xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

หุ้นการเมือง…ร้อน...แรง “ชินวัตร-มาลีนนท์-ชาญวีรกูล” เขียวยกแผง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ความร้อนแรงของหุ้นไทย ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่มันเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีก่อน อันเป็นผลมาจากราคาหลักทรัพย์ของหุ้นหลายๆ ตัวปรับตัวสูงขึ้นจากความคาดหวังและความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อผลดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่จะออกมาดีตามการเติบโตของเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีหุ้นบางตัวที่ผลดำเนินงานไม่ได้เติบโตสวยหรู บางบริษัทยังขาดทุน แต่ราคาหุ้นกลับปรับตัวพุ่งขึ้นแรงอย่างไรสาเหตุ อีกทั้งบางหุ้นมีค่าP/E สูงไปอย่างโอเวอร์ นี่จึงเป็นเหตุของการเตือนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้นักลงทุนระมัดระวังการเข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าว

“เจ้ามือ” …. “หุ้นมีเจ้ามือ” คำนิยามติดปากนักลงทุนหลายๆ ราย เมื่อได้พบเห็นราคาหุ้นใดเคลื่อนไหวอย่างไม่ชอบมาพากล ก็เชื่อกันว่ามีเจ้ามือแน่ บ้างก็อ้างกันไปว่าเป็นคนโน้น คนนี้ ...จนกว่าจะมีรายงานการซื้อจากสำนักงานก.ล.ต.ออกมาระบุว่าใครเก็บหุ้นไปมากเท่าใด ใครขายหุ้นไปมากเท่าใด

นอกจากนี้ ยังมีหุ้นอีกกลุ่ม...ที่ไม่มีใครระบุได้แน่ชัดว่าใครเป็นเจ้ามือ ...แต่เมื่อนักลงทุนทราบว่ามีการเกี่ยวโยงกับใครแล้ว การประเมินทิศทางโอกาสเติบโตจะเป็นไปในแบบที่ง่ายต่อการคาดเดา มากกว่าหุ้นพุ่งแรงไร้สาเหตุประเภทอื่นๆ นั่นคือ “หุ้นการเมือง”

ทุกครั้งเวลารัฐมีโครงการโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ การเชื่อมโยงว่าบริษัทนั้น บริษัทนี้ว่าจะมีโอกาสรับอานิสงส์จากโครงการภาครัฐจะเกิดขึ้นเสมอ โดยเฉพาะหุ้นรับเหมาก่อสร้าง แล้วนักลงทุนส่วนมากก็จะนิยมเข้ามาลงทุนเก็งกำไรในหุ้นแบบนั้นเสมอ แต่หุ้นการเมืองยังมีอีกแบบที่หลายคนมองว่าการเติบโตมีความแน่นอนกว่า นั่นคือ การถือหุ้นของเครือญาตินักการเมือง โดยเฉพาะฝากที่เป็นรัฐบาล

เพราะนักลงทุนยังเชื่อว่า การเอื้ออำนวยให้แก่กัน ยังเป็นเรื่องที่สังคมไทยไม่หลุดพ้น มีการอ้างถึงบารมี ความเกรงใจต่อการดำเนินธุรกิจกับหุ้นเหล่านี้ ทำให้ง่ายต่อโอกาสในการเข้ารับงาน ขณะที่นักวิเคราะห์หลายแห่งก็มักจะหยิบยกหุ้นประเภทนี้ให้นักลงทุน เพราะก็เชื่อว่าจะมีโอกาสได้รับงานในรูปแบบต่างๆได้ดีกว่า บริษัทอื่นๆ

มีรายงานข่าวผลการสำรวจข้อมูลบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ไตรมาส 1/2556 พบว่า หุ้นกลุ่มเครือญาติ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นคึกคัก โดยเฉพาะหุ้นเอ็มลิ้งค์ (MLINK) ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ บุตรของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ พี่สาวของนายกรัฐมนตรี โดยราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 168.16% จากราคา 1.79 บาทเพิ่มขึ้นเป็น 4.80 บาท ขณะที่หุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) เพิ่มขึ้น 14.78% จากราคา 28.75 บาท เป็น 33 บาท

ขณะที่หุ้นกลุ่มตระกูลดังทางการเมืองรายอื่นๆ เช่น หุ้นแนเชอรัลพาร์ค (N-PARK) ซึ่งเป็นของตระกูลมาลีนนท์ เพิ่มขึ้น 266.67% จากราคา 0.06 บาท เพิ่มเป็น 0.22 บาท หุ้นเวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (WAVE) เพิ่มขึ้น 58.47% จากราคา 18.80 บาท เป็น 29 บาท และหุ้นบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) ของตระกูลชาญวีรกูล เพิ่มขึ้น 5.50% จากราคา 27.25 บาท เป็น 28.75 บาท

หุ้นการเมืองแบบเครือญาติ หรือเครือข่ายไม่ได้มีเพียงแค่ที่นำเสนอข้างต้น แต่ยังมีอีกเป็นจำนวนมาก ที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ บางตัวถือหุ้นโดยกลุ่มทุนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือสนับสนุนรัฐบาล บางตัวเกี่ยวข้องผ่านการเป็นเครือข่ายสนับสนุนคนในภาครัฐ และบางตัวอาจเกี่ยวข้องโดยตรง แต่ไม่สามารถชี้ชัดได้อย่างชัดเจนว่านักการเมือง หรือตระกูลของนักการเมืองเป็นเจ้าของ เพราะสัดส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นนอมินีจากต่างประเทศที่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้

บมจ.ชินคอร์ป (INTUCH) และเครืออย่าง ADVANC THCOM MLINK หากจะบอกว่า อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ขายหุ้นให้กับกลุ่มเทมาเส็กหมดแล้ว ไม่ใช่หุ้นการเมืองแน่นอน ก็ยังไม่มีใครกล้าฟันธงลงไปได้ จากด้วยการเชื่อมโยงของตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง ที่เคยร่วมดำเนินงานกันมา หรือการเชื่อมโยงผ่านญาติพี่น้อง การพุ่งขึ้นของราคา ก็มาจากความคืบหน้าของโครงการภาครัฐด้วยส่วนหนึ่ง

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ยอมรับว่า ผลงาน บจ. ไตรมาสแรก หุ้นที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่มีการเก็งกำไรสูง และไม่มีพื้นฐานรองรับ ขณะเดียวกัน หุ้นในกลุ่มตระกูลการเมืองหลายตัวก็ปรับตัวขึ้นแรง เพราะว่านักลงทุนที่เข้ามาลงทุนคาดหวังว่าน่าจะได้รับอานิสงส์จากโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ซึ่งไม่ได้แนะนำให้เข้าไปลงทุน หรือมีการเข้าร่วมวงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มดังกล่าว เนื่องจากหุ้นบางตัวไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ รวมทั้งไม่มีโบรกเกอร์ที่ให้คำแนะนำการลงทุน

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร เป็นหนึ่งในกลุ่มที่น่าจะได้รับอานิสงส์จากประเด็นทางการเมือง ซึ่งก่อนหน้านี้จะเห็นว่าราคาหุ้นถูกกดดันจากประเด็นทางการเมือง แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย และโครงการต่างๆ สามารถเดินหน้าต่อไปได้ จึงส่งผลดีต่อหุ้นสื่อสารขนาดกลาง และขนาดเล็ก ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มสื่อสารมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ จึงแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาด

ส่วน MLINK บล. ฟิลลิป มองว่าราคาหุ้น MLINK ยังสามารถเข้า "เก็งกำไร" ได้ โดยประเมินแนวต้าน 7.00 บาทราคาหุ้น MLINK เมื่อวันที่ 4 เม.ย.56ปิดที่ 5.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท ขณะที่บริษัทออกมาชี้แจงก่อนหน้านี้ว่า ไม่มีพัฒนาการใดๆ ที่มีสาระสำคัญและส่งผลกระทบต่อสภาพการซื้อขายที่เปลี่ยนไป นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทตามปกติ

ขณะที่หุ้นรับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ฯ อย่างSTEC SC N-PARK การปรับตัวขึ้นของราคาส่วนหนึ่งก็หนีไม่พ้นอานิสงส์การเข้ารับโครงการโครงสร้างพื้นฐาน หรือที่ดินในการพัฒนาของโครงการอยู่ในบริเวณที่มีการก่อสร้างเส้นทางคมนาคมขนาดใหญ่ ที่อาจเกิดขึ้นจากมุมมองของผู้บริหารที่ประเมินไว้ล่วงหน้า หรือรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นแน่จากคนบางคน

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กล่าวเตือนว่า หุ้นเหล่านี้เป็นหุ้นเก็งกำไรหาใช่หุ้นที่เหมาะแก่การลงทุนระยะยาว หากมีเก็บไว้ในพอร์ตลงทุน ก็ไม่ควรถือเก็บไว้นาน รู้จังหวะเวลาให้ดี ...และให้ความสำคัญกับหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับน่าจะดีกว่า มานั่งเจ็บใจภายหลัง


กำลังโหลดความคิดเห็น