เกาะกระแส
00 ต้องพูดกันแรงๆ แบบไม่ต้องไว้หน้ากันแบบนั้นจริงๆ สำหรับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการด้านยุทธศาสตร์แก้ปัญหาชายแดนใต้ ที่ยังไม่รู้สึกรู้สากับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เพราะนับตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้งมานานนับปี เขาไม่เคยเยื้องกรายลงไปในพื้นที่ มีแต่วิจารณ์คนอื่นว่า “รับฟังรายงานในห้องแอร์” แต่เมื่อเกิดเหตุร้ายรายวัน ล่าสุดเกิดขึ้นกับ รองผู้ว่าฯยะลา อิศรา ทองธวัช และ ป้องกันจังหวัดเสียชีวิตจากการลอบวางระเบิดรถยนต์ เขาก็ไม่ยอมลงไป หรือแม้กระทั่งลงไปเคารพศพไว้อาลัย ก็ไม่ไป
00 ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องที่อัปยศอย่างยิ่งสำหรับรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายโดยตรง แต่ทำราวกับว่า ไม่รู้สึกรู้สาใดๆ เหมือนกับว่าธุระไม่ใช่ อาจจะเห็นว่านี่คืองานยาก งานหิน ๆ หรือเมื่อเดินทางลงไปพื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่อันตราย ตัวเองก็อาจไม่ปลอดภัย ก็ไม่ยอมไป ทั้งที่ในความเป็นจริงคนระดับเสนาบดีไปไหนมาไหนก็ต้องมีเหน้าที่คอยล้อมหน้าล้อมหลัง เคลียร์พื้นที่อย่างละเอียดจนชาวบ้านรำคาญ ดังนั้นเมื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงแล้วยังไม่ลงไปก็ต้องขอประณามว่า “ขี้ขลาดตาขาว” และให้ลาออกไปเดี๋ยวนี้ เพราะอยู่ไปก็เปลืองเงินเดือน เปลืองเงินภาษีที่ทำงานไม่คุ้มค่า เพราะหากมัวแต่เลือกทำงานโชว์ออฟ แอ็กอาร์ต แย่งผลงานตำรวจโชว์แถลงข่าวปราบยาบ้า กินงานหมูแบบนั้นมันเกินไป อย่างไรก็ดีหากมองอีกด้านหนึ่งมันก็เหมือนกับมีอะไรผิดปกติ ทำให้เกิดคำถามว่า ทำไมคนอย่าง เฉลิม ต้องตกอยู่ในสภาพอย่างที่เห็น มีอะไรจุกอก ไม่กล้าบอกใครหรือเปล่า หากเป็นแบบนั้นจริง ก็ยิ่งสมควรเปิดเผยออกมาให้ชาวบ้านได้รู้ มีใครขู่เอาไว้ไม่ให้เข้าเขตทหารหรือเปล่า ถ้าไม่มี ก็ถือว่าขี้ขลาด สมควรไปให้พ้นเลย ทุเรศที่สุด !!
00 ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งก็สมควรประณามอย่างยิ่งไม่แพ้กันก็คือ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่แต่งตั้งคนที่ไม่มีฝีมือ ไม่เต็มใจเข้ามาทำหน้าที่แก้ปัญหาในพื้นที่อ่อนไหว ยุ่งยากซับซ้อน เพราะในทางตรงกันข้าม การแก้ปัญหาในพื้นที่ดังกล่าว อย่าง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ยิ่งต้องคัดกรอง รมต. และข้าราชการที่ เก่ง และเสียสละลงไปทั้งสิ้น ไม่ใช่หลับหูหลับตาเลือกใครก็ไม่รู้ลงไป หรือใช้วิธีเตะโด่ง ลงโทษไปชายแดนให้ไกลหูไกลตา ปัญหามันถึงได้ลุกลามบานปลายมาตั้งแต่ยุค “พี่ชาย” คือ ทักษิณ ชินวัตร จนกระทั่งต่อเนื่องมาถึงยุค “น้องสาว” ก็ยิ่งเละ กู่ไม่กลับ หวังใช้ “วิธีการตลาด” กับพื้นที่ละเอียดอ่อน คงคิดว่าการ “สร้างภาพ” กับที่อื่นได้สำเร็จ ที่นี่ก็ไม่แตกต่างกัน เหมือนกับ ส่งลูกน้องอย่าง เลขาฯสมช. พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร และ เลขาฯศอ.บต. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ลงไปเจรจากับกลุ่มโจรบีอาร์เอ็น ตอนแรกก็เรียกเสียงฮือฮาใหญ่โต แต่ผ่านไปแล้วสองรอบ ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น ทั้งข้าราชการ ชาวบ้านยังตายเป็นเบือ หนักกว่าเก่าหลายเท่า ความหมายก็คือ คนพวกนี้มัน “ไม่ใช่ของจริง” กันทั้งคู่ ทั้งคนไปเจรจาคือฝ่ายรัฐที่ไปนั้นก็ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจปัญหา ส่วนฝ่ายโจรนั้นก็ “ตกยุค” ไม่มีใครฟัง ปัญหาจึงทำท่ายุ่งยากซับซ้อนขึ้นไปอีก อ้อ สังเกตหรือไม่ว่าเมื่อวานนี้ (7เม.ย.) นายกฯคนสวย นำคณะลงใต้ไปเยี่ยมคนขับรถ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่คนอื่นที่ได้รับบาดเจ็บที่ รพ.ยะลา รวมทั้งไปเคารพศพรองผู้ว่าฯยะลา ก็เป็นภารกิจลับสุดยอด สถานการณ์ที่เห็นไม่ต่างจากที่อัฟกานิสถาน หรืออิรักที่ ผู้นำมะกัน หรือ รมว.กลาโหม ไปที่นั่นที ก็ไปแบบไม่บอกล่วงหน้า เวรกรรมจริงๆ ประเทศไทย !!
00 น่าเศร้าไปกว่านั้นก็คือ ข้อมูลจากปากของ แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ พล.ท.สกล ชื่นตระกูล บอกว่า คนร้ายที่ก่อเหตุลอบวางระเบิด รองผู้ว่าฯยะลา และป้องกันจังหวัดยะลาเสียชีวิต เป็นฝีมือของกลุ่มบีอาร์เอ็น ที่เป็นฝ่ายปฏิบัติการในพื้นที่มันก็ยิ่งโอละพ่อ สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของการเจรจาที่ไร้ผล ผิดตัว เป็นการสร้างภาพทางการตลาด ที่ไม่ได้ผล ขณะเดียวกันยังสะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์ชายแดนใต้นับจากนี้ไป เริ่มอยู่นอกเหนือการควบคุมมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นความต้องการของคน “หน้าเหลี่ยม” ที่กำลังใช้วิธี “ตัดการขาดทุน” ออกไป เหมือนกับการบริหารบริษัทที่แผนกไหนขาดทุน หรือไม่คุ้มค่าก็ให้ยุบไป หรือขายทิ้งไป หรือเปล่า เพราะดูแนวโน้มแล้วไปทางนั้นจริงๆ ทุด !!