จนแล้วจนรอด “เหลิม” ก็ไม่ลงใต้-มหาเธร์ก็ไม่ให้พบ ดีแต่โม้ของจริง!!

ผ่าประเด็นร้อน


ในที่สุด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบดูแก้ปัญหาชายแดนใต้ โดยดำรงตำแหน่งเป็นระดับผู้อำนวยการงานด้านยุทธศาสตร์ แต่ที่ผ่านมารับตั้งแต่ได้รับมอบหมายให้แก้ปัญหา แต่กลับไม่เคยลงไปดูปัญหาจริงในพื้นที่จริงเลยแม้แต่ครั้งเดียว ที่ผ่านมาก็เคยรับปากยืนยันผ่านสื่อมาหลายครั้งแล้วว่าหลังเสร็จสิ้นการหาเสียงช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของพรรคเพื่อไทยแล้วจะลงไป รวมไปถึงยืนยันถึงการตอบรับของอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มหาเธร์ โมฮัมหมัด ที่เกาะลังกาวีในวันที่28 มีนาคม หลังจากเลื่อนมาจากครั้งก่อนที่อ้างว่าอดีตนายกฯมาเลย์ไม่สะดวก

แต่ล่าสุด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้อ้างว่าตัวเขาไม่ต้องลงพื้นที่ชายแดนใต้แล้ว เนื่องจากนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มอบหมายให้ร่วมชี้แจงร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงกู้เงินจำนวน 2.2 ล้านล้านบาทสำหรับการก่อสร้างโครงการขั้นพื้นฐาน ความหมายที่ต้องการสื่อให้สังคมได้เห็นก็คือทำหน้าที่เป็น “ขุนพล” ปกป้องนายกฯ และปกป้องรัฐบาลในสภา ซึ่งสำคัญยิ่งยวด และถือว่าคนที่ทำหน้าที่แบบนี้ได้ต้องไม่ธรรมดา มีแต่เหลิมเท่านั้นที่ทำได้ดีอะไรประมาณนั้น

ขณะเดียวกัน ได้ถือโอกาสโทรศัพท์เลื่อนนัดหารือกับอดีตนายกฯ มาเลย์ มหาเธร์ โมฮัมหมัด ออกไปก่อน ซึ่งไม่รู้ว่าจะสะดวกได้พบกันอีกเมื่อไหร่

อย่างไรก็ดี ถ้าพิจารณาในความเป็นจริงจากสายตาของคนภายนอกที่จับจ้องดูอยู่มันเห็นออกไปอีกแบบภาพออกมาเป็นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง นั่นคือขาดความรับผิดชอบ ไม่ยอมแก้ปัญหา ดูถูกชาวบ้าน หรือชอบทำงาน “สร้างภาพ” แถลงข่าวเอาหน้าฉาบฉวยแบบรายวันเท่านั้น

ดังนั้นเราจึงได้เห็นการแย่งซีนตำรวจแสดงท่าทางแอ็กอาร์ตเวลาแถลงข่าวจับยาบ้ารายวัน ซึ่งสังเกตได้ทันทีว่างานแบบนี้แหละที่ถนัด ขณะที่ปัญหาชายแดนใต้ที่เป็นงานหินเป็นเรื่องความมั่นคงของจริง แต่เขากลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมลงไปรับฟังปัญหาในพื้นที่เพื่อนำมาแก้ไขสถานการณ์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มักจะใช้วาทะโจมตีคนอื่นว่า “นักรบห้องแอร์” รับฟังรายงานอยู่แต่ในห้องแอร์ แต่เอาเข้าจริงตัวเขาน่นแหละที่พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนแล้วว่าเป็น “ของปลอม” ดีแต่โม้-ดีแต่พูด

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันมีสาเหตุอะไรกันแน่ถึงทำให้คนอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม ถึงไม่กล้าลงไปในพื้นที่ชายแดนใต้ ทั้งที่ตัวเองมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในฐานะได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านยุทธศาสตร์ จะเป็นเพราะตัวเอง “ปอดแหก” หรือว่าถูกกีดกันจากฝ่ายทหาร หรือว่าแท้จริงแล้วเขา “ไร้กระบอง” ไม่ได้มีอำนาจอะไรในการแก้ปัญหา หรือมาจากสาเหตุใดกันแน่

นอกเหนือจากนี้ หากการสันนิษฐานดังกล่าวเป็นเรื่องจริง นั่นก็แสดงให้เห็นว่าคนอย่างเขากำลังถูกกันออกนอกวงจรอำนาจ กำลังถูกลดทอนความสำคัญจากคนในครอบครัวของทักษิณ ชินวัตรเหมือนกับที่เคยสไกป์เข้ามาในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยว่ามีบางคนไม่อยากให้กลับบ้านเพราะกลัวว่าจะหมดความสำคัญ แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยชื่อใครโดยตรง แต่ว่าแทบทุกสายก็ต้องมองมาที่ ร.ต.อ.เฉลิม นั่นแหละ และถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าจะระยะหลังบทบาทของเขาในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ลดลงเรื่อยๆ ไม่ได้ขึ้นหม้อเหมือนเก่า โดยเฉพาะนับตั้งแต่พวกบ้านเลขที่ 111 พ้นโทษแบนกลับมา

ยิ่งงานในสภา โดยเฉพาะภารกิจพาแม้วกลับบ้านผ่านทางการเสนอกฎหมายล้างผิดทั้งในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ระยะหลังกลายเป็นหน้าที่ของคนอื่นไปเสียฉิบ ภาพที่เห็บแบบนี้จะให้มองอย่างไร

ที่น่าสนใจก็คือ ข่าวคราวเรื่องการเจรจากับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้กลุ่มบีอาร์เอ็นที่มาเลเซียทั้งในรอบแรกและรอบใหม่ในวันที่ 28 มีนาคม สังเกตให้ดีจะเห็นว่า ร.ต.อ.เฉลิม ถูกกันออกนอกวง อีกทั้งการเลื่อนนัด มหาเธร์ ตามกำหนดเดิมถือว่าเสียมารยาทอย่างยิ่ง หรือไม่เช่นนั้นในความเป็นจริงไม่เคยมีกำหนดการดังกล่าวมาก่อน เพราะฝ่ายโน้นไม่เคยเห็นหัวมาตั้งแต่แรก

เมื่อพิจารณาจากปรากฏการณ์ดังกล่าวมาทั้งหมด เป็นการสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความไม่เอาไหน ทั้งตัวนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่ตั้งคนที่ไม่เอาไหน ไม่เต็มใจเข้ามาแก้ไขปัญหา อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และนี่เป็นภาพสะท้อนให้เห็นด้วยตัวของมันเองแล้วว่าชายแดนใต้ที่ปั่นป่วนวุ่นวายคนละเรื่องกับคำพูดของคนในรัฐบาลที่บอกว่า “มาถูกทาง” เพราะถ้าบอกว่าลงนรกถูกทางนั่นแหละ ใช่เลย!!