ASTVผู้จัดการรายวัน-"ปู"ย้ำเยือนปาปัวนิกินี ไทยได้อื้อ ทั้งด้านการค้า การลงทุน พลังงาน และความร่วมมือวิชาการ พร้อมแบะท่าเปิดเที่ยวบินตรงกรุงเทพฯ-ปาปัวฯ ปชป.แฉไปเจรจาช่วย "แม้ว" ทำธุรกิจพลังงาน "รสนา"จี้พลังงานนำข้อมูลซื้อขายน้ำมันดิบ ค่าภาคหลวงกลับมาโชว์บนเว็บ
ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการเดินทางเยือนประเทศปาปัวนิวกินีอย่างเป็นทางการ เมื่อวานนี้ (25 มี.ค.) ว่า เวลา 11.00 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) ณ ทำเนียบผู้สำเร็จราชการปาปัวนิวกินี กรุงพอร์ตมอร์สบี้ นายกฯ ได้เข้าเยี่ยมคารวะ และหารือร่วมกับนายไมเคิล โอกิโอ ผู้สำเร็จราชการของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 แห่งปาปัวนิวกินี
โดยนายกฯ ได้กล่าวแสดงความยินดีต่อการเยือนครั้งนี้ และยืนยันว่า เป็นการเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี ทั้งในระดับรัฐบาล ประชาชน และภาคเอกชน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม และช่วยเปิดประตูทางด้านการค้าสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากขึ้น พร้อมย้ำว่า นักธุรกิจไทยให้ความสนใจการค้า การลงทุนในปาปัวนิวกินี และรัฐบาลไทยพร้อมจะถ่ายทอดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่ไทยมีในด้านสาขาต่างๆ ให้แก่ปาปัวนิวกินี ได้แก่ การเกษตร ประมง ก่อสร้าง พลังงาน และการท่องเที่ยว
โอกาสนี้ ได้มีการเพิ่มความร่วมมือทางด้านการศึกษา โดยรัฐบาลไทยได้มอบ Thai corner สื่อการเรียนการสอน และหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้แก่มหาวิทยาลัยปาปัวนิกีนี โดยทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะร่วมผลักดันความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคี และภูมิภาค ขณะที่ผู้สำเร็จราชการฯ แสดงความชื่นชมการเลือกตั้งของไทย และหวังจะได้เห็นการเลือกตั้งของปาปัวนิวกีนีราบรื่น เหมือนเช่นของไทย
**นายกฯย้ำความสำเร็จเยือนปาปัวนิวกินี
ต่อมาเวลา 12.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) นายกรัฐมนตรี ได้เข้าพบนายปีเตอร์ โอนีล นายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินี ณ อาคารรัฐสภาปาปัวนิวกินี โดยผู้นำทั้งสองประเทศได้หารือทวิภาคี ยืนยันเปิดความสัมพันธ์ทุกระดับ และความร่วมมือรอบด้าน
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ความสำเร็จจากการเดินทางเยือนปาปัวนิวกินี ก่อให้เกิดความร่วมมือด้านต่างๆ ทั้งการลงทุนร่วมกันด้านก๊าซธรรมชาติ สินค้าเกษตร การผลิตสินค้าแปรรูป เนื่องจากปาปัวนิวกินีมีสิทธิพิเศษทางภาษีในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งจะเป็นช่องทางในการเพิ่มการส่งออกสินค้าของไทย โดยเฉพาะข้าว เนื่องจากปาปัวนิวกินี นิยมบริโภคข้าวไทย จะมีการขยายความร่วมมือด้านการประมง อุตสาหกรรมก่อสร้าง และความร่วมมือทางวิชาการ การพัฒนาการท่องเที่ยว โดยปาปัวนิวกินี จะผ่อนปรนเรื่องวีซ่า (Visa) แก่คนไทย เพื่อส่งเสริมการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชน และจะมีการพิจารณาเปิดเส้นทางบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยังปาปัวนิวกินีด้วย
**หญิงปาปัวนิวกินียก"ปู"ไอดอล
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯ ปาปัวนิวกินีแสดงความชื่นชมความสำเร็จของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในการบริหารและพัฒนาประเทศ โดยสตรีชาวปาปัวนิวกินี ยกย่องนายกรัฐมนตรีให้เป็นบุคคลต้นแบบในการพัฒนาบทบาทสตรี ส่วนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ปาปัวนิวกินี ถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ความมั่นคงทางอาหารปาปัวนิวกินีสนใจที่จะรับคำแนะนำเรื่องการปลูกข้าวจากไทย โดยผู้นำทั้ง 2 ประเทศ ได้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการหารือระหว่างไทยกับปาปัวนิวกินี และความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ จ
ทั้งนี้ ในวันเดียวกัน นายกฯ และคณะ ได้เดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงพอร์ต มอร์สบี้ รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลาประมาณ 20.45 น.
** แฉ"ปู"ไปเจรจาพลังงานช่วย"แม้ว"
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตั้งข้อสังเกตถึงการเยือนประเทศปาปัวนิวกีนี ของน.ส. ยิ่งลักษณ์ ว่า น่าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนในธุรกิจด้านพลังงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยมีการนัดเจรจาธุรกิจระหว่างบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กับบริษัท อินเตอร์ออยส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ไอโอซี ของประเทศปาปัวนิวกินี โดยมีการลงทุนทั้งหมด 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วของปาปัวนิวกีนี เคยยกเลิกสัมปทานของบริษัทดังกล่าว เนื่องจากไม่มีความพร้อมด้านการลงทุน และไม่มีก๊าซธรรมชาติเหลวจริง แต่กลับไปได้สัมปทานจากรัฐบาลชุดปัจจุบันของปาปัวนิวกีนี และเป็นตัวแทนรัฐบาลที่จะไปเจรจากับ ปตท.สผ. และในการดำเนินงานของบริษัทดังกล่าว เป็นการตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ไม่มีการดำเนินธุรกิจอย่างจริงจัง
"อยากให้ทำการตรวจสอบว่า บริษัทไอโอซี มีประสบการณ์ และมีการดำเนินธุรกิจจริงหรือไม่ เพราะมีความไม่ชอบมาพากลเป็นอย่างมาก โดยอาจจะเอื้อผลประโยชน์มหาศาลให้กับใครบางคน เพราะการลงทุนในครั้งแรก เป็นเหมือนการจองสิทธิ์ในการสำรวจพลังงานของ ปตท.สผ. มีคนได้ค่านายหน้าจากการเจรจาดังกล่าวไปแล้ว 3 หมื่นล้านบาท และหลังจากมีข่าวว่า บริษัท ไอโอซี จะมีการลงทุนกับ ปตท.ของไทย ได้มีการตั้งบริษัทเพื่อรองรับการลงทุนในครั้งนี้โดยเฉพาะ เพื่อจุดประสงค์ในการปั่นหุ้นในบริษัท ไอโอซี ให้สูงกว่าราคาตลาด 3 เท่า ดังนั้น จึงอยากขอคำชี้แจงจากรัฐบาลไทยว่า การเจราจาดังกล่าว ไทยได้ประโยชน์อย่างไรหรือไม่ หรือเอื้อให้กับคนบางคนที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อรัฐบาลชุดนี้"นายชวนนท์กล่าว
**จี้พลังงานเปิดข้อมูลธุรกรรมน้ำมัน
ในการประชุมวุฒิสภา เมื่อวานนี้ (25 มี.ค.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. หารือต่อที่ประชุม ผ่านไปยังรมว.พลังงาน ว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) เสริมสร้างธรรมมาภิบาล ด้านพลังงาน คณะกมธ.ศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา กำลังตรวจสอบเกี่ยวกับค่าน้ำมันดิบ และค่าภาคหลวงที่ประเทศได้รับ
โดยทางอนุกมธ.ฯ ได้เปรียบเทียบระหว่างปี 2544 กับปี 2555 พบข้อสังเกตที่น่าสนใจ เอาเฉพาะแหล่งเดียว คือ แหล่งทานตะวัน ปี 2544 มีการส่งออกน้ำมันดิบประมาณ 31 ล้านลิตรต่อวัน ในราคา 4.95 บาท แต่ในปี 2555 ส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 40 ล้านลิตรต่อวัน ในราคา 21.78 บาท แต่ปรากฎว่า ค่าภาคหลวงที่รัฐได้รับกลับลดลง 6.63% ซึ่งสะท้อนว่า การบริหารของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ อาจจะมีปัญหา ขณะที่อนุกมธ.ฯ กำลังตรวจสอบอยู่ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.2556 เว็บไซต์หน้านั้น ก็ถูกลบทิ้งไป จึงเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความสงสัยว่า ธรรมมาภิบาลของกระทรวงพลังงาน กำลังถูกตั้งคำถาม อยากทราบว่าเหตใดจึงมีการลบทิ้งข้อมูลหน้านั้นไป
"ขอให้กระทรวงพลังงานสั่งการให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ นำข้อมูลนั้นกลับมาใหม่ เพราะเป็นข้อมูลย้อนหลัง 12 ปี ที่พูดถึงการส่งออกน้ำมันดิบ และค่าภาคหลวงที่ประเทศได้รับ ซึ่งการตรวจสอบของอนุกมธ.ฯ ก็เพื่อให้ทันเปิดสัมปทานพลังงานรอบที่ 21 ของกระทรวงพลังงาน โดยหากไม่มีปรับปรุงค่าภาคหลวงนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จึงควรนำข้อมูลกลับเข้าสู่ระบบอีกครั้ง"น.ส.รสนากล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการเดินทางเยือนประเทศปาปัวนิวกินีอย่างเป็นทางการ เมื่อวานนี้ (25 มี.ค.) ว่า เวลา 11.00 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) ณ ทำเนียบผู้สำเร็จราชการปาปัวนิวกินี กรุงพอร์ตมอร์สบี้ นายกฯ ได้เข้าเยี่ยมคารวะ และหารือร่วมกับนายไมเคิล โอกิโอ ผู้สำเร็จราชการของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 แห่งปาปัวนิวกินี
โดยนายกฯ ได้กล่าวแสดงความยินดีต่อการเยือนครั้งนี้ และยืนยันว่า เป็นการเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี ทั้งในระดับรัฐบาล ประชาชน และภาคเอกชน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม และช่วยเปิดประตูทางด้านการค้าสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากขึ้น พร้อมย้ำว่า นักธุรกิจไทยให้ความสนใจการค้า การลงทุนในปาปัวนิวกินี และรัฐบาลไทยพร้อมจะถ่ายทอดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่ไทยมีในด้านสาขาต่างๆ ให้แก่ปาปัวนิวกินี ได้แก่ การเกษตร ประมง ก่อสร้าง พลังงาน และการท่องเที่ยว
โอกาสนี้ ได้มีการเพิ่มความร่วมมือทางด้านการศึกษา โดยรัฐบาลไทยได้มอบ Thai corner สื่อการเรียนการสอน และหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้แก่มหาวิทยาลัยปาปัวนิกีนี โดยทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะร่วมผลักดันความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคี และภูมิภาค ขณะที่ผู้สำเร็จราชการฯ แสดงความชื่นชมการเลือกตั้งของไทย และหวังจะได้เห็นการเลือกตั้งของปาปัวนิวกีนีราบรื่น เหมือนเช่นของไทย
**นายกฯย้ำความสำเร็จเยือนปาปัวนิวกินี
ต่อมาเวลา 12.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) นายกรัฐมนตรี ได้เข้าพบนายปีเตอร์ โอนีล นายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินี ณ อาคารรัฐสภาปาปัวนิวกินี โดยผู้นำทั้งสองประเทศได้หารือทวิภาคี ยืนยันเปิดความสัมพันธ์ทุกระดับ และความร่วมมือรอบด้าน
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ความสำเร็จจากการเดินทางเยือนปาปัวนิวกินี ก่อให้เกิดความร่วมมือด้านต่างๆ ทั้งการลงทุนร่วมกันด้านก๊าซธรรมชาติ สินค้าเกษตร การผลิตสินค้าแปรรูป เนื่องจากปาปัวนิวกินีมีสิทธิพิเศษทางภาษีในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งจะเป็นช่องทางในการเพิ่มการส่งออกสินค้าของไทย โดยเฉพาะข้าว เนื่องจากปาปัวนิวกินี นิยมบริโภคข้าวไทย จะมีการขยายความร่วมมือด้านการประมง อุตสาหกรรมก่อสร้าง และความร่วมมือทางวิชาการ การพัฒนาการท่องเที่ยว โดยปาปัวนิวกินี จะผ่อนปรนเรื่องวีซ่า (Visa) แก่คนไทย เพื่อส่งเสริมการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชน และจะมีการพิจารณาเปิดเส้นทางบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยังปาปัวนิวกินีด้วย
**หญิงปาปัวนิวกินียก"ปู"ไอดอล
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯ ปาปัวนิวกินีแสดงความชื่นชมความสำเร็จของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในการบริหารและพัฒนาประเทศ โดยสตรีชาวปาปัวนิวกินี ยกย่องนายกรัฐมนตรีให้เป็นบุคคลต้นแบบในการพัฒนาบทบาทสตรี ส่วนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ปาปัวนิวกินี ถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ความมั่นคงทางอาหารปาปัวนิวกินีสนใจที่จะรับคำแนะนำเรื่องการปลูกข้าวจากไทย โดยผู้นำทั้ง 2 ประเทศ ได้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการหารือระหว่างไทยกับปาปัวนิวกินี และความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ จ
ทั้งนี้ ในวันเดียวกัน นายกฯ และคณะ ได้เดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงพอร์ต มอร์สบี้ รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลาประมาณ 20.45 น.
** แฉ"ปู"ไปเจรจาพลังงานช่วย"แม้ว"
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตั้งข้อสังเกตถึงการเยือนประเทศปาปัวนิวกีนี ของน.ส. ยิ่งลักษณ์ ว่า น่าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนในธุรกิจด้านพลังงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยมีการนัดเจรจาธุรกิจระหว่างบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กับบริษัท อินเตอร์ออยส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ไอโอซี ของประเทศปาปัวนิวกินี โดยมีการลงทุนทั้งหมด 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วของปาปัวนิวกีนี เคยยกเลิกสัมปทานของบริษัทดังกล่าว เนื่องจากไม่มีความพร้อมด้านการลงทุน และไม่มีก๊าซธรรมชาติเหลวจริง แต่กลับไปได้สัมปทานจากรัฐบาลชุดปัจจุบันของปาปัวนิวกีนี และเป็นตัวแทนรัฐบาลที่จะไปเจรจากับ ปตท.สผ. และในการดำเนินงานของบริษัทดังกล่าว เป็นการตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ไม่มีการดำเนินธุรกิจอย่างจริงจัง
"อยากให้ทำการตรวจสอบว่า บริษัทไอโอซี มีประสบการณ์ และมีการดำเนินธุรกิจจริงหรือไม่ เพราะมีความไม่ชอบมาพากลเป็นอย่างมาก โดยอาจจะเอื้อผลประโยชน์มหาศาลให้กับใครบางคน เพราะการลงทุนในครั้งแรก เป็นเหมือนการจองสิทธิ์ในการสำรวจพลังงานของ ปตท.สผ. มีคนได้ค่านายหน้าจากการเจรจาดังกล่าวไปแล้ว 3 หมื่นล้านบาท และหลังจากมีข่าวว่า บริษัท ไอโอซี จะมีการลงทุนกับ ปตท.ของไทย ได้มีการตั้งบริษัทเพื่อรองรับการลงทุนในครั้งนี้โดยเฉพาะ เพื่อจุดประสงค์ในการปั่นหุ้นในบริษัท ไอโอซี ให้สูงกว่าราคาตลาด 3 เท่า ดังนั้น จึงอยากขอคำชี้แจงจากรัฐบาลไทยว่า การเจราจาดังกล่าว ไทยได้ประโยชน์อย่างไรหรือไม่ หรือเอื้อให้กับคนบางคนที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อรัฐบาลชุดนี้"นายชวนนท์กล่าว
**จี้พลังงานเปิดข้อมูลธุรกรรมน้ำมัน
ในการประชุมวุฒิสภา เมื่อวานนี้ (25 มี.ค.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. หารือต่อที่ประชุม ผ่านไปยังรมว.พลังงาน ว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) เสริมสร้างธรรมมาภิบาล ด้านพลังงาน คณะกมธ.ศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา กำลังตรวจสอบเกี่ยวกับค่าน้ำมันดิบ และค่าภาคหลวงที่ประเทศได้รับ
โดยทางอนุกมธ.ฯ ได้เปรียบเทียบระหว่างปี 2544 กับปี 2555 พบข้อสังเกตที่น่าสนใจ เอาเฉพาะแหล่งเดียว คือ แหล่งทานตะวัน ปี 2544 มีการส่งออกน้ำมันดิบประมาณ 31 ล้านลิตรต่อวัน ในราคา 4.95 บาท แต่ในปี 2555 ส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 40 ล้านลิตรต่อวัน ในราคา 21.78 บาท แต่ปรากฎว่า ค่าภาคหลวงที่รัฐได้รับกลับลดลง 6.63% ซึ่งสะท้อนว่า การบริหารของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ อาจจะมีปัญหา ขณะที่อนุกมธ.ฯ กำลังตรวจสอบอยู่ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.2556 เว็บไซต์หน้านั้น ก็ถูกลบทิ้งไป จึงเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความสงสัยว่า ธรรมมาภิบาลของกระทรวงพลังงาน กำลังถูกตั้งคำถาม อยากทราบว่าเหตใดจึงมีการลบทิ้งข้อมูลหน้านั้นไป
"ขอให้กระทรวงพลังงานสั่งการให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ นำข้อมูลนั้นกลับมาใหม่ เพราะเป็นข้อมูลย้อนหลัง 12 ปี ที่พูดถึงการส่งออกน้ำมันดิบ และค่าภาคหลวงที่ประเทศได้รับ ซึ่งการตรวจสอบของอนุกมธ.ฯ ก็เพื่อให้ทันเปิดสัมปทานพลังงานรอบที่ 21 ของกระทรวงพลังงาน โดยหากไม่มีปรับปรุงค่าภาคหลวงนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จึงควรนำข้อมูลกลับเข้าสู่ระบบอีกครั้ง"น.ส.รสนากล่าว
