ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ว่าฯ ภูเก็ตลงพื้นที่ตรวจเหตุกำแพงคอนกรีตถล่มลงมาทับบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย ขณะที่เด็กชายวัย 3 เดือนรอดปาฏิหาริย์ ย้ำหน่วยงานเกี่ยวข้องต้องดูแลการก่อสร้างอาคารต่างๆ ในพื้นที่ให้ได้มาตรฐาน และต้องคำนึงถึงเรื่องของสิ่งแวดล้อม ยึดหลักอยู่บนฐานความสุจริต
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (4 พ.ย.) นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายสมเกียรติ สังขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายวงศกร นุ่นชูคันธ์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต นายชัยรัตน์ สุขบาล รองนายกเทศมนตรีเทศบาลบาลเมืองกะทู้ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้ง พ.ต.ท.กิตติพงษ์ คล้ายแก้ว ร้องผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกะทู้ เข้าตรวจสอบพื้นที่กรณีกำแพงคอนกรีตของโรงแรมแห่งหนึ่งบริเวณถนนนาใน เขตเทศบาลป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ทรุดตัวลงมาทับบ้านของประชาชนได้รับความเสียหาย ซึ่งขณะที่เกิดเหตุมี น.ส.อัจฉรา จุติเสน อายุ 28 ปี และน้องบิ๊ก ลูกชายอายุ 3 เดือน อาศัยอยู่ในบ้านหลังที่เกิดเหตุ แต่โชคดีทั้ง 2 คนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
จากการตรวจสอบพื้นที่ในวันนี้ (4 พ.ย.) พบว่า ทางผู้ประกอบการได้ปรับพื้นที่บริเวณจุดที่เกิดเหตุแล้ว พร้อมทั้งทำการรื้อบ้านที่ได้รับความเสียหายออกเพื่อสร้างบ้านหลังใหม่ให้แก่เจ้าของบ้าน ซึ่งในการลงพื้นที่ของทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้ทางผู้ประกอบการซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมที่เกิดเหตุได้ร่วมให้ข้อมูลด้วย
นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังการตรวจพื้นที่ว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า พื้นที่ทีสร้างกำแพงมีลักษณะเป็นดินทราย การยึดตัวไม่ดีนัก ซึ่งหลังจากเกิดเหตุกำแพงทรุดตัวก็รู้สึกเป็นห่วงในส่วนของตึกใหญ่ด้วย อาจจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้จะยังไม่ประกาศเป็นพื้นที่พิบัติภัย เพราะยังไม่ส่งผลกระทบในวงกว้าง แต่อย่างไรก็ตาม ได้มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ
ส่วนการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ก็จะต้องดูเป็นรายๆ ไป ซึ่งการจ่ายชดเชยนั้นในส่วนของทางราชการสามารถจ่ายชดเชยได้ แต่คงไม่เต็มที่เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากภัยธรรมชาติ แต่เชื่อว่าในส่วนของผู้ประกอบการเองก้พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบอยู่แล้ว
นายไมตรี กล่าวต่อไปว่า หลังจากนี้จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารือเพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะจุดนี้แต่จะต้องดำเนินการทั้งจังหวัด ซึ่งหน่วยงานที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษคือ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งการอนุญาตให้มีการก่อสร้างจะต้องมีการตรวจสอบเรื่องของการออกแบบ รวมถึงเรื่องของการรับน้ำหนักของดินว่าสามารถรองรับน้ำหนักได้มากแค่ใหน นอกจากนั้น ยังจะต้องคำนึงถึงเรื่องของสิ่งแวดล้อมด้วย ปัญหาเรื่องของการรองรับน้ำหนักของดินเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงเพราะถ้าเกิดภัยพิบัติขึ้นมาจะส่งผลกระทบในวงกว้าง และเกี่ยวข้องกับประชาชนที่อยู่อาศัยโดยรอบ นอกจากนั้น ยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และอื่นๆ อีกมาก
ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นอุทาหรณ์ที่จะต้องพึงระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก จึงจำเป็นที่จะต้องกำหนดมาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการสร้างอาคาร หรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการจะต้องระวังให้มากที่สุด ซึ่งหลังจากนี้คงจะต้องมีการจัดระเบียบเมือง และวางระบบอย่างจริงจังโดยใช้กระบวนการทางกฎหมายเป็นเครื่องมือในการควบคุม เพราะถ้าปล่อยปละละเลยก็จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนได้
นายไมตรี ยังได้กล่าวต่อไปว่า สำหรับการขออนุญาตก่อสร้างอาคารต่างๆ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะต้องอยู่บนฐานความสุจริต โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตัว เพราะเมื่อเกิดความสูญเสียจะเสียใจภายหลัง ซึ่งในส่วนของทางจังหวัดจะคอยขันนอตเจ้าหน้าที่ในการทำงานในทุกเรื่องเพื่อให้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (4 พ.ย.) นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายสมเกียรติ สังขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายวงศกร นุ่นชูคันธ์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต นายชัยรัตน์ สุขบาล รองนายกเทศมนตรีเทศบาลบาลเมืองกะทู้ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้ง พ.ต.ท.กิตติพงษ์ คล้ายแก้ว ร้องผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกะทู้ เข้าตรวจสอบพื้นที่กรณีกำแพงคอนกรีตของโรงแรมแห่งหนึ่งบริเวณถนนนาใน เขตเทศบาลป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ทรุดตัวลงมาทับบ้านของประชาชนได้รับความเสียหาย ซึ่งขณะที่เกิดเหตุมี น.ส.อัจฉรา จุติเสน อายุ 28 ปี และน้องบิ๊ก ลูกชายอายุ 3 เดือน อาศัยอยู่ในบ้านหลังที่เกิดเหตุ แต่โชคดีทั้ง 2 คนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
จากการตรวจสอบพื้นที่ในวันนี้ (4 พ.ย.) พบว่า ทางผู้ประกอบการได้ปรับพื้นที่บริเวณจุดที่เกิดเหตุแล้ว พร้อมทั้งทำการรื้อบ้านที่ได้รับความเสียหายออกเพื่อสร้างบ้านหลังใหม่ให้แก่เจ้าของบ้าน ซึ่งในการลงพื้นที่ของทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้ทางผู้ประกอบการซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมที่เกิดเหตุได้ร่วมให้ข้อมูลด้วย
นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังการตรวจพื้นที่ว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า พื้นที่ทีสร้างกำแพงมีลักษณะเป็นดินทราย การยึดตัวไม่ดีนัก ซึ่งหลังจากเกิดเหตุกำแพงทรุดตัวก็รู้สึกเป็นห่วงในส่วนของตึกใหญ่ด้วย อาจจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้จะยังไม่ประกาศเป็นพื้นที่พิบัติภัย เพราะยังไม่ส่งผลกระทบในวงกว้าง แต่อย่างไรก็ตาม ได้มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ
ส่วนการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ก็จะต้องดูเป็นรายๆ ไป ซึ่งการจ่ายชดเชยนั้นในส่วนของทางราชการสามารถจ่ายชดเชยได้ แต่คงไม่เต็มที่เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากภัยธรรมชาติ แต่เชื่อว่าในส่วนของผู้ประกอบการเองก้พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบอยู่แล้ว
นายไมตรี กล่าวต่อไปว่า หลังจากนี้จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารือเพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะจุดนี้แต่จะต้องดำเนินการทั้งจังหวัด ซึ่งหน่วยงานที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษคือ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งการอนุญาตให้มีการก่อสร้างจะต้องมีการตรวจสอบเรื่องของการออกแบบ รวมถึงเรื่องของการรับน้ำหนักของดินว่าสามารถรองรับน้ำหนักได้มากแค่ใหน นอกจากนั้น ยังจะต้องคำนึงถึงเรื่องของสิ่งแวดล้อมด้วย ปัญหาเรื่องของการรองรับน้ำหนักของดินเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงเพราะถ้าเกิดภัยพิบัติขึ้นมาจะส่งผลกระทบในวงกว้าง และเกี่ยวข้องกับประชาชนที่อยู่อาศัยโดยรอบ นอกจากนั้น ยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และอื่นๆ อีกมาก
ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นอุทาหรณ์ที่จะต้องพึงระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก จึงจำเป็นที่จะต้องกำหนดมาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการสร้างอาคาร หรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการจะต้องระวังให้มากที่สุด ซึ่งหลังจากนี้คงจะต้องมีการจัดระเบียบเมือง และวางระบบอย่างจริงจังโดยใช้กระบวนการทางกฎหมายเป็นเครื่องมือในการควบคุม เพราะถ้าปล่อยปละละเลยก็จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนได้
นายไมตรี ยังได้กล่าวต่อไปว่า สำหรับการขออนุญาตก่อสร้างอาคารต่างๆ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะต้องอยู่บนฐานความสุจริต โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตัว เพราะเมื่อเกิดความสูญเสียจะเสียใจภายหลัง ซึ่งในส่วนของทางจังหวัดจะคอยขันนอตเจ้าหน้าที่ในการทำงานในทุกเรื่องเพื่อให้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก
