“ทูตวีรชัย” แถลงสู้คดีพระวิหาร ขอบคุณทุกฝ่ายสนับสนุน ยกความดีให้ทีมทนาย-ขรก.ต่างประเทศ เผยใช้เอกสารประมวลคดีเก่าในศาลโลก 6 ฉบับ และจดหมายเหตุเปรียบเทียบ ชี้เล่ห์เขมรปลอมแผนที่เพราะนำแผนที่ไทยในคดีเก่ามาตกแต่งเพิ่ม ยืนยันทั้งสองชาติไม่ได้โกธรกัน พร้อมข้อมูลแจ้งพิกัดพื้นที่รอบปราสาทส่งศาลโลก “ครอว์ฟอร์ด” ชี้คดีพระวิหารทำคนไทยหวนถึง-ซาบซึ้งประวัติศาสตร์ ทูตวีรชัยเสริมควรภูมิใจไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร
วันนี้ (22 เม.ย.) ที่ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ ถนนพระราม 6 นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะผู้แทนคณะดำเนินการต่อสู้คดีประเทศกัมพูชายื่นร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) เพื่อให้ตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505 พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศ ประกอบด้วย นายอแลง แปลเลต์ ทนายความชาวฝรั่งเศส, นายเจมส์ ครอว์ฟอร์ด ทนายความชาวออสเตรเลีย, นายโดนัลด์ เอ็ม แม็คเรย์ ทนายความชาวแคนาดา-นิวซีแลนด์, นางสาวอลินา มิรง ทนายความชาวโรมาเนีย และนายโธมัส แกรนต์ ทนายความชาวสหรัฐอเมริกา ร่วมกันแถลงสรุปการให้การทางวาจาคดีดังกล่าว
โดย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศต้องขอบคุณคณะต่อสู้คดีและข้าราชการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งได้ให้การสนับสนุนทีมทนายความต่อสู้คดีนี้ให้ได้ทำงานอย่างเต็มที่ และตนยืนยันว่ารัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมสนับสนุนคณะต่อสู้คดีอย่างเต็มที่มาตลอด 3 ปี โดยรัฐบาลเห็นว่าการต่อสู้คดีครั้งนี้เป็นประวัติศาสตร์ของคนไทยที่แสดงความสามัคคี และความมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการส่งกำลังใจไปให้คณะต่อสู้คดี ซึ่งถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่ประชาชนมีความสามัคคี รักกัน และเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน
ด้าน นายวีรชัย กล่าวว่า ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี รัฐบาล รมว.ต่างประเทศ และผู้บังคับบัญชาทุกท่าน และหน่วยงานต่างๆ ที่สนับสนุนการทำงานของของคณะต่อสู้คดี รวมถึงความคิดเห็นจากประชาชนและสื่อมวลชนที่ให้กำลังใจรวมถึงช่วยเหลือในการทำงานมาทั้งหมด โดยเฉพาะกำลังใจเป็นสิ่งที่ทำให้ตนรับรู้ได้ว่าคนไทยเป็นหนึ่งเดียว ทั้งนี้ยังมีบางแง่มุมที่เรายังไม่ได้พูด คือกรณีของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่ตนเห็นว่ายังไม่ยุติธรรมต่อท่าน โดยเฉพาะประเด็นที่เคยเสด็จฯ ไปยังปราสาทพระวิหารที่ถูกนำมาเปรียบเทียบกับพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ อดีตกษัตริย์กัมพูชา ทั้งที่สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ เสด็จฯไปที่ปราสาทพระวิหาร เพราะในขณะนั้นพระองค์ไม่ได้มีตำแหน่งใดแล้ว เป็นเพียงในฐานะนักประวัติศาสตร์ ทั้ง 2 กรณีนี้จึงไม่ควรถูกนำมาเปรียบเทียบกัน
นายวีรชัย กล่าวอีกว่า สำหรับการทำงานของคณะต่อสู้คดีนั้น ไม่ใช่ผลงานของตนเพียงคนเดียว แต่ทนายความแต่ละคนจะเขียนร่างถ้อยแถลงของตัวเองแล้วนำมารวบรวมและปรับแต่งให้เป็นฉบับเดียว แล้วจึงให้ฝ่ายกฎหมายและกองทัพอ่าน ขณะที่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศก็ได้นำเสนอให้คณะรัฐมนตรีที่ร่วมเดินทางไปด้วยในครั้งนี้ได้พิจารณา ดังนั้นถ้าจะถือเป็นผลงาน ก็ถือเป็นผลงานของทุกคนที่ร่วมกันทำงานทั้งหมด เมื่อถามว่าคาดว่าการตัดสินของศาลโลกจะเป็นอย่างไร นายวีรชัย กล่าวว่า การตัดสินคงคงมี 4 แนวทาง คือศาลไม่รับคำร้อง ศาลตัดสินเข้าข้างไทย ศาลตัดสินเข้าข้างกัมพูชา และศาลตัดสินกลางๆ อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ขอคาดคะเนผลการตัดสินของศาลในขณะนี้
เมื่อถามว่าในการเตรียมถ้อยแถลง มีวิธีการหาหลักฐานต่อสู้คดีอย่างไร นายวีรชัย กล่าวว่า ได้มีการนำแผนที่จากเอกสารประมวลคดีเก่าที่อยู่ในศาลโลก 6 ฉบับมาพิจารณา รวมถึงจดหมายเหตุที่อยู่ในกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ แล้วนำมาเปรียบเทียบกันว่าตรงหรือต่างกันอย่างไร รวมถึงเรายังค้นหาข้อมูลใหม่ๆ มาเพิ่มเติม ทั้งนี้ เหตุผลที่ว่าทำไมเอกสารบางอย่างที่ศาล แต่เราไม่มี ก็เป็นเพราะในการต่อสู้คดีเมื่อปี 2505 เราได้ยื่นต่อศาลและศาลได้เก็บไปเลย แต่ตอนนี้ได้ถูกนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนแล้ว เช่น เอกสารแผนที่ เอส3 และเอส4
เมื่อถามต่อถึงความพร้อมในการเตรียมรายละเอียดแจ้งพิกัดพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร เพื่อส่งให้กับผู้พิพากษาของศาลโลก นายวีรชัย กล่าวว่า เราได้เตรียมข้อมูลไว้แล้ว และพร้อมที่จะยื่นได้ทันตามกำหนดในวันที่ 26 เม.ย.นี้ โดย รมว.ต่างประเทศ ได้แจ้งต่อนายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด
เมื่อถามว่าอะไรคือจุดที่ทำให้สงสัยว่ากัมพูชาปลอมแปลงแผนที่ นายวีรชัย กล่าวว่า ไม่ต้องดูจากที่ไหนเลย เพราะเมื่อเปิดดูคำขอของกัมพูชาแล้ว ก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามีการนำแผนที่ของไทยในคดีเก่ามาตกแต่งเพิ่มเติม และในคดีเดิม กัมพูชาได้ยื่นแผนที่ประกอบไปไม่ถึง 20 ฉบับ แต่ในการยื่นเอกสารข้อสังเกตของแต่ละฝ่าย ก็พบว่ากัมพูชาได้มีการดัดแปลงแผนที่ ซึ่งเนื้อหาก็ไม่ได้ถูกซ่อนอะไร ถ้าใครดูก็ต้องเห็น
ผู้สื่อข่าวถามว่าระหว่างการรอคำตัดสินของศาล คณะทำงานกฎหมายจะดำเนินการอะไรต่อไป นายวีรชัย กล่าวว่า ต้องเตรียมการให้คนไทยมีความพร้อมที่สุดในการทำความเข้าใจทันทีในผลคำตัดสินของศาลโลก โดยมีการให้ข้อมูลและอธิบายสิ่งที่คณะต่อสู้คดีทำไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเอกสารหรือคำให้การทางวาจา
เมื่อถามว่าหลังการแถลงต่อศาลแล้ว ฝ่ายไทยได้พูดคุยกับทางกัมพูชาบ้างหรือไม่ นายวีรชัย กล่าวว่า ยังไม่มีการติดต่อกับทางกัมพูชาการ แต่ถ้ามีความจำเป็น ก็สามารถติดต่อกันได้ โดยต้องขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชาก่อน ทั้งนี้ตนยืนยันว่าทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้โกธรกัน
ผู้สื่อข่าวถามนายอแลง แปลเลต์ ว่าจะให้คะแนนความยากของคดีนี้เท่าใด นายอแลง กล่าวว่า ตนไม่อยากให้คะแนนความยากหรือความง่าย แต่อยากให้คะแนนกับความน่าสนใจของคดีนี้ และตนมองว่าคดีนี้เป็นเรื่องที่มีความท้าทายมากกว่า
เมื่อถามต่อ นายเจมส์ ครอว์ฟอร์ด ว่าถ้ามองในฐานะที่ไม่ใช่ทนายความ จะมองถึงแนวโน้มของคดีนี้อย่างไร นายครอว์ฟอร์ด กล่าวว่า ตนไม่สามารถคาดคะเนได้ว่าศาลจะตัดสินคดีอย่างไร แต่เมื่อเราอยู่ในทะเล ก็เหมือนอยู่ในอุ้งมือของพระเจ้า ทั้งนี้ ตนเห็นว่าการชี้แจงของฝ่ายไทยทำได้ดีมาก มีการชี้แจงประวัติศาสตร์และแผนที่อย่างละเอียด แม้ตนไม่เคยรู้ความเป็นมาประวัติศาสตร์ชาติไทยบางก่อน แต่เชื่อว่าเหตุการณ์นี่ทำให้คนไทยหวนคำนึงถึงและซาบซึ้งในประวัติศาสตร์ที่ถูกนำมาต่อสู้ในคดีนี้
ด้านนายวีรชัย กล่าวเสริมว่า คนไทยควรภูมิใจที่เราไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร
ส่วน นางสาวอลินา มิรง ถึงการมาทำงานร่วมกับคณะของไทย นางสาวมิรง กล่าวว่า ตนทราบถึงการเข้าสู่คณะต่อสู้คดีนี้เมื่อปี 2554 และทราบว่าจะถูกวางตัวให้การต่อศาล เมื่อเดือน ก.ย.2555 ทั้งนี้ ตนรู้สึกตื่นเต้นและเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสร่วมงานนี้ รวมถึงตนค้นพบรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับแผนที่ที่จะถูกนำมาต่อสู้คดี ซึ่งตนก็รู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องนี้