xs
xsm
sm
md
lg

รับสร้างบ้าน Q1 ยอดกระฉูดโต 40% ลูกค้าแห่ซื้อหนีต้นทุนวัสดุฯ-แรงงานใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ส.ไทยรับสร้างบ้าน เผยผลสำรวจตลาดพบไตรมาสแรกบ้านสร้างเองยอดขยายตัวสูง หลังปลายไตรมาส 1 ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านประกาศปรับขึ้นราคาก่อสร้างบ้าน 2-4% ในไตรมาส 2 หนีต้นทุนแรงงาน-วัสดุก่อสร้างปรับต้ว ดันผลยอดขายรับสร้างบ้านโตกว่า 40% ชี้ไตรมาส 2 รับสร้างบ้านทรงตัวเหตุดีมานด์บางส่วนถูกดูดซับไปตั้งแต่ไตรมาสแรก คาดทั้งปีมูลค่าตลาดรวม1หมื่นลานบาทเศษ

นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Constructions Association: THCA) เปิดเผยถึงสำรวจภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และต่างจังหวัด ว่า ผลการสำรวจตลาดช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2556 พบความต้องการสร้างบ้านใหม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะความต้องการสร้างบ้านในพื้นน้ำท่วมเมื่อปี 2554 ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี อยุธยา ขณะที่ตลาดต่างจังหวัด ทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ก็มีการขยายตัว และมีกำลังซื้อเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้ ในช่วงท้ายไตรมาสแรก ผู้ประกอบการออกมาส่งสัญญาณการปรับราคาบ้านเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2-4% โดยจะเริ่มปรับขึ้นในไตรมาส 2 เป็นต้นไป เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการต้นทุนค่าแรงที่ปรับตัว และมีแนวโน้มว่าผู้ผลิต และจำหน่ายวัสดุจะปรับราคาในช่วงครึ่งหลังของปี โดยคาดว่าจะมีดีมานด์ หรือปริมาณความต้องการใช้วัสดุเพิ่มขึ้น เนื่องจากการลงทุนของภาคเอกชนและภาครัฐในช่วงครึ่งหลังปีนี้

จากสภาวการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้กลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ มียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วพบว่า มีสัดส่วนการเติบโตเพิ่มขึ้น 40% นอกจากนี้ ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ปริมาณ และมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านขยายตัวได้ดีในช่วงไตรมาสแรกนั้น เนื่องจากกำลังซื้อในพื้นที่ที่เคยชะลอตัวกลับสู่ภาวะปกติ ขณะที่ฐานลูกค้าบริษัทรับสร้างบ้านขนาดใหญ่ขึ้นจากการขยายการให้บริการออกไปยังภูมิภาค และความกังวลของผู้บริโภคว่าราคาบ้านจะปรับตัวสูงขึ้นช่วยเร่งการตัดสินใจสร้างบ้านเร็วขึ้น

นายสิทธิพร กล่าวว่า สำหรับการแข่งขันตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาสแรก พบว่าการแข่งขันด้านราคาไม่รุนแรงมากนัก โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็ก-รายกลาง ที่ยังใช้ระบบก่อสร้างแบบก่ออิฐฉาบปูน ซึ่งต้องเผชิญกับปัญหาแรงงานขาดแคลน และงานก่อสร้างล่าช้า ทำให้ส่วนใหญ่ไม่พร้อมแข่งขัน หรือไม่เร่งกระตุ้นกำลังซื้อใหม่ด้วยการตัดราคา ในขณะที่ผู้นำตลาด 2-3 รายที่ใช้ระบบก่อสร้างสำเร็จรูป สามารถก่อสร้างได้รวดเร็วกว่า อาศัยความได้เปรียบในเรื่องนี้เร่งกระตุ้นยอดขายกันอย่างคึกคัก เพื่อให้สามารถเริ่มงานก่อสร้าง และรับรู้รายได้ให้ทันในปีนี้ โดยพบว่า กลุ่มผู้นำนี้น่าจะมีการงบโฆษณาและประชาสัมพันธ์ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมารวมๆ กันแล้วเกือบ 20 ล้านบาท

“ไตรมาสแรกการแข่งขันถือว่ามีสีสัน และมีความคึกคักขึ้นอีกระดับหนึ่ง เมื่อผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ที่หันมาขยายไลน์สู่ธุรกิจรับสร้างบ้าน จากเดิมที่เคยเน้นจับกลุ่มระดับราคาบ้าน 10-20 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มเฉพาะ และการแข่งขันไม่สูงมาก โดดเข้ามาชิงแชร์ตลาดบ้านระดับราคา 5-10 ล้านบาท ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จึงเท่ากับเป็นการลงมาแข่งขันกับรายเดิมในตลาดกลุ่มนี้โดยตรง”

นายสิทธิพร กล่าวอีกว่า สมาคมฯ ประเมินว่า ทิศทางตลาดรับสร้างบ้านไตรมาส 2 อาจไม่เติบโต ทรงตัวเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรก เนื่องจากดีมานด์บางส่วนถูกดูดซับล่วงหน้าไปก่อนแล้วในช่วงต้นปี รวมทั้งไตรมาส 2 นี้มีช่วงวันหยุดเทศกาลติดต่อกันหลายวัน และตรงกับช่วงเปิดเรียน ผู้บริโภคจึงน่าจะให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมากกว่าเรื่องการสร้างบ้านหลังใหม่ในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม ผลจากตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาสแรกมีการเติบโตสูง จึงน่าจะทำให้ภาพรวมตลาด 6 เดือนแรกปีนี้ ขยายตัวได้ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ 6 เดือนแรกของปีที่แล้ว โดยคาดว่ามูลค่า “ตลาดรับสร้างบ้าน” ครึ่งแรกปีนี้น่าจะมีสัดส่วนคิดเป็น 45-50% ของมูลค่ารวมตลอดทั้งปีซึ่งมีอยู่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาทเศษ

อย่างไรก็ตาม แม้กำลังซื้อในช่วงครึ่งหลังของปีจะชะลอตัวบางส่วน แต่ยังเห็นว่าโอกาสที่ผู้ประกอบการจะมียอดขายเติบโตสวนทางตลาดได้ หากว่าสามารถกระตุ้นกำลังซื้อที่มีความพร้อมให้ตัดสินใจเร็วขึ้น หรือมีกลยุทธ์การตลาดที่แตกต่างจากคู่แข่ง และโดนใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย เช่น กลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านใหม่ให้แก่ลูกหลานที่ย้ายสถานศึกษา กลุ่มลูกค้าครอบครัวใหม่ที่ต้องการสร้างเรือนหอ กลุ่มลูกค้าที่ไม่มีเงินออมแต่มีกำลังผ่อนชำระรายเดือน ฯลฯ โดยผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวจะตัดสินใจเลือกด้วยเหตุผลเพราะต้องการความสะดวก และรวดเร็ว

นายสิทธิพร กล่าวว่า สำหรับตลาด “บ้านสร้างเอง” ในปี 2556 คาดว่ามีมูลค่ารวมทั่วประเทศประมาณ 1.2-1.3 แสนล้านบาท ขณะที่ตลาด “รับสร้างบ้าน” คาดว่าจะมีส่วนแบ่งประมาณ 1 หมื่นล้านบาทเศษ ซึ่งเติบโตกว่าปีที่แล้วประมาณ 12-15% สำหรับภาวการณ์แข่งขันในช่วงไตรมาส 2 นี้ ประเมินว่าจะเป็นการแข่งขันกันเฉพาะในกลุ่มผู้นำตลาด 3-4 ราย และเชื่อว่าจะมีการชิงแชร์ตลาดภูมิภาค หรือต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลาง และภาคอีสาน เช่น อยุธยา สระบุรี ลพบุรี ปากช่อง หรือโคราช ฯลฯ เป็นต้น ขณะที่ผู้ประกอบการรายกลางรายเล็ก ส่วนใหญ่ไม่เน้นแข่งขัน หรือทำตลาดในช่วงไตรมาส 2 แต่จะทำตลาดกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลังมากกว่า

สำหรับ ไตรมาส 2 นี้ คาดว่าความต้องการสร้างบ้าน หรือตลาดบ้านสร้างเองในต่างจังหวัดยังขยายตัว หรือเติบโตใกล้เคียงกับไตรมาสแรก หากผู้ประกอบการรับสร้างบ้านยังสามารถขยายการให้บริการ หรือเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายได้ดีขึ้น ก็เชื่อว่าจะสามารถแชร์ส่วนแบ่งตลาดบ้านสร้างเองได้เพิ่มตามกัน โดยเฉพาะระดับราคาบ้าน 1.5-3 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับราคาบ้านที่ผู้บริโภคต่างจังหวัดมีความต้องการมากที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น