ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ความพยายามรุกคืบเข้าครอบครองตลาดเครื่องดื่มในประเทศเพื่อนบ้าน AEC โดยผู้ประกอบการไทยยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปของการขยับตัวรุกเข้าทำตลาดโดยบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์เอง หรือแม้กระทั่งการส่งเสริมการขายที่เกิดขึ้นจากผู้แทนจำหน่ายในพื้นที่
ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจติดตามล่าสุดอยู่ที่การรุกเข้าทำตลาดอย่างกว้างขวางของ บริษัท สยามอินเตอร์ ลาว จำกัด ที่ร่วมกับ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ด้วยการส่งหน่วยขายเคลื่อนที่เพื่อส่งเสริมการขายครั้งใหญ่ในตลาด สปป.ลาว ภายใต้กิจกรรม “ฝาโออิชิ ลุ้นรวยทันใจ” ที่พร้อมเข้าถึงทุกจังหวัดในสปป.ลาวเลยทีเดียว
สุพิชชา รามสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามอินเตอร์ ลาว จำกัด ผู้แทนจำหน่ายชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิ กรีนที ใน สปป.ลาว ระบุว่า สยามอินเตอร์ลาวมีเครือข่ายการกระจายสินค้าที่ทรงประสิทธิภาพครอบคลุมในทุกจังหวัดของ สปป.ลาว ทำให้พี่น้องชาวลาวทุกคนมั่นใจได้ว่าจะมีสิทธ์ลุ้นรวยทันใจ แลกรับรางวัลได้สะดวกทุกช่องทาง พร้อมๆ กับการดื่มความสดชื่นจากชาเขียวโออิชิ กรีนที ตลอดระยะเวลาการจัดกิจกรรมนี้อย่างแน่นอน
กิจกรรมดังกล่าวในด้านหนึ่งเป็นความต่อเนื่องจากกิจกรรม “ลุ้นฝารวยทันใจ” ของโออิชิ ในประเทศไทย และเป็นการปูพรมเพื่อรักษาฐานลูกค้าใน สปป.ลาว ที่โออิชิได้เริ่มสร้างและวางตลาดไว้มานานกว่า 1 ทศวรรษ ซึ่งแม้ว่ากิจกรรมของสยามอินเตอร์ลาวในครั้งนี้จะมีรูปแบบเป็นหน่วยเคลื่อนที่ ที่เปิดบูธอยู่ในงานวัดหรือแหล่งชุมนุมชน แต่ต้องยอมรับว่านี่คือการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจนและลงตัว
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจอย่างมากก็คือ ภายใต้โครงข่ายของกลุ่มสยามอินเตอร์ ซึ่งถือเป็นบริษัทแม่และมีสยามอินเตอร์ลาวประกอบส่วนอยู่นั้น กลุ่มสยามอินเตอร์ฯ ไม่ได้มีสินค้าจำกัดอยู่เฉพาะโออิชิ เท่านั้น หากยังประกอบส่วนด้วยสินค้าหลากหลายอยู่ในการดูแล ในฐานะที่บริษัทรับมาเป็นผู้แทนจำหน่ายทั้งสินค้าจากโอสถสภา หรือจากยูนิชาร์ม บริษัทในเครือสหพัฒนพิบูล
กลุ่มบริษัท สยามอินเตอร์ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจไทยรายแรกๆ ที่มองเห็นโอกาสและเล็งเห็นศักยภาพของตลาดผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ จนกระทั่งประสบความสำเร็จในฐานะบริษัทผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค และเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่อันดับต้นๆ และครอบคลุมพื้นที่ทั้งในประเทศลาว กัมพูชา เวียดนาม และพม่า
โดยปัจจุบันสินค้าที่กลุ่มบริษัทสยามอินเตอร์ฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายมีอยู่ 6 หมวดหลักด้วยกัน ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าไอที ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลตนเอง อาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งเครื่องสำอางและแฟรนไชส์ที่เกี่ยวข้องกับความสวยความงาม ทั้งวุฒิศักดิ์คลินิก บิวตี้บุฟเฟต์
ขณะที่ผู้บริหารของกลุ่มสยามอินเตอร์ฯ กำหนดเป้าหมายธุรกิจในอนาคตไว้ที่การเป็นบริษัทกระจายสินค้าหรือ Distributor อันดับหนึ่งของแต่ละประเทศ ซึ่งในขณะนี้กลุ่มสยามอินเตอร์ฯ อยู่ในอันดับ Top 5 ในเกือบทุกประเทศแล้ว ทั้งลาว กัมพูชา เวียดนาม และพม่า ในอนาคตสยามฯ ยังเตรียมจะขยายธุรกิจไปสู่อินโดนีเซียและมาเลเซียอีกด้วย
“สิ่งสำคัญมากในการทำธุรกิจในต่างประเทศคือ คอนเนกชัน ช่วงแรกต้องหาคู่ค้าที่เขามีสินค้าในตลาดอยู่แล้ว จากนั้นเราจึงค่อยหาลู่ทางเข้าสู่ตลาดท้องถิ่น เมื่อมีคู่ค้าแล้ว ผมก็ขยายช่องทางการตลาดเข้าสู่ร้านค้าต่างๆ มากขึ้น เพราะเมื่อสามารถเริ่มต้นทำตลาดได้ดี ก็จะมีอีกหลายบริษัทติดตามมาเรื่อยๆ” สยาม รามสูต กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวไว้ครั้งหนึ่งถึงที่มาก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดDistributor ตัวแทนจำหน่ายที่นำสินค้าจากบริษัทใหญ่ในประเทศไทย
กลุ่มบริษัท สยามอินเตอร์เนชั่นแนล เริ่มจากบุกเบิกตลาดในประเทศกัมพูชาจนสำเร็จ ก่อนที่ขยายธุรกิจสู่ประเทศลาวเป็นลำดับถัดไป ซึ่งผู้บริโภคชาวลาวมีวัฒนธรรม ภาษาที่ใกล้เคียงและคุ้นเคยกับสินค้าผ่านสื่อต่างๆ ของไทยอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว สยามอินเตอร์ฯ จึงไม่ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่
ขณะที่ตลาดเวียดนามซึ่งเป็นประเทศที่สามที่เข้าไปทำธุรกิจนั้นเป็นตลาดที่แข่งขันสูงและมีเงื่อนไขในการทำธุรกิจค่อนข้างละเอียดสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ส่วนตลาดใหม่ในภูมิภาคอาเซียนอย่างพม่าเป็นประเทศล่าสุดที่สยามอินเตอร์ฯ เข้าไปลงทุน
โดยล่าสุด สยามอินเตอร์ฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรธุรกิจกับวุฒิศักดิ์ คลีนิค ในการเปิดสาขาในต่างประเทศได้รุกเข้าไปดำเนินกิจการในประเทศเมียนมาร์ หลังจากในปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จในการเปิดสาขาแรกในต่างประเทศที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชามาก่อนแล้ว
จังหวะก้าวของสยามอินเตอร์ ในฐานะตัวแทนของผู้ประกอบการไทยในการรุกเข้าสู่อินโดจีนนับจากนี้ จึงเป็นกรณีที่น่าสนใจติดตามอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่า สยามอินเตอร์ฯ จะสามารถหยัดยืนเป็นผู้กระจายสินค้าไทยเข้าสู่ตลาด AEC ได้ต่อเนื่องยาวนานอย่างไร ก่อนที่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ จากนานาประเทศจะเข้ามาร่วมแบ่งส่วนโอกาสในธุรกิจนี้
ซึ่งนั่นอาจจะเป็นข้อบ่งชี้ศักยภาพที่แท้จริงของสยามอินเตอร์ฯ ในสมรภูมิ AEC ที่กำลังเป็นประหนึ่งอนาคตของนักธุรกิจและผู้ประกอบการทุกราย