**ต้องยอมรับความจริงกันเสียทีว่า สถานการณ์ชายแดนใต้ในเวลานี้กำลังถอยหลังเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ยังมองไม่เห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นแต่อย่างใด
เหตุการณ์ที่คนร้ายลอบวางระเบิดขบวนรถของรองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เมื่อวันก่อน จนทำให้ รองผู้ว่าฯ และป้องกันจังหวัดยะลาต้องเสียชีวิต สองศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง บนถนนที่เป็นเส้นทางสายหลัก ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนขวัญกับประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่เป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของฝ่ายรัฐ โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลอย่างสิ้นเชิง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังเป็นการตบหน้ารัฐบาลฉาดใหญ่ เพราะเป็นเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นระหว่างที่มีการเจรจาระหว่างตัวแทนของฝ่ายรัฐที่นำโดย เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร กับเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง กับฝ่ายตัวแทนของกลุ่มโจร บีอาร์เอ็น ไปแล้วถึงสองครั้ง
**ซึ่งฝ่ายรัฐบาลออกมาประกาศย้ำอยู่ตลอดเวลาว่าสถานการณ์ชายแดนใต้กำลังดีขึ้น หรือ “มาถูกทาง” แล้ว
ที่ผ่านมาฝ่ายรัฐบาลมีการประโคมข่าวเรื่องการเจรจาดังกล่าวอย่างใหญ่โต ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า นี่คืออีกหนึ่ง “แผนการตลาด” ของ ทักษิณ ชินวัตร ที่กระทำผ่านรัฐบาล “น้องสาว” ตัวเองคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สังเกตได้จากที่ผ่านมาก่อนการลงนามในบันทึกความเข้าใจครั้งแรกที่มาเลเซีย ทั้งคู่ก็เดินทางไปอำนวยความสะดวก แสดงสัญลักษณ์ให้เห็นปรากฏเป็นข่าวใหญ่โต
แน่นอนว่าการเจรจาในเรื่องสันติภาพ ไม่ต้องรบราฆ่าฟัน ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงในพื้นที่เชื่อว่าทุกคนต้องเห็นด้วย แต่ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นดังกล่าวมันดูแล้ว “ผิดธรรมชาติ” ทั้งในเรื่องของกลุ่มโรที่มาเจรจา ว่าไม่ใช่ตัวจริง ตกยุคไปแล้วบ้าง ก็ว่ากันไป
ขณะเดียวกันในด้านการควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ รวมไปถึงการแก้ปัญหาตลอดระยะเวลาที่รัฐบาล พรรคเพื่อไทย ที่นำโดย นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผ่านมาเกือบสองปี ทุกอย่างยังผิดทิศผิดทาง ยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาทั้งงานมวลชน การพัฒนาล้วนแล้วแต่ไปไม่ถึงไหน มิหนำซ้ำยังไปในทางลบ ไปกันคนละทิศละทาง
ที่เห็นได้ชัดก็คือ การแต่งตั้งให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาดูแลงานทางด้านยุทธศาสตร์แก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ โดยที่เจ้าตัวไม่เต็มใจ ไม่อยากทำ อ้างว่าเป็นงานยาก และที่ผ่านมานับตั้งแต่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี เขาก็ไม่เคยลงไปตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ หรือรับฟังปัญหาในพื้นที่เลยแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่บ่ายเบี่ยง ผัดผ่อนเรื่อยมา
แม้ล่าสุดเมื่อเกิดเหตุร้ายกับคณะรองผู้ว่าฯยะลา เขาก็ไม่ยอมลงไปเคารพศพ หรือไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ รวมไปถึงเดินทางไปให้กำลังเจ้าหน้าที่ ซึ่งถือว่าเป็น “เรื่องผิดปกติ” อย่างยิ่ง ว่า ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้
หรือว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ถูกกันออกไปนอกวง ทั้งในรัฐบาล และในเรื่องปัญหาชายแดนใต้อย่างสิ้นเชิงแล้ว เพราะถ้าพิจารณาความความเป็นจริง และลักษณะนิสัยส่วนตัวของเขาที่เป็นคน “ขี้โม้” โอ้อวด ย่อมรู้ดีว่าการไม่ยอมลงไปในพื้นที่มันมีแต่ภาพลบกับเขา อีกทั้งการลงไปในพื้นที่นั้น คนระดับรัฐมนตรีก็ต้องมีเจ้าหน้าที่เคลียร์พื้นที่ มีหน่วยรักษาความปลอดภัยล้อมหน้าล้อมหลังจนเกินพอดี บางครั้งทำให้ชาวบ้านรำคาญในความเวอร์ก็มี ไม่มีทางเดินทางไปคนเดียวเด็ดขาด **ในเมื่อไม่ยอมลงไป ถ้าจะบอกว่า “ขี้ขลาด” ได้ถึงขนาดนี้ มันก็ไม่สมควรอยู่ ลาออกไปตั้งแต่บัดนี้เถอะ เพราะขืนอยู่ไปแบบนี้รังแต่อัปยศอดสู ถูกคนอื่นเขาเยาะเย้ยถากถางเปล่าๆ
แต่อย่างที่บอก มันต้องมีอะไรที่ซ่อนไปมากกว่านั้น ถูกฝ่ายทหารห้ามเข้าหรือเปล่า หรือว่าคนอย่าง เฉลิม ถูกกันออกไปนอกวงไปแล้ว จากคนที่เป็นเจ้าของรัฐบาล นั่นคือ ทักษิณ ชินวัตร เพราะถ้าสังเกตให้ดี จะได้เห็นคำพูดของ ทักษิณ ที่เพิ่งสไกป์เข้ามาในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย เมื่อไม่นานมานี้ จับความได้คำหนึ่งว่า “มีคนบางคนไม่อยากให้ผมกลับบ้าน เพราะเกรงว่าตัวเองจะหมดความสำคัญ”
แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่ก็เชื่อว่าหลายคนคงหันไปมองที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แน่นอน เพราะความเคลื่อนไหวของเขาที่ผ่านมา ล้วนแสดงออกมาในทำนองว่า ต้องการรับอาสาพา ทักษิณ กลับบ้านตลอด แต่ทำไม่สำเร็จ ขณะเดียวกันหลายคนรับรู้ว่าเขาเข้ามามีบทบาทในพรรคเพื่อไทย ฉวยโอกาสในขณะที่ แถวหนึ่งแถวสองถูกสั่งเว้นวรรคทางการเมือง แต่ล่าสุดคนพวกนี้เริ่มทยอยกลับเข้ามาแล้ว
ล่าสุดเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นำคณะชุดใหญ่ลงพื้นที่ชายแดนใต้ ทั้งเดินทางไปเยี่ยมปลอบขวัญเจ้าหน้าที่ในคณะของรองผู้ว่าฯยะลา ที่ได้รับบาดเจ็บถึงโรงพยาบาลยะลา เรียกประชุมผู้ว่าราชการังหวัดในจังหวัดชายแดนใต้ รวมทั้งไปร่วมงานศพรองผู้ว่าฯ ยะลา ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีคนอื่นร่วมคณะมากมาย
แต่ไม่น่าเชื่อกลับไม่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ร่วมอยู่ในคณะ มันเป็นไปได้อย่างไร ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมองได้ชัดเจนว่า ร.ต.อ.เฉลิม ไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง ไม่ควรเอ่ยถึงอีกต่อไปแล้ว
ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวของ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เดินทางลงพื้นที่ชายแดนใต้โดยปิดลับ แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์อันตราย และน่าเป็นห่วง หากเปรียบเทียบให้เห็นก็ไม่ต่างจากสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน หรือในอิรัก ที่เวลาผู้นำสหรัฐฯ หรืออังกฤษ เดินทางไปครั้งใด ก็จะปิดลับยิ่งยวด ทำให้แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ชายแดนใต้เวลานี้ เลวร้ายลง หากบอกว่ากำลังถอยหลังไปสู่มิคสัญญีเข้าไปทุกทีแล้ว และที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือ คำให้สัมภาษณ์ของ พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 บอกว่า กลุ่มโจรที่ลงมือก่อเหตุทำให้รองผู้ว่าฯยะลาเสียชีวิตนั้น เป็นฝีมือของกลุ่มโจร “บีอาร์เอ็น” นี่มันหมายความว่าอย่างไร
** ดังนั้นถ้าบอกว่าชายแดนใต้ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หมดหวัง และมีแนวโน้มจะต้องสูญเสีย ถูกแบ่งแยกออกไปมีแนวโน้มสูงยิ่ง !!
เหตุการณ์ที่คนร้ายลอบวางระเบิดขบวนรถของรองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เมื่อวันก่อน จนทำให้ รองผู้ว่าฯ และป้องกันจังหวัดยะลาต้องเสียชีวิต สองศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง บนถนนที่เป็นเส้นทางสายหลัก ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนขวัญกับประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่เป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของฝ่ายรัฐ โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลอย่างสิ้นเชิง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังเป็นการตบหน้ารัฐบาลฉาดใหญ่ เพราะเป็นเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นระหว่างที่มีการเจรจาระหว่างตัวแทนของฝ่ายรัฐที่นำโดย เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร กับเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง กับฝ่ายตัวแทนของกลุ่มโจร บีอาร์เอ็น ไปแล้วถึงสองครั้ง
**ซึ่งฝ่ายรัฐบาลออกมาประกาศย้ำอยู่ตลอดเวลาว่าสถานการณ์ชายแดนใต้กำลังดีขึ้น หรือ “มาถูกทาง” แล้ว
ที่ผ่านมาฝ่ายรัฐบาลมีการประโคมข่าวเรื่องการเจรจาดังกล่าวอย่างใหญ่โต ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า นี่คืออีกหนึ่ง “แผนการตลาด” ของ ทักษิณ ชินวัตร ที่กระทำผ่านรัฐบาล “น้องสาว” ตัวเองคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สังเกตได้จากที่ผ่านมาก่อนการลงนามในบันทึกความเข้าใจครั้งแรกที่มาเลเซีย ทั้งคู่ก็เดินทางไปอำนวยความสะดวก แสดงสัญลักษณ์ให้เห็นปรากฏเป็นข่าวใหญ่โต
แน่นอนว่าการเจรจาในเรื่องสันติภาพ ไม่ต้องรบราฆ่าฟัน ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงในพื้นที่เชื่อว่าทุกคนต้องเห็นด้วย แต่ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นดังกล่าวมันดูแล้ว “ผิดธรรมชาติ” ทั้งในเรื่องของกลุ่มโรที่มาเจรจา ว่าไม่ใช่ตัวจริง ตกยุคไปแล้วบ้าง ก็ว่ากันไป
ขณะเดียวกันในด้านการควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ รวมไปถึงการแก้ปัญหาตลอดระยะเวลาที่รัฐบาล พรรคเพื่อไทย ที่นำโดย นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผ่านมาเกือบสองปี ทุกอย่างยังผิดทิศผิดทาง ยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาทั้งงานมวลชน การพัฒนาล้วนแล้วแต่ไปไม่ถึงไหน มิหนำซ้ำยังไปในทางลบ ไปกันคนละทิศละทาง
ที่เห็นได้ชัดก็คือ การแต่งตั้งให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาดูแลงานทางด้านยุทธศาสตร์แก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ โดยที่เจ้าตัวไม่เต็มใจ ไม่อยากทำ อ้างว่าเป็นงานยาก และที่ผ่านมานับตั้งแต่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี เขาก็ไม่เคยลงไปตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ หรือรับฟังปัญหาในพื้นที่เลยแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่บ่ายเบี่ยง ผัดผ่อนเรื่อยมา
แม้ล่าสุดเมื่อเกิดเหตุร้ายกับคณะรองผู้ว่าฯยะลา เขาก็ไม่ยอมลงไปเคารพศพ หรือไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ รวมไปถึงเดินทางไปให้กำลังเจ้าหน้าที่ ซึ่งถือว่าเป็น “เรื่องผิดปกติ” อย่างยิ่ง ว่า ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้
หรือว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ถูกกันออกไปนอกวง ทั้งในรัฐบาล และในเรื่องปัญหาชายแดนใต้อย่างสิ้นเชิงแล้ว เพราะถ้าพิจารณาความความเป็นจริง และลักษณะนิสัยส่วนตัวของเขาที่เป็นคน “ขี้โม้” โอ้อวด ย่อมรู้ดีว่าการไม่ยอมลงไปในพื้นที่มันมีแต่ภาพลบกับเขา อีกทั้งการลงไปในพื้นที่นั้น คนระดับรัฐมนตรีก็ต้องมีเจ้าหน้าที่เคลียร์พื้นที่ มีหน่วยรักษาความปลอดภัยล้อมหน้าล้อมหลังจนเกินพอดี บางครั้งทำให้ชาวบ้านรำคาญในความเวอร์ก็มี ไม่มีทางเดินทางไปคนเดียวเด็ดขาด **ในเมื่อไม่ยอมลงไป ถ้าจะบอกว่า “ขี้ขลาด” ได้ถึงขนาดนี้ มันก็ไม่สมควรอยู่ ลาออกไปตั้งแต่บัดนี้เถอะ เพราะขืนอยู่ไปแบบนี้รังแต่อัปยศอดสู ถูกคนอื่นเขาเยาะเย้ยถากถางเปล่าๆ
แต่อย่างที่บอก มันต้องมีอะไรที่ซ่อนไปมากกว่านั้น ถูกฝ่ายทหารห้ามเข้าหรือเปล่า หรือว่าคนอย่าง เฉลิม ถูกกันออกไปนอกวงไปแล้ว จากคนที่เป็นเจ้าของรัฐบาล นั่นคือ ทักษิณ ชินวัตร เพราะถ้าสังเกตให้ดี จะได้เห็นคำพูดของ ทักษิณ ที่เพิ่งสไกป์เข้ามาในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย เมื่อไม่นานมานี้ จับความได้คำหนึ่งว่า “มีคนบางคนไม่อยากให้ผมกลับบ้าน เพราะเกรงว่าตัวเองจะหมดความสำคัญ”
แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่ก็เชื่อว่าหลายคนคงหันไปมองที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แน่นอน เพราะความเคลื่อนไหวของเขาที่ผ่านมา ล้วนแสดงออกมาในทำนองว่า ต้องการรับอาสาพา ทักษิณ กลับบ้านตลอด แต่ทำไม่สำเร็จ ขณะเดียวกันหลายคนรับรู้ว่าเขาเข้ามามีบทบาทในพรรคเพื่อไทย ฉวยโอกาสในขณะที่ แถวหนึ่งแถวสองถูกสั่งเว้นวรรคทางการเมือง แต่ล่าสุดคนพวกนี้เริ่มทยอยกลับเข้ามาแล้ว
ล่าสุดเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นำคณะชุดใหญ่ลงพื้นที่ชายแดนใต้ ทั้งเดินทางไปเยี่ยมปลอบขวัญเจ้าหน้าที่ในคณะของรองผู้ว่าฯยะลา ที่ได้รับบาดเจ็บถึงโรงพยาบาลยะลา เรียกประชุมผู้ว่าราชการังหวัดในจังหวัดชายแดนใต้ รวมทั้งไปร่วมงานศพรองผู้ว่าฯ ยะลา ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีคนอื่นร่วมคณะมากมาย
แต่ไม่น่าเชื่อกลับไม่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ร่วมอยู่ในคณะ มันเป็นไปได้อย่างไร ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมองได้ชัดเจนว่า ร.ต.อ.เฉลิม ไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง ไม่ควรเอ่ยถึงอีกต่อไปแล้ว
ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวของ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เดินทางลงพื้นที่ชายแดนใต้โดยปิดลับ แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์อันตราย และน่าเป็นห่วง หากเปรียบเทียบให้เห็นก็ไม่ต่างจากสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน หรือในอิรัก ที่เวลาผู้นำสหรัฐฯ หรืออังกฤษ เดินทางไปครั้งใด ก็จะปิดลับยิ่งยวด ทำให้แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ชายแดนใต้เวลานี้ เลวร้ายลง หากบอกว่ากำลังถอยหลังไปสู่มิคสัญญีเข้าไปทุกทีแล้ว และที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือ คำให้สัมภาษณ์ของ พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 บอกว่า กลุ่มโจรที่ลงมือก่อเหตุทำให้รองผู้ว่าฯยะลาเสียชีวิตนั้น เป็นฝีมือของกลุ่มโจร “บีอาร์เอ็น” นี่มันหมายความว่าอย่างไร
** ดังนั้นถ้าบอกว่าชายแดนใต้ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หมดหวัง และมีแนวโน้มจะต้องสูญเสีย ถูกแบ่งแยกออกไปมีแนวโน้มสูงยิ่ง !!
