xs
xsm
sm
md
lg

พลัสฯ ยันไม่พบปัจจัย “ฟองสบู่” อสังหาฯ ชี้แบงก์เข้มงวดปล่อยสินเชื่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ
“พลัสฯ” ชี้สัญญาณเชิงบวกต่อธุรกิจอสังหาฯ ทั้งเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น ดอกเบี้ยเริ่มผ่อนคลายลง หนุนเศรษฐกิจปี “งูเล็ก” เติบโตร้อยละ 5 เตือนปัจจัยเสี่ยงหนีไม่พ้น “วิกฤตแรงงาน” ยันอสังหาฯ ยังไม่เกิดฟองสบู่

นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ของกลุ่มบริษัทแสนสิริ กล่าวถึงแนวโน้มของเศรษฐกิจไทยปี 56 ว่า จากการวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2555 ว่า สามารถขยายตัวได้ถึงร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับปี 2554 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี อีกทั้งประเทศไทยยังคงรักษาการเป็น 20 อันดับแรกของประเทศที่น่าลงทุน ซึ่งอ้างอิงจากผลการวิจัยประเทศที่มีความสะดวกในการเข้าไปประกอบธุรกิจประจำปี 2555 ของธนาคารโลก ซึ่งมาจากการปฏิรูปที่สำคัญ 2 ด้าน คือ การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจที่ทำได้ง่ายขึ้น และมีต้นทุนในการดำเนินงานที่น้อยลงจากการลดภาษีนิติบุคคลจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 23% ในปี 2555 และจะลงมาอยู่ที่ร้อยละ 20% ในปีนี้นั้น

ปัจจัยข้างต้น จะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจในปี 2556 ด้วยปัจจัยที่สำคัญต่างๆ ได้แก่ การบริโภค และการลงทุนภาคเอกชน โดยมีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นปัจจัยสนับสนุน อย่างไรก็ตาม หากมาตรการช่วยเหลือ และกระตุ้นทางเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาลสิ้นสุด อาจจะส่งผลให้อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2556 อยู่ที่ร้อยละ 5.0 โดยจะมีการปรับตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจอีกครั้งจะเป็นช่วงกลางปี

“จากภาพรวมทางเศรษฐกิจดังกล่าว มองว่าภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปี 2556 ยังคงมีทิศทางเชิงบวก โดยจะกลับมาดีในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2556 จากปัจจัยกระตุ้นต่างๆ เช่น อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจมีสัญญาณที่ดีขึ้น ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น อัตราดอกเบี้ยเริ่มผ่อนคลายลงเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอย โดยล่าสุด คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.75 ต่อปี ซึ่งจะสนับสนุนอุปสงค์ในประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่องได้”

นอกจากนี้ หากพิจารณาปัจจัยการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจที่สำคัญๆ เช่น อัตราการว่างงานในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2555 ที่ผ่านมา อยู่ที่ร้อยละ 0.72 ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำมาก และคาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ต่อเนื่องจนถึงปี 2556 ตามการขยายตัวในภาคอุตสาหกรรม การเกษตร และการก่อสร้าง

ด้านอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2555 อยู่ที่ร้อยละ 3.0 ลดลงร้อยละ 0.8 จากปี 2554 ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณสินค้าในตลาดกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังเกิดการขาดแคลนในช่วงวิกฤตอุทกภัย ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 2.2 ซึ่งอยู่ในกรอบเงินเฟ้อเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ร้อยละ 0.5-3.0

ส่วนด้านราคาวัสดุก่อสร้างในปี 2555 นั้น มีการปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยที่ร้อยละ 1-2 เมื่อเทียบกับปี 2554 ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณวัสดุก่อสร้างในปี 2555 ไม่ได้อยู่ในภาวะขาดแคลนดังเช่นวิกฤตมหาอุทกภัยปลายปี 2554 ประกอบกับภาคอสังหาริมทรัพย์มีโครงการเปิดใหม่ไม่มากเท่ากับปี 2553-2554 จึงทำให้มีการปรับราคาวัสดุเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น

นอกจากนี้ พบว่าดัชนีความเชื่อในการซื้อบ้านหลังใหม่ในปี 2555 โดยรวมฟื้นตัวดีขึ้น อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลว่าจะเกิดอุทกภัยซ้ำในช่วงเดือนกันยายน ทำให้รอดูสถานการณ์ และชะลอการตัดสิดใจซื้อออกไป แต่ในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ จึงประเมินได้ว่า ธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยใน 6 เดือนแรกของปี 2556 นี้ จะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

ยันไม่พบสัญญาณ “ฟองสบู่”

นายอนุกูล กล่าวว่า ประเด็นที่ผู้ประกอบการจะต้องเตรียมพร้อมที่คาดว่าจะส่งผลต่อการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ไทยในอนาคตคือ วิกฤตทางด้านแรงงานขาดแคลน และต้นทุนการบริหารจัดการที่อาจจะเพิ่มขึ้น รวมถึงยังต้องระมัดระวังความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่จะผันแปรตามปัจจัยภายนอกต่างๆ อีกด้วย ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตเรื่องฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์นั้น โดยภาพรวมยังไม่พบปัจจัยที่จะก่อให้เกิดภาวะดังกล่าว รวมทั้งสถาบันการเงินต่างๆ มีมาตรการเข้มงวด และรัดกุมในการให้สินเชื่อ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยเองได้ยืนยันว่า ไม่พบสัญญาณที่น่าเป็นห่วง ทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน ส่วนธุรกิจบริหารจัดการด้านอสังหาริมทรัพย์จะยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พร้อมทั้งมีมาตรฐาน และการพัฒนาต่างๆ เทียบเท่าระดับสากล
กำลังโหลดความคิดเห็น