพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารให้สำเร็จเพื่อให้การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้อย่างสมบูรณ์
“ดังนั้นรัฐบาลต้องมีความชัดเจนในจุดยืนที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ยอมให้มีการพัฒนาพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารที่จะกระทบต่ออธิปไตยของไทย ไม่เช่นนั้นก็จะทำให้การทำงานของทีมทนายไทยในเวทีศาลโลกสูญเปล่า”
ส่วนการที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ อ้างว่าเรื่องมรดกโลกไม่เกี่ยวกับเขตแดนนั้นไม่เป็นความจริง เพราะทั้งสองเรื่องแยกออกจากกันไม่ได้ เนื่องจากหากกัมพูชาสามารถบริหารพื้นที่ได้ก็จะถูกผนวกไปกับตัวปราสาทโดยยึดแผนที่ 1 ต่อ 2000,000 ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อประเทศไทย