ASTVผู้จัดการรายวัน - ส.ไทยรับสร้างบ้าน เผยผลสำรวจตลาดพบไตรมาสแรกบ้านสร้างเองยอดขยายตัวสูง หลังปลายไตรมาส1ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านประกาศปรับขึ้นราคาก่อสร้างบ้าน2-4%ในไตรมาส2หนีต้นทุนแรงงาน-วัสดุก่อสร้างปรับต้ว ดันผลยอดขายรับสร้างบ้านโตกว่า40% ชี้ไตรมาส2รับสร้างบ้านทรงตัวเหตุดีมานด์บางส่วนถูกดูดซับไปตั้งแต่ไตรมาสแรก คาดทั้งปีมูลค่าตลาดรวม1หมื่นลานบาทเศษ
นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน หรือ THCA กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไตรมาสแรกขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจก่อสร้างก็เติบโตได้ดีเช่นกัน ทั้งนี้ในช่วงท้ายไตรมาสแรก ผู้ประกอบการออกมาส่งสัญญาณการปรับราคาบ้านเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2-4% โดยจะเริ่มปรับขึ้นในไตรมาส2 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการต้นทุนค่าแรงที่ปรับตัว และมีแนวโน้มว่าผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุจะปรับราคาในช่วงครึ่งหลังของปี โดยคาดว่าจะมีดีมานส์หรือปริมาณความต้องการใช้วัสดุเพิ่มขึ้น เนื่องจากการลงทุนของภาคเอกชนและภาครัฐในช่วงครึ่งหลังปีนี้
“จากสภาวการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้กลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ มียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วพบว่า มีสัดส่วนการเติบโตเพิ่มขึ้น 40% นอกจากนี้ ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ปริมาณและมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านขยายตัวได้ดีในช่วงไตรมาสแรกนั้น เนื่องจาก กำลังซื้อในพื้นที่ที่เคยชะลอตัวกลับสู่ภาวะปกติ”
สำหรับไตรมาส2นี้ประเมินว่า ภาพรวมอสังหาฯ จะยังมีการลงทุนเพิ่มทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง สำหรับตลาด “บ้านสร้างเอง” ในปี 2556 คาดว่ามีมูลค่ารวมทั่วประเทศประมาณ 1.2-1.3 แสนล้านบาท ขณะที่ตลาด “รับสร้างบ้าน” คาดว่าจะมีส่วนแบ่งประมาณ 1 หมื่นล้านบาทเศษ ซึ่งเติบโตกว่าปีที่แล้วประมาณ 12-15% สำหรับภาวการณ์แข่งขันในช่วงไตรมาสสองนี้ ประเมินว่าจะเป็นการแข่งขันกันเฉพาะในกลุ่มผู้นำตลาด 3-4 ราย และเชื่อว่าจะมีการชิงแชร์ตลาดภูมิภาคหรือต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางและภาคอีสาน เช่น อยุธยา สระบุรี ลพบุรี ปากช่องหรือโคราช ฯลฯ เป็นต้น ขณะที่ผู้ประกอบการรายกลางรายเล็ก ส่วนใหญ่ไม่เน้นแข่งขันหรือทำตลาดในช่วงไตรมาสสอง แต่จะทำตลาดกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลังมากกว่า
นายสิทธิพร กล่าวอีกว่า สมาคมฯ ประเมินว่าทิศทางตลาดรับสร้างบ้านไตรมาส 2 อาจไม่เติบโต ทรงตัวเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรก เนื่องจากดีมานด์บางส่วนถูกดูดซับล่วงหน้าไปก่อนแล้วในช่วงต้นปี รวมทั้งไตรมาสสองนี้มีช่วงวันหยุดเทศกาลติดต่อกันหลายวัน และตรงกับช่วงเปิดเรียน ผู้บริโภคจึงน่าจะให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมากกว่า เรื่องการสร้างบ้านหลังใหม่ในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม ผลจากตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาสแรกมีการเติบโตสูง จึงน่าจะทำให้ภาพรวมตลาด 6 เดือนแรกปีนี้ ขยายตัวได้ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ 6 เดือนแรกของปีที่แล้ว โดยคาดว่ามูลค่า “ตลาดรับสร้างบ้าน” ครึ่งแรกปีนี้น่าจะมีสัดส่วนคิดเป็น 45-50% ของมูลค่ารวมตลอดทั้งปีซึ่งมีอยู่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาทเศษ
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่2นี้ คาดว่าความต้องการสร้างบ้านหรือตลาดบ้านสร้างเอง ในต่างจังหวัดยังขยายตัวหรือเติบโตใกล้เคียงกับไตรมาสแรก หากผู้ประกอบการรับสร้างบ้านยังสามารถขยายการให้บริการ หรือเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายได้ดีขึ้น ก็เชื่อว่าจะสามารถแชร์ส่วนแบ่งตลาดบ้านสร้างเองได้เพิ่มตามกัน โดยเฉพาะระดับราคาบ้าน 1.5-3 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับราคาบ้านที่ผู้บริโภคต่างจังหวัดมีความต้องการมากที่สุด
“ปัจจุบันสมาชิกสมาคมฯ มีจำนวนทั้งสิ้น 33 ราย แบ่งเป็นสมาชิกประเภทสามัญหรือรับสร้างบ้าน 28 ราย ที่เหลือเป็นสมาชิกประเภทวิสามัญ โดยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา กลุ่มสมาชิกรับสร้างบ้านมียอดขายบ้านแบ่งเป็น “ต่างจังหวัด” 72% และ “กรุงเทพฯ และปริมณฑล” 28% ทั้งนี้สาเหตที่ยอดขายบ้านในต่างจังหวัดมีสัดส่วนมากกว่า เป็นเพราะสมาชิกสมาคมฯ ส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจอยู่ในต่างจังหวัด และมูลค่าและส่วนแบ่งตลาดของกลุ่มสมาชิกต่างจังหวัดมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายสิทธิพรกล่าว
นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน หรือ THCA กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไตรมาสแรกขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจก่อสร้างก็เติบโตได้ดีเช่นกัน ทั้งนี้ในช่วงท้ายไตรมาสแรก ผู้ประกอบการออกมาส่งสัญญาณการปรับราคาบ้านเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2-4% โดยจะเริ่มปรับขึ้นในไตรมาส2 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการต้นทุนค่าแรงที่ปรับตัว และมีแนวโน้มว่าผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุจะปรับราคาในช่วงครึ่งหลังของปี โดยคาดว่าจะมีดีมานส์หรือปริมาณความต้องการใช้วัสดุเพิ่มขึ้น เนื่องจากการลงทุนของภาคเอกชนและภาครัฐในช่วงครึ่งหลังปีนี้
“จากสภาวการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้กลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ มียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วพบว่า มีสัดส่วนการเติบโตเพิ่มขึ้น 40% นอกจากนี้ ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ปริมาณและมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านขยายตัวได้ดีในช่วงไตรมาสแรกนั้น เนื่องจาก กำลังซื้อในพื้นที่ที่เคยชะลอตัวกลับสู่ภาวะปกติ”
สำหรับไตรมาส2นี้ประเมินว่า ภาพรวมอสังหาฯ จะยังมีการลงทุนเพิ่มทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง สำหรับตลาด “บ้านสร้างเอง” ในปี 2556 คาดว่ามีมูลค่ารวมทั่วประเทศประมาณ 1.2-1.3 แสนล้านบาท ขณะที่ตลาด “รับสร้างบ้าน” คาดว่าจะมีส่วนแบ่งประมาณ 1 หมื่นล้านบาทเศษ ซึ่งเติบโตกว่าปีที่แล้วประมาณ 12-15% สำหรับภาวการณ์แข่งขันในช่วงไตรมาสสองนี้ ประเมินว่าจะเป็นการแข่งขันกันเฉพาะในกลุ่มผู้นำตลาด 3-4 ราย และเชื่อว่าจะมีการชิงแชร์ตลาดภูมิภาคหรือต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางและภาคอีสาน เช่น อยุธยา สระบุรี ลพบุรี ปากช่องหรือโคราช ฯลฯ เป็นต้น ขณะที่ผู้ประกอบการรายกลางรายเล็ก ส่วนใหญ่ไม่เน้นแข่งขันหรือทำตลาดในช่วงไตรมาสสอง แต่จะทำตลาดกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลังมากกว่า
นายสิทธิพร กล่าวอีกว่า สมาคมฯ ประเมินว่าทิศทางตลาดรับสร้างบ้านไตรมาส 2 อาจไม่เติบโต ทรงตัวเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรก เนื่องจากดีมานด์บางส่วนถูกดูดซับล่วงหน้าไปก่อนแล้วในช่วงต้นปี รวมทั้งไตรมาสสองนี้มีช่วงวันหยุดเทศกาลติดต่อกันหลายวัน และตรงกับช่วงเปิดเรียน ผู้บริโภคจึงน่าจะให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมากกว่า เรื่องการสร้างบ้านหลังใหม่ในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม ผลจากตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาสแรกมีการเติบโตสูง จึงน่าจะทำให้ภาพรวมตลาด 6 เดือนแรกปีนี้ ขยายตัวได้ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ 6 เดือนแรกของปีที่แล้ว โดยคาดว่ามูลค่า “ตลาดรับสร้างบ้าน” ครึ่งแรกปีนี้น่าจะมีสัดส่วนคิดเป็น 45-50% ของมูลค่ารวมตลอดทั้งปีซึ่งมีอยู่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาทเศษ
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่2นี้ คาดว่าความต้องการสร้างบ้านหรือตลาดบ้านสร้างเอง ในต่างจังหวัดยังขยายตัวหรือเติบโตใกล้เคียงกับไตรมาสแรก หากผู้ประกอบการรับสร้างบ้านยังสามารถขยายการให้บริการ หรือเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายได้ดีขึ้น ก็เชื่อว่าจะสามารถแชร์ส่วนแบ่งตลาดบ้านสร้างเองได้เพิ่มตามกัน โดยเฉพาะระดับราคาบ้าน 1.5-3 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับราคาบ้านที่ผู้บริโภคต่างจังหวัดมีความต้องการมากที่สุด
“ปัจจุบันสมาชิกสมาคมฯ มีจำนวนทั้งสิ้น 33 ราย แบ่งเป็นสมาชิกประเภทสามัญหรือรับสร้างบ้าน 28 ราย ที่เหลือเป็นสมาชิกประเภทวิสามัญ โดยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา กลุ่มสมาชิกรับสร้างบ้านมียอดขายบ้านแบ่งเป็น “ต่างจังหวัด” 72% และ “กรุงเทพฯ และปริมณฑล” 28% ทั้งนี้สาเหตที่ยอดขายบ้านในต่างจังหวัดมีสัดส่วนมากกว่า เป็นเพราะสมาชิกสมาคมฯ ส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจอยู่ในต่างจังหวัด และมูลค่าและส่วนแบ่งตลาดของกลุ่มสมาชิกต่างจังหวัดมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายสิทธิพรกล่าว