สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยทรงทศพิธราชธรรม ใครจะล้มล้างทำลายไม่ได้เด็ดขาด!
ชาติไทยมีพระมหากษัตริย์ที่ครองแผ่นดินโดยธรรม สถิต ณ ราชบัลลังก์ ร่วมทุกข์ร่วมสุขคู่กับปวงชนชาวไทยมากว่า 60 ปี จนเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก
เมื่อคนส่วนใหญ่ไทยรักในหลวง จึงมีคำพูดและความเชื่อมั่นที่ว่า ไม่มีใครจะล้มพระมหากษัตริย์พระองค์นี้ได้อย่างแน่นอน แต่หลักคิดและปราการความเชื่อนี้ ได้ถูกนักการเมือง “เหลี่ยม” และพวกโยกคลอน โดยคนกลุ่มน้อยนี้พยายามจะล้มพระมหากษัตริย์พระองค์นี้ เพื่อเปลี่ยนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้เป็นประชาธิปไตยแบบอเมริกาจ๋าไงล่ะ
อันตรายร้ายแรงที่สุดต่อความมั่นคงของ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในยามนี้ คือ ระบอบเผด็จการรัฐสภา ที่บงการโดยนายทุนสามานย์ “เหลี่ยม” ซึ่งได้ประสานพลังกับนายทุนสามานย์ที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลอเมริกาและชาติตะวันตกในเวลานี้ครับ!
ทำไมต้องโค่นล้มพระมหากษัตริย์ผู้ทรงธรรม ที่ปวงชนชาวไทยส่วนใหญ่รักและเทิดทูนน่ะหรือ?
คำตอบง่ายมาก..เพราะพระมหากษัตริย์ไทยทรงสอนคนไทย ให้มุ่งหน้าสู่เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อขจัดปัญหาความยากจนและการฟุ้งเฟ้อกับการใช้จ่ายเงินเกินตัวจนเป็นหนี้ล้นพ้นตัว สุดท้าย..ความไม่รู้จักพอจะนำผู้คนและชาติไปสู่ความหายนะ
ดังหลายชาติตะวันตก เช่น กรีซ ไซปรัส อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส อเมริกา ฯลฯ กำลังเผชิญอยู่กับวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำอยู่ในเวลานี้
แนวทาง “เศรษฐกิจพอเพียง” ของพระมหากษัตริย์ไทย ได้เป็นที่ยอมรับของชาวโลก..จนองค์การสหประชาชาติ ถึงกับถวายรางวัลให้แด่พระองค์ท่านเลยครับ
แต่แนวปฏิบัติอันทรงคุณค่าของ “ในหลวง” นี้ ผองนายทุนสามานย์กลับถือเป็นอุปสรรคใหญ่หลวง หรือเป็น “ก้างขวางคอ” ของนายทุนสามานย์ “เหลี่ยม” กับกลุ่มนายทุนสามานย์ชาติตะวันตก ที่จะยึดครองชาติไทยอยู่ในเวลานี้
มาดูสิว่า..ทำไมอเมริกากับชาติตะวันตก จึงจับมือกับนายทุนสามานย์ขายชาติ “เหลี่ยม” ทำการล้มล้างพระมหากษัตริย์พระองค์นี้อย่างร้อนรนที่สุด?
ปัจจุบัน..ระบอบทุนนิยมสามานย์อเมริกาและชาติตะวันตก ได้กระทำตนเป็นผู้ชี้ชะตาโลก ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ฯลฯ โดยมีชาติอเมริกาเป็น “จ่าฝูง” เพราะอเมริกามีกองทัพที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าชาติใดในโลกนี้นั่นเอง
อเมริกาจึงเป็น “มหาโจรโลก” และนำพาชาติตะวันตก ออกไล่ล่าทรัพยากรอันมีค่า หรือกอบโกยผลประโยชน์จากชาติที่อ่อนแอกว่า มิได้ต่างไปจากยุคล่าอาณานิคมในอดีตกาลแม้แต่น้อยเลย
ทุกครั้งที่รัฐบาลอเมริกาส่งหน่วยงานลับและกองทัพ ไปแทรกแซงยุแหย่สร้างความแตกแยก จนผู้คนในชาติเป้าหมายที่ตนมุ่งจะไล่ล่า ได้ลุกขึ้นต่อสู้หรือเข่นฆ่ากันเอง อันเป็นการเปิดช่องให้อเมริกาเปลี่ยนตัวผู้นำชาติที่ไม่ขึ้นกับตน หรือส่งทหารเข้าไปยึดครองชาติใดในโลกนี้ ชาติตะวันตกทั้งหลายก็มักเข้าร่วมการปล้นชาติที่อ่อนแอกว่าอยู่เสมอ
งานไล่ล่ากอบโกยทรัพยากรอันมีค่า ด้วยการแทรกแซงหรือยึดครองชาติที่อ่อนแอกว่า ซึ่งผิดทำนองคลองธรรมแห่งโลกอารยะเช่นนี้ องค์กรยุติธรรมของโลกทั้งหลาย รวมทั้งองค์การหลักของโลกอย่างสหประชาชาติ ก็มักให้ท้ายหรือสนับสนุนส่งเสริมอเมริกาและชาติตะวันตกอยู่เนืองๆ เสียด้วยสิ
แต่นั่นก็มิใช่เรื่องแปลก เพราะองค์การสหประชาชาติ (United Nations หรือ UN) ถูกตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1945 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยการผลักดันของอเมริกาและชาติตะวันตก แม้จะมีประเทศต่างๆ ในโลกเข้าร่วมถึง 193 ประเทศ โดยดำรงอยู่บนพื้นฐานองค์กรหลักอย่างสมัชชาใหญ่ คณะมนตรีความมั่นคงฯ คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานเลขาฯ และศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ฯลฯ
แต่ก็เป็นที่รู้ๆ กันของชาวโลกว่า สหประชาชาตินั้นเป็นหนึ่งในองค์กรระดับโลกที่อเมริกาและชาติตะวันตกมีอิทธิพล และครอบงำอยู่ในทุกด้านทั้งลับและเปิดเผยมาโดยตลอด
ดังนั้น ใครจะเป็นเลขาฯ หรือมีตำแหน่งสำคัญๆ ในสหประชาชาติได้ ล้วนต้องได้รับการสนับสนุนจากอเมริกาและชาติตะวันตกครับ
แม้รัสเซียและจีนจะเป็นสมาชิกถาวร 2 ใน 5 ชาติ อันมีอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของมหาอำนาจ 5 ชาติเหล่านี้จัดสรรลงตัวกันหรือไม่ เพราะบางเรื่องรัสเซียกับจีนก็วางตัวเฉย ทั้งๆ ที่ทุกเรื่องจะต้องมีเสียงเป็นเอกฉันท์ 5 เสียง แค่หนึ่งเสียงลงมติไม่เห็นด้วย เรื่องที่เป็นภัยต่อชาติที่อ่อนแอกว่า ก็จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ในทันทีเลยครับ
ดังนั้น ชาติที่อ่อนแอกว่าจึงแสวงหาความยุติธรรมในองค์การสหประชาชาติ หรือในโลกใบนี้แทบไม่ได้เลย!
นั่นทำให้ชาติต่างๆ ในสหประชาชาติ 118 ประเทศ ได้รวมตัวกันตั้ง “กลุ่มประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด” (Non-Aligned Movement; NAM) ขึ้นมาในปี ค.ศ. 1995 โดยมีจีนและอินเดียร่วมอยู่ด้วย เพื่อคานประเทศอเมริกาและชาติตะวันตกในองค์การสหประชาชาติไงล่ะครับ
แต่เรื่องสำคัญๆ ของโลกก็มิได้มีโอกาสผ่านการตัดสินใจในสมัชชาใหญ่เสมอไป เพราะสหประชาชาติสร้างกติกาให้ 5 ชาติที่เป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีฯ มีอำนาจสูงสุดในการชี้ขาด ชะตากรรมโลกใบนี้แทบทุกเรื่องครับ
นี่คือ.. “บทเพลงอยุติธรรม” บนโลกใบนี้ที่ “บรรเลงตามอำเภอใจ” อเมริกาและชาติตะวันตกครับ!
ชาติไทยมีพระมหากษัตริย์ที่ครองแผ่นดินโดยธรรม สถิต ณ ราชบัลลังก์ ร่วมทุกข์ร่วมสุขคู่กับปวงชนชาวไทยมากว่า 60 ปี จนเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก
เมื่อคนส่วนใหญ่ไทยรักในหลวง จึงมีคำพูดและความเชื่อมั่นที่ว่า ไม่มีใครจะล้มพระมหากษัตริย์พระองค์นี้ได้อย่างแน่นอน แต่หลักคิดและปราการความเชื่อนี้ ได้ถูกนักการเมือง “เหลี่ยม” และพวกโยกคลอน โดยคนกลุ่มน้อยนี้พยายามจะล้มพระมหากษัตริย์พระองค์นี้ เพื่อเปลี่ยนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้เป็นประชาธิปไตยแบบอเมริกาจ๋าไงล่ะ
อันตรายร้ายแรงที่สุดต่อความมั่นคงของ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในยามนี้ คือ ระบอบเผด็จการรัฐสภา ที่บงการโดยนายทุนสามานย์ “เหลี่ยม” ซึ่งได้ประสานพลังกับนายทุนสามานย์ที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลอเมริกาและชาติตะวันตกในเวลานี้ครับ!
ทำไมต้องโค่นล้มพระมหากษัตริย์ผู้ทรงธรรม ที่ปวงชนชาวไทยส่วนใหญ่รักและเทิดทูนน่ะหรือ?
คำตอบง่ายมาก..เพราะพระมหากษัตริย์ไทยทรงสอนคนไทย ให้มุ่งหน้าสู่เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อขจัดปัญหาความยากจนและการฟุ้งเฟ้อกับการใช้จ่ายเงินเกินตัวจนเป็นหนี้ล้นพ้นตัว สุดท้าย..ความไม่รู้จักพอจะนำผู้คนและชาติไปสู่ความหายนะ
ดังหลายชาติตะวันตก เช่น กรีซ ไซปรัส อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส อเมริกา ฯลฯ กำลังเผชิญอยู่กับวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำอยู่ในเวลานี้
แนวทาง “เศรษฐกิจพอเพียง” ของพระมหากษัตริย์ไทย ได้เป็นที่ยอมรับของชาวโลก..จนองค์การสหประชาชาติ ถึงกับถวายรางวัลให้แด่พระองค์ท่านเลยครับ
แต่แนวปฏิบัติอันทรงคุณค่าของ “ในหลวง” นี้ ผองนายทุนสามานย์กลับถือเป็นอุปสรรคใหญ่หลวง หรือเป็น “ก้างขวางคอ” ของนายทุนสามานย์ “เหลี่ยม” กับกลุ่มนายทุนสามานย์ชาติตะวันตก ที่จะยึดครองชาติไทยอยู่ในเวลานี้
มาดูสิว่า..ทำไมอเมริกากับชาติตะวันตก จึงจับมือกับนายทุนสามานย์ขายชาติ “เหลี่ยม” ทำการล้มล้างพระมหากษัตริย์พระองค์นี้อย่างร้อนรนที่สุด?
ปัจจุบัน..ระบอบทุนนิยมสามานย์อเมริกาและชาติตะวันตก ได้กระทำตนเป็นผู้ชี้ชะตาโลก ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ฯลฯ โดยมีชาติอเมริกาเป็น “จ่าฝูง” เพราะอเมริกามีกองทัพที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าชาติใดในโลกนี้นั่นเอง
อเมริกาจึงเป็น “มหาโจรโลก” และนำพาชาติตะวันตก ออกไล่ล่าทรัพยากรอันมีค่า หรือกอบโกยผลประโยชน์จากชาติที่อ่อนแอกว่า มิได้ต่างไปจากยุคล่าอาณานิคมในอดีตกาลแม้แต่น้อยเลย
ทุกครั้งที่รัฐบาลอเมริกาส่งหน่วยงานลับและกองทัพ ไปแทรกแซงยุแหย่สร้างความแตกแยก จนผู้คนในชาติเป้าหมายที่ตนมุ่งจะไล่ล่า ได้ลุกขึ้นต่อสู้หรือเข่นฆ่ากันเอง อันเป็นการเปิดช่องให้อเมริกาเปลี่ยนตัวผู้นำชาติที่ไม่ขึ้นกับตน หรือส่งทหารเข้าไปยึดครองชาติใดในโลกนี้ ชาติตะวันตกทั้งหลายก็มักเข้าร่วมการปล้นชาติที่อ่อนแอกว่าอยู่เสมอ
งานไล่ล่ากอบโกยทรัพยากรอันมีค่า ด้วยการแทรกแซงหรือยึดครองชาติที่อ่อนแอกว่า ซึ่งผิดทำนองคลองธรรมแห่งโลกอารยะเช่นนี้ องค์กรยุติธรรมของโลกทั้งหลาย รวมทั้งองค์การหลักของโลกอย่างสหประชาชาติ ก็มักให้ท้ายหรือสนับสนุนส่งเสริมอเมริกาและชาติตะวันตกอยู่เนืองๆ เสียด้วยสิ
แต่นั่นก็มิใช่เรื่องแปลก เพราะองค์การสหประชาชาติ (United Nations หรือ UN) ถูกตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1945 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยการผลักดันของอเมริกาและชาติตะวันตก แม้จะมีประเทศต่างๆ ในโลกเข้าร่วมถึง 193 ประเทศ โดยดำรงอยู่บนพื้นฐานองค์กรหลักอย่างสมัชชาใหญ่ คณะมนตรีความมั่นคงฯ คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานเลขาฯ และศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ฯลฯ
แต่ก็เป็นที่รู้ๆ กันของชาวโลกว่า สหประชาชาตินั้นเป็นหนึ่งในองค์กรระดับโลกที่อเมริกาและชาติตะวันตกมีอิทธิพล และครอบงำอยู่ในทุกด้านทั้งลับและเปิดเผยมาโดยตลอด
ดังนั้น ใครจะเป็นเลขาฯ หรือมีตำแหน่งสำคัญๆ ในสหประชาชาติได้ ล้วนต้องได้รับการสนับสนุนจากอเมริกาและชาติตะวันตกครับ
แม้รัสเซียและจีนจะเป็นสมาชิกถาวร 2 ใน 5 ชาติ อันมีอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของมหาอำนาจ 5 ชาติเหล่านี้จัดสรรลงตัวกันหรือไม่ เพราะบางเรื่องรัสเซียกับจีนก็วางตัวเฉย ทั้งๆ ที่ทุกเรื่องจะต้องมีเสียงเป็นเอกฉันท์ 5 เสียง แค่หนึ่งเสียงลงมติไม่เห็นด้วย เรื่องที่เป็นภัยต่อชาติที่อ่อนแอกว่า ก็จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ในทันทีเลยครับ
ดังนั้น ชาติที่อ่อนแอกว่าจึงแสวงหาความยุติธรรมในองค์การสหประชาชาติ หรือในโลกใบนี้แทบไม่ได้เลย!
นั่นทำให้ชาติต่างๆ ในสหประชาชาติ 118 ประเทศ ได้รวมตัวกันตั้ง “กลุ่มประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด” (Non-Aligned Movement; NAM) ขึ้นมาในปี ค.ศ. 1995 โดยมีจีนและอินเดียร่วมอยู่ด้วย เพื่อคานประเทศอเมริกาและชาติตะวันตกในองค์การสหประชาชาติไงล่ะครับ
แต่เรื่องสำคัญๆ ของโลกก็มิได้มีโอกาสผ่านการตัดสินใจในสมัชชาใหญ่เสมอไป เพราะสหประชาชาติสร้างกติกาให้ 5 ชาติที่เป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีฯ มีอำนาจสูงสุดในการชี้ขาด ชะตากรรมโลกใบนี้แทบทุกเรื่องครับ
นี่คือ.. “บทเพลงอยุติธรรม” บนโลกใบนี้ที่ “บรรเลงตามอำเภอใจ” อเมริกาและชาติตะวันตกครับ!