ASTVผู้จัดการรายวัน- ส.อ.ท.หนุน”พาณิชย์”ปรับลดเป้าส่งออกปีนี้เหตุบาทแข็งค่านำโด่งซ้ำเติมค่าแรงขึ้น มี.ค.ฟันธงส่งออกติดลบต่ออีก ส่งสัญญาณส่งออกไตรมาส 2 เริ่มชะลอเหตุผู้ผลิตไม่รู้จะโค้ดราคาสินค้าอย่างไร ส.อ.ท.ถกหามาตรการเสนอพาณิชย์ 24 เม.ย.นี้
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ควรจะปรับเป้าส่งออกปี 2556 ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะโต 8.9% หากค่าเงินบาทของไทยยังคงแข็งค่าในระดับ 28-29 บาทต่อเหรียญสหรัฐเนื่องจากมีแนวโน้มว่าเดือนมี.ค.ตัวเลขจะออกมาติดลบอีกหลังก.พ.ที่การส่งออกติดลบไปแล้ว 5.83% มีมูลค่าส่งออกเพียง 1. 7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐซึ่งถือว่าต่ำมากใกล้เคียงกับช่วงวิกฤตน้ำท่วม ดังนั้นวันที่ 24 เม.ย.นี้ส.อ.ท.จะหารือกับสมาชิกเพื่อหามาตรการผลักดันการส่งออกในการไปนำเสนอกับกระทรวงพาณิชย์ต่อไป
“ ปัญหาเวลานี้ผู้ส่งออกกำลังวิตกว่าจะรับออเดอร์ใหม่ไตรมาส 2 ไหวหรือเปล่าซึ่งขณะนี้เริ่มมีการชะลอตัวแล้วจึงเห็นว่าพาณิชย์เลยต้องร้อนใจเพราะถ้าจะให้ส่งออกเราปีนี้ขยายตัวตามเป้าจะต้องส่งออกให้ได้มูลค่าเฉลี่ย 2.1 หมื่นเหรียญฯต่อเดือนถ้าต่ำกว่านี้ไปโอกาสติดลบก็มีทันทีเพราะปีที่แล้วไทยส่งออกมีมูลค่า 2.3 แสน ล้านเหรียญในรูปเงินบาท มีมูลค่า 7.09 ล้านล้านบาท”นายวัลลภกล่าว
ทั้งนี้ยอมรับว่าการหาตลาดใหม่เพื่อผลักดันการส่งออกที่กระทรวงพาณิชย์พยายามร่วมมือกับเอกชนเวลานี้ก็ไม่ง่ายนักเพราะเมื่อตลาดทั้งสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่นชะลอตัวลง ทุกส่วนก็จะหันมาทำตลาดใหม่โดยเฉพาะในอาเซียนแต่ก็ต้องเข้าใจว่าภูมิภาคนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก เมื่อสินค้าไทยแพงกว่าการแข่งขันก็ยิ่งยากไปใหญ่ และที่พอเจาะตลาดได้ก็จะเป็นสินค้าประเภทวัตถุดิบหรือกึ่งสำเร็จรูป
นายธนิต โสรัตน์ รักษาการประธานและเลขาธิการส.อ.ท.กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกมีความกังวลว่าในระยะ 1 เดือนจากนี้ค่าเงินบาทจะแตะระดับ 28.50 บาทต่อเหรียญฯซึ่งจะกระทบการเจรจาคำสั่งซื้อทำให้ขณะนี้ผู้ส่งออกมีการชะลอรับออร์เอร์ใหม่พอสมควรซึ่งข้อเท็จจริงปัญหาเวลานี้ผู้ส่งออกไทยได้รับผลกระทบถึง 3 เด้งคือ 1. ค่าแรงที่ขึ้นมา 300 บาทต่อวันซึ่งประเทศอื่นไม่ได้รับผลกระทบ 2. ค่าเงินบาทแข็งค่าที่ไทยแข็งนำภูมิภาคแม้ว่าประเทศอื่นๆจะแข็งค่าก็ตาม และ3.ตลาดส่งออกหลักทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ยังไม่ฟื้นตัวแถมมีการลดสินค้าคงคลังลงเพื่อให้เข้ากับการจับจ่ายใช้สอยของคนในประเทศที่มีการรัดเข็มขัดมากขึ้น
“ปัญหาเวลานี้คือต้นทุนของไทยมันสูงกว่าคนอื่นตรงที่ค่าแรงที่ปรับไปก่อนหน้านี้ทั่วประเทศพอบาทมาแข็งอีก 5%ยิ่งทำให้ต้นทุนส่งออกสูงมากขึ้นเราจึงสู้คนอื่นลำบากซึ่งปัญหาค่าเงินบาทก่อนหน้านี้เราทำมาตรการเสนอธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ไปแล้วและธปท.เองก็ตอบกลับมาว่าได้เตรียมเอาไว้ทุกอย่างและจะค่อยๆทยอยใช้ในจังหวะที่เหมาะสมเราก็คงจะต้องติดตามเพราะธปท.ก็มีเหตุผลของเขา”นายธนิตกล่าว
นายสุกิจ คงปิยาจารย์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม ส.อ.ท.กล่าวว่า ส่วนของเครื่องนุ่งห่มการส่งออกปีนี้ทำได้เท่าปีที่ผ่านมาที่ระดับ 2,900ล้านเหรียญฯก็ถือว่าเก่งแล้วซึ่งหากค่าบาทยังแข็งค่าระดับนี้ก็คงจะยากเพราะผู้ส่งออกเจอปัจจัยต้นทุนค่าแรงก่อนหน้านี้เมื่อบาทแข็งทำให้ต้นทุนสูงขึ้นมากทำให้ขณะนี้ปัญหาของผู้ประกอบการคือไม่รู้จะทำราคาส่งออกในช่วง 4-5เดือนนี้อย่างไรต่อไป ทำให้การส่งออกเริ่มชะลอตัว ดังนั้นธปท.เองควรจะพิจารณามาตรการในการดูแลการเก็งกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนให้ได้
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ควรจะปรับเป้าส่งออกปี 2556 ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะโต 8.9% หากค่าเงินบาทของไทยยังคงแข็งค่าในระดับ 28-29 บาทต่อเหรียญสหรัฐเนื่องจากมีแนวโน้มว่าเดือนมี.ค.ตัวเลขจะออกมาติดลบอีกหลังก.พ.ที่การส่งออกติดลบไปแล้ว 5.83% มีมูลค่าส่งออกเพียง 1. 7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐซึ่งถือว่าต่ำมากใกล้เคียงกับช่วงวิกฤตน้ำท่วม ดังนั้นวันที่ 24 เม.ย.นี้ส.อ.ท.จะหารือกับสมาชิกเพื่อหามาตรการผลักดันการส่งออกในการไปนำเสนอกับกระทรวงพาณิชย์ต่อไป
“ ปัญหาเวลานี้ผู้ส่งออกกำลังวิตกว่าจะรับออเดอร์ใหม่ไตรมาส 2 ไหวหรือเปล่าซึ่งขณะนี้เริ่มมีการชะลอตัวแล้วจึงเห็นว่าพาณิชย์เลยต้องร้อนใจเพราะถ้าจะให้ส่งออกเราปีนี้ขยายตัวตามเป้าจะต้องส่งออกให้ได้มูลค่าเฉลี่ย 2.1 หมื่นเหรียญฯต่อเดือนถ้าต่ำกว่านี้ไปโอกาสติดลบก็มีทันทีเพราะปีที่แล้วไทยส่งออกมีมูลค่า 2.3 แสน ล้านเหรียญในรูปเงินบาท มีมูลค่า 7.09 ล้านล้านบาท”นายวัลลภกล่าว
ทั้งนี้ยอมรับว่าการหาตลาดใหม่เพื่อผลักดันการส่งออกที่กระทรวงพาณิชย์พยายามร่วมมือกับเอกชนเวลานี้ก็ไม่ง่ายนักเพราะเมื่อตลาดทั้งสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่นชะลอตัวลง ทุกส่วนก็จะหันมาทำตลาดใหม่โดยเฉพาะในอาเซียนแต่ก็ต้องเข้าใจว่าภูมิภาคนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก เมื่อสินค้าไทยแพงกว่าการแข่งขันก็ยิ่งยากไปใหญ่ และที่พอเจาะตลาดได้ก็จะเป็นสินค้าประเภทวัตถุดิบหรือกึ่งสำเร็จรูป
นายธนิต โสรัตน์ รักษาการประธานและเลขาธิการส.อ.ท.กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกมีความกังวลว่าในระยะ 1 เดือนจากนี้ค่าเงินบาทจะแตะระดับ 28.50 บาทต่อเหรียญฯซึ่งจะกระทบการเจรจาคำสั่งซื้อทำให้ขณะนี้ผู้ส่งออกมีการชะลอรับออร์เอร์ใหม่พอสมควรซึ่งข้อเท็จจริงปัญหาเวลานี้ผู้ส่งออกไทยได้รับผลกระทบถึง 3 เด้งคือ 1. ค่าแรงที่ขึ้นมา 300 บาทต่อวันซึ่งประเทศอื่นไม่ได้รับผลกระทบ 2. ค่าเงินบาทแข็งค่าที่ไทยแข็งนำภูมิภาคแม้ว่าประเทศอื่นๆจะแข็งค่าก็ตาม และ3.ตลาดส่งออกหลักทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ยังไม่ฟื้นตัวแถมมีการลดสินค้าคงคลังลงเพื่อให้เข้ากับการจับจ่ายใช้สอยของคนในประเทศที่มีการรัดเข็มขัดมากขึ้น
“ปัญหาเวลานี้คือต้นทุนของไทยมันสูงกว่าคนอื่นตรงที่ค่าแรงที่ปรับไปก่อนหน้านี้ทั่วประเทศพอบาทมาแข็งอีก 5%ยิ่งทำให้ต้นทุนส่งออกสูงมากขึ้นเราจึงสู้คนอื่นลำบากซึ่งปัญหาค่าเงินบาทก่อนหน้านี้เราทำมาตรการเสนอธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ไปแล้วและธปท.เองก็ตอบกลับมาว่าได้เตรียมเอาไว้ทุกอย่างและจะค่อยๆทยอยใช้ในจังหวะที่เหมาะสมเราก็คงจะต้องติดตามเพราะธปท.ก็มีเหตุผลของเขา”นายธนิตกล่าว
นายสุกิจ คงปิยาจารย์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม ส.อ.ท.กล่าวว่า ส่วนของเครื่องนุ่งห่มการส่งออกปีนี้ทำได้เท่าปีที่ผ่านมาที่ระดับ 2,900ล้านเหรียญฯก็ถือว่าเก่งแล้วซึ่งหากค่าบาทยังแข็งค่าระดับนี้ก็คงจะยากเพราะผู้ส่งออกเจอปัจจัยต้นทุนค่าแรงก่อนหน้านี้เมื่อบาทแข็งทำให้ต้นทุนสูงขึ้นมากทำให้ขณะนี้ปัญหาของผู้ประกอบการคือไม่รู้จะทำราคาส่งออกในช่วง 4-5เดือนนี้อย่างไรต่อไป ทำให้การส่งออกเริ่มชะลอตัว ดังนั้นธปท.เองควรจะพิจารณามาตรการในการดูแลการเก็งกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนให้ได้