ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ชี้ปัญหาไฟใต้ยกระดับบุคคลสำคัญ-เจาะพื้นที่ไข่แดง หวั่นซ้ำรอยปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา แนะปลดเฉลิมแล้วควรงปรับยุทธศาสตร์ ปัดฝุ่นข้อเสนอ กอส.กลับมาทบทวนเป็นวาระแห่งชาติ
วันนี้ (11 เม.ย.) นายสุริยะใส กะตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ตนเห็นว่าระดับความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นกว่าในสมัยรัฐบาลทักษิณ หรือช่วงหลัง พ.ศ. 2547 เหตุตายรายวันนอกจากไม่ลดลงแล้วยังขยายวงกว้างขึ้น และดูเหมือนศักยภาพของฝ่ายก่อความไม่สงบยกระดับคุกคามบุคคลสำคัญในพื้นที่หรือเจาะพื้นที่ไข่แดงได้มากขึ้น ระดับการก่อความรุนแรงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ สะท้อนชัดเจนว่าการเจรจานอกจากไม่บรรลุผลแล้วยังกลายเป็นเงื่อนไขใหม่ของความรุนแรง และชัดเจนว่ามาเลเซียไม่ได้ใส่ใจต่อแผนเจรจาเท่าที่ควร เอาเรื่องนี้ไปโยงกับการเลือกตั้งซึ่งขาดความแน่นอนและความต่อเนื่อง เช่นเดียวกับทางการไทยที่ทำให้การเจรจาขาดความน่าเชื่อถือ เพราะระดับนโยบายหรือฝ่ายการเมืองขาดเจ้าภาพหรือผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ไร้ความสามารถ ในขณะที่นายกฯ ก็ไม่มีความรู้ หากปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปแบบนี้ 3 จังหวัดชายแดนใต้ จะซ้ำรอยปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ถืออำนาจอธิปไตยแต่ในนามหรือในทางทางนิตินัยเท่านั้น แต่ในทางพฤตินัยเราเสียพื้นที่ปกครองไปแล้วหลายพื้นที่
“แผนการเจรจาถ้ายังไม่สามารถขยายวงได้มากกว่ากลุ่มบีอาร์เอ็น การเจรจาก็ไม่มีความหวังอะไร พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เป็นได้แค่หนังหน้าไฟของความล้มเหลว รับหน้ายื้อสถานการณ์ไปวันๆ ความล้มเหลวของรัฐบาลชุดนี้ผิดตั้งแต่โครงสร้าง ครม.ที่ไม่ได้รองรับการแก้ปัญหาไฟใต้ มองเรื่องนี้เป็นปัญหาปลายแถว และปล่อยให้ คนที่เป็นจำเลยสร้างปัญหา อย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มามีบทบาทในการเจรจา ทำให้ทุกอย่างล้มเหลวโดยสิ้นเชิง” นายสุริยะใส กล่าว
ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวอีกว่า แนวทางคลี่คลายสถานการณ์เฉพาะหน้า นอกจากต้องปลด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงแล้ว รัฐบาลควรทบทวนยุทธศาสตร์การแก้ปัญหา เอารายงานข้อเสนอแนะของ คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ หรือ กอส. กลับมาทบทวนและทำเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้