xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ประเทศเดินหน้าสู่หายนะ จำนำข้าวเจ๊งปีละ 2.5 แสนล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ตั้งแต่รัฐบาลเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศ หนึ่งในนโยบายกระชากใจชาวนา ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ก็คือ การรับจำนำข้าวเปลือกเจ้าที่ตันละ 1.5 หมื่นบาทขาดตัว มีเท่าไรซื้อหมด

นโยบายดังกล่าว เรียกว่าโดน เพราะก่อนหน้านี้ สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ ได้ใช้นโยบายประกันราคา ชาวนาขายข้าวได้ตันละ 8-9 พันบาทเท่านั้น พอราคาขยับพรวดเดียว 1.5 หมื่นบาท มีหรือที่จะไม่ชอบใจ

แต่ผลจากการใช้นโยบายกระชากราคา ได้ส่งผลต่องบประมาณที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการรับจำนำอย่างมหาศาล แค่ปีแรกที่เริ่มโครงการ คือ ปี 2554/55 ก็ใช้เงินไป 3-3.5 แสนล้านบาท มาปี 2555/56 คาดว่าจะใช้เงินอีกไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท

เงินจำนวนนี้ เอาไปลงทุนระบบสาธารณูปโภค เอาไปทำโน่น ทำนี่ สร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศไทยได้มหาศาล แต่รัฐบาลนี้ก็ไม่ทำ เพราะ มันหากินได้ยาก แต่โครงการจำนำข้าว ตกๆ หล่นๆ หากินได้ง่ายกว่า ว่ากันว่า มีเงินหล่นจากโครงการรับจำนำข้าวสูงถึง 30% ของวงเงินโครงการรวม

ยังไม่รวมการขายข้าวขาดทุนอีก ที่ประเมินกันว่า จะขาดทุกอีกไม่ต่ำกว่า ปีละ 1.5 แสนล้านบาท

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า โครงการรับจำนำมีการทุจริตคอร์รัปชั่นเงินจากโครงการดังกล่าวสูงถึง 30% คิดเป็นเงินกว่า 1 แสนล้านบาทในแต่ฤดูการผลิต

นั่นเท่ากับว่า จะมีเงินจากโครงการรับจำนำข้าว ตกหล่นไปตกอยู่ในกระเป๋าโรงสี โกดัง นายทุน ไม่เว้นแต่นักการเมืองสูงถึง 1 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ รัฐบาลยังเสี่ยงขาดทุนจากการขายข้าวที่รับจำนำมาในราคาสูง แต่ขายในราคาต่ำ ซึ่งมีการประเมินว่า น่าจะขาดทุนจากการขายข้าวอีกไม่ต่ำ กว่า ฤดูการผลิตละ 1.5 แสนล้านบาท

“การขาดทุนตอกย้ำให้เห็นชัดเจนว่า การที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เคยยืนยันหลายครั้งว่า จะไม่มีการขายข้าวในราคาขาดทุนอย่างแน่นอนและประเทศจะไม่เสียหายจากการระบายข้าว แต่วันนี้รัฐบาลยอมรับว่าต้องขายขาดทุน”นายชวนนท์กล่าว

ไม่เพียงแค่นั้น ล่าสุดรัฐบาลยังออกอาการกินไม่เข้าคายไม่ออก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ว่าไปแล้ว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการรับจำนำข้าว การขายข้าว แต่ในฐานะที่เป็นยาสามัญประจำบ้านของรัฐบาล จึงถูกส่งให้เข้ามาดูแลปัญหาการขาดทุนการจำนำข้าว รวมทั้งหาเงินมารับจำนำข้าวในฤดูกาลผลิตต่อไป

เป็นการตอกหน้าคนกันเอง ทั้งๆ ที่ควรจะใช้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.คลัง มากกว่า

จากนโยบายประชานิยม เพื่อหวังคะแนนเสียง กำลังจะกลายเป็นภาระให้แก่ประเทศอย่างมหาศาล เพราะเงินที่ใช้ในการจำนำข้าวปีละ 4 แสนล้าน ส่วนหนึ่งถูกนักการเมืองและพวกพ้องคอร์รัปชั่นเอาไปไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท และอีกส่วนหนึ่งรัฐบาลต้องขาดทุนจากการขายข้าวต่ำกว่าราคาที่รับจำ นำมาอีก 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งเงินส่วนนี้ผลประโยชน์ไปตกอยู่กับพ่อค้าส่งออกที่มีเส้นสายกับนักการเมือง โดยที่มีนักการเมืองชักใยอยู่เบื้องหลังชักหัวคิว

นายชวนนท์กล่าวว่า ถ้าเดินหน้าไปแบบนี้เชื่อว่าไม่เกิน 4-5 ปี ประเทศไทยจะถึงคราวล่มสลายทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน จึงอยากให้รัฐบาลเร่ง ทบทวนว่าจะหาทางออกให้ประเทศอย่างไร

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเสียงทักท้วง ข้อทักทวง ทั้งจากคนในอุตสาหกรรมข้าว นักวิชาการ ผู้ที่หวังดี แต่เสียงก็หาได้ยินไปถึงรัฐบาลไม่ เพราะ รัฐบาลยังคงเดินหน้าในการรับจำนำต่อไป

ล่าสุด คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้มีมติ ให้เปิดรับจำนำข้าวเปลือกเจ้านาปรัง 2556 ปริมาณ 7 ล้านตัน วงเงินจำนำ 1.05 แสน ล้านบาท โดยจะยังคงรับจำนำในราคาข้าวเปลือกเจ้าที่ตันละ 1.5 หมื่นบาท ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ มีการปล่อยข่าวออกมาว่า จะลดราคารับจำนำลงมาเหลือตันละ 1.3-1.4 หมื่นบาท แต่พอถูกชาวนาโวย ก็กลับมายืนราคาเดิม

แต่มีการบอกใบ้ไว้ว่า ข้าวนาปี 2555/56 จะยังคงรับจำนำที่ตันละ 1.4 หมื่นบาท แต่นาปรัง 2557 จะมีการปรับลดราคารับจำนำลงมา ส่วนจะเป็นเท่าใด ต้องรอผลการศึกษาออกมาก่อน

นั่นหมายความว่า ยังคงมีเงินเป็นหลักแสนล้าน ให้ถลุงได้อีกนาน

นอกจากนี้ แม้จะมีคนท้วงติงเรื่องขายข้าวขาดทุน แต่กระทรวงพาณิชย์ก็ไม่สน ยังคงเดินหน้าระบายข้าวในสต๊อกอย่างต่อเนื่อง ทั้งวิธีลับๆ ที่แอบอ้างออเดอร์ข้าวที่ซื้อในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ทั้งๆ ที่ไม่มีจริง เพราะบริษัทที่อุปโลกน์ขึ้นมา ก็เป็นเพียงแค่บริษัทขายเครื่องกีฬาเท่านั้น และมีแผนที่จะเปิดระบายข้าวในสต๊อกด้วยวิธีการประมูล หลังจากที่ถูกผู้ส่งออกรายที่ไม่มีเอี่ยวในข้าวจีทูจีออกมาโวย

เร็วๆ นี้ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดระบายข้าวในสต๊อก เบื้องต้นคาดว่าจะมีปริมาณไม่เกิน 5 แสนตัน โดยจะยึดราคาตลาดเป็นเกณฑ์ ซึ่งหมายความว่า การที่จะขายได้ในราคาเดียวกับที่รับจำนำเข้ามา ผลเท่ากับศูนย์ และจะต้องประสบปัญหาการขาดทุนอีกเช่นเคย ส่วนจะขาดทุนมาก ขาดทุนน้อย ก็ขึ้นอยู่กับว่า คนยื่นประมูล เสนอเงื่อนไขลับๆ ไว้อย่างไร หากให้ราคาดี ราคาซื้อก็อาจจะถูกกว่าปกติ

สรุป ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใด ประเทศก็มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง โดยเจ๊งตั้งแต่ตั้งราคารับจำนำไว้สูง ทุ่มเงินงบประมาณลงไปมากๆ เพื่อให้สามารถเข้าไปคอร์รัปชั่นได้มาก พอซื้อข้าวเข้ามาเก็บในราคาสูง แต่เวลาขาย กลับขายได้ราคาต่ำ ก็เจ๊งซ้ำสอง

แต่คนที่ไม่เจ๊งเลย ก็คือ คนที่บริหารงานในรัฐบาล ยังคงหากินกันได้ปากมัน โดยที่ไม่รู้สำนัก แถมยังหน้าด้านหน้าทน ใครจะด่าก็ช่าง เพราะคนจะรวย มันช่วยไม่ได้ ส่วนชาติจะล่มจม ก็ช่างหัวมัน


กำลังโหลดความคิดเห็น