xs
xsm
sm
md
lg

คำร้องเรืองไกรบีบกกต. ลังเลรับรอง"สุขุมพันธุ์"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (7 มี.ค.) พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธานกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) เปิดเผยถึง สาเหตุที่ กกต.กลาง ยังไม่สามารถประกาศรับรองผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ได้ว่า เนื่องจากมีเรื่องร้องเรียน ที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของ กกต.กทม. 2 เรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้รับการร้องมาจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ตอนนี้รับเรื่องไว้แล้ว อยู่ในขั้นตอนการหาข้อมูล และหลักฐานประกอบส่วนอีก 1 เรื่องร้องเรียนมาจากผู้สมัครด้วยกัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่เรียบร้อย
" ทั้งหมดเป็นเรื่องการใส่ร้ายป้ายสีในช่วงระหว่างการหาเสียง ส่วนประเด็นอะไรบ้าง ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ ต้องรอความเห็นหลังการประชุมของคณะกรรมการ กกต.กทม. ในช่วงบ่าย คาดว่าจะสืบสวนสอบสวนเรื่องร้องเรียนเรียบร้อยภายใน 15 วัน" พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ กล่าว
รายงานข่าวจากกต.แจ้งว่า สำหรับเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่ทำให้กกต. ยังไม่ประกาศรับรอง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าฯกทม. เพราะเห็นว่าเกี่ยวโยงถึงตัวผู้ได้รับเลือกตั้ง เป็นกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. ขอให้ตรวจสอบใน 3 ประเด็นคือ 1. การที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ภาพ และข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับการเผาบ้านเผาเมือง 2. การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยว่า “อภิสิทธิ์เบอร์อะไร... (16) ประชาธิปัตย์เบอร์อะไร... (16) ” และ 3 . การที่ นายเสรี วงศ์มณฑา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า "ใครก็ตามที่ไม่ต้องการให้เพื่อไทยยึดครองกรุงเทพ ปราการด่านสุดท้ายที่เหลืออยู่ เราต้องถามตัวเองว่าจะลงคะแนนให้ใครที่จะทำให้พงศพัศ ไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ คำตอบก็คือ คุณชายสุขุมพันธุ์ หมายเลข 16" ซึ่งทั้ง 3 กรณี อาจเข้าข่ายผิดตาม มาตรา 57 (5) ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 โดยทาง กกต.กทม.ยืนยันว่า จะเร่งพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน คาดว่าจะครบกำหนดวันที่ 18 มี.ค.นี้

** "เรืองไกร"ยื่นหลักฐานเพิ่ม

วานนี้ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว. เข้ายื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อ กกต.กทม. กรณีก่อนหน้านี้ได้ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ในฐานะผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกนโยบายหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ว่าจะตั้งผู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 31 คน หากได้รับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อีกสมัย
ทั้งที่ตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครพ.ศ. 2528 มาตรา 49(3) กำหนดให้ตั้งประธานที่ปรึกษา ที่ปรึกษา และคณะที่ปรึกษาของผู้ว่าฯกทม. ได้ไม่เกิน 9 คน โดยเป็นมติกกต. และคำวินิจฉัยสั่งการ เมื่อ 6 ก.พ. 53 ให้ประธานกกต.ยโสธร ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายไสว สัจบาล นายก อบต.ฟ้าห่วน อ.ค้อวัง จ.ยโสธร และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ พร้อมสั่งให้ นายไสว ชดใช้ค่าเสียหายในการจัดการเลือกตั้งใหม่ และดำเนินคดีอาญากับ นายไสว
เนื่องจากกกต.เห็นว่า การที่นายไสวหาเสียงเลือกตั้ง ขณะเป็นผู้สมัครนายกอบต.ฟ้าห่วน โดยติดป้ายหาเสียงเสนอบุคคลที่จะเป็นทีมงานบริหารของนายไสว จำนวนหลายชุด หลายคน ทั้งที่ มาตรา 58/3 ของพ.ร.บ.สภาตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบล 2537 กำหนดให้นายก อบต. แต่งตั้งบุคคลเป็นรองนายกอบต.ได้ไม่เกิน 2 คน และให้มีเลขานุการนายก อบต.ได้เพียงคนเดียว อีกทั้งทีมงานที่นายไสว นำเสนอ ไม่ได้จบปริญญาตรีจริง อย่างที่นายไสว นำเสนอ ภาพทีมงานสวมครุยแสดงวิทยฐานะ ระดับปริญญาตรีตามที่ปรากฏในป้ายหาเสียง การการระทำของนายไสว จึงเข้าข่ายหลอกลวงผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตน ผิดมาตรา 57(5) ของพ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น
ทั้งนี้คำวินิจฉัยของ กกต.ในกรณีดังกล่าว ตนเห็นว่า กกต.ได้วางบรรทัดฐานเกี่ยวกับการห้ามหาเสียงหลอกลวงในเรื่องจำนวนของทีมบริหารงานท้องถิ่นไว้แล้ว ซึ่งสามารถนำมาเทียบเคียงกับการออกนโยบายหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่จะตั้งผู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 31 คน ของผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตนได้ยื่นร้องไว้ได้ โดยตนจะรอดูว่า กกต.จะมีคำวินิจฉั้ยโดยยึดมาตรฐานเดียวกับที่เคยมีคำวินิจนิจฉัย กรณีอบต. ฟ้าห่วน หรือไม่

** ปชป.ยกคำวินิจฉัยก.ค.54เป็นบรรทัดฐาน

ด้านนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กกต. มีมติให้ยืดเวลาการรับรองผล ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ออกไป30 วัน ตามที่มีการร้องเรียน ว่า ไม่เป็นห่วงเรื่องนี้ เพราะยังเชื่อว่ากกต. จะไม่ลืมเทียบเคียงกับการเลือกตั้ง ก.ค. 54 ซึ่งตนเคยยื่นคำร้องว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ฝ่าฝืนมาตรา 53 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2550 โดยใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ลงสมัครเลือกตั้ง โดยพยายามปราศรัย และโจมตีด้วยถ้อยคำ เช่นว่า “…ตัวเลข 10 เป็นตัวเลขแห่งการทำร้ายประชาชน เป็นตัวเลขความตาย ” หรือแม้แต่การโพสต์เฟซบุ๊กใส่ร้าย “พรรคการเมืองที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่ไปอิงแอบกับฝ่ายเผด็จการแล้วรับผลประโยชน์ทางการเมือง คุณอภิสิทธิ์ จะปฏิเสธก็ได้ แต่ผมมั่นใจว่าหาคนเชื่อยากเต็มที…ปีที่แล้วตายด้วยสไนเปอร์ ด้วยอาวุธสงคราม มีกำลังทหารเกือบแสนนายพร้อมยุทโธปกรณ์เต็มอัตรา…" โดยในประเด็นแรก กกต.วินิจฉัยว่า เป็นเพียงถ้อยคำเปรียบเปรย จึงยังฟังไม่ได้ว่า ผู้ถูกร้องกระทำฝ่าฝืนกฎหมายตามคำร้อง ขณะเดียวกันประเด็นที่ สอง กกต.ก็วินิจฉัยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และเป็นที่รับรู้ของประชาชนโดยทั่วไป ดังนั้น จึงหวังว่ากกต.ชุดนี้ ซึ่งเป็นชุดเดียวกับที่เคยมีคำวิจฉัย จะมีมาตรฐานเดียวกัน และขอให้รีบรับรองผู้ว่าฯกทม.โดยเร็ว เพราะเป็นตำแหน่งสำคัญเพื่อที่จะรับใช้ประชาชน

** "ปู"รอกกต.ก่อนตัดสินอนาคต"จูดี้"

บ่ายวานนี้ ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางกลับจากการเยือนราชอาณาจักรสวีเดน ราชอาณาจักรเบลเยียม และสหภาพยุโรป อย่างเป็นทางการ โดยมี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคเพื่อไทย ไปรอรับถึงสนามบินสุวรรณภูมิ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึง อนาคตทางการเมืองของ พล.ต.อ.พงศพัศ ว่าคงต้องรอหลัง กกต. ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. อย่างเป็นทางการก่อนจะมีความชัดเจน
เมื่อผู้สื่อข่าวกระเซ้าว่าหมดเวลาราชการแล้ว ไปหาเสียงกันอีกหรือไม่ ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หัวเราะชอบใจก่อนจะกล่าวว่า “ไม่ต้องหาเสียงแล้ว เสียงมาแล้ว กำลังใจจากประชาชน ก็มาแล้ว”
เมื่อถามว่าจะจัดวางตำแหน่งงานให้ พล.ต.อ.พงศพัศ อย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ หัวเราะ ก่อนเข้าไปจับแขน พล.ต.อ.พงศพัศ พร้อมกล่าวว่า “ก็พากันไปด้วยกันนี่แหละ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ฤกษ์ปรับคณะรัฐมนตรีหรือยัง นายกฯ ยิ้มพร้อมกับ่กล่าวเพียงสั้นๆว่า "ยัง"

**ทางโล่ง“จูดี้”คัมแบ็ก รอง ผบ.ตร.

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ของพรรคเพื่อไทย จะขอกลับเข้ารับราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้งว่า กฎหมายทุกฉบับมุ่งเน้นที่จะส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ข้าราชการก็มุ่งหวังที่จะก้าวหน้าก่อนเกษียณไปสู่ตำแหน่งที่สูงสุด แต่ถ้าต้องการคนดีเข้ามาทำงานการเมืองบ้าง และไม่เปิดโอกาสให้คนดีได้ลาออกมาสมัครเป็นตัวเลือกให้กับประชาชน ก็จะไม่มีคนดีคนไหนกล้าออกมารับใช้พี่น้องประชาชน นี่คือหลัก ดังนั้นในกฎหมายข้าราชการพลเรือน และในกฎหมายการเลือกตั้งจึงบอกว่า ถ้าข้าราชการประจำที่อยากจะเสนอตัวรับใช้พี่น้องประชาชน ภาคราชการต้องให้โอกาสกับบุคลผู้นั้นและยังให้หลักประกันด้วยว่า ถ้าไม่ได้รับเลือกแล้วก็ให้กลับเข้าไปรับราชการใหม่ โดยที่หน่วยราชการนั้นต้องเก็บตำแหน่งนี้ไว้ 30-45 วัน อันนี้เป็นหลักการ เพื่อให้คนที่มีประการณ์มีโอกาสมาทำงานการเมืองงนั้นต้องเปิดโอกาสช่องกลับให้กับเขา

**ห่วง"จูดี้"ใช้อำนาจรัฐเพื่อการเมือง

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. กล่าวถึงการจัดทีมรองผู้ว่าฯ กทม. ว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในเบื้องต้นของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่พยายามพิจารณาบุคคลที่มีความเหมาะสมที่สุดไปทำงาน คิดว่าประชาชนก็คงจะยอมรับได้ พร้อมยืนยันว่าตนเองไม่รับตำแหน่งแน่นอน
ส่วนการที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จะกลับเข้ารับราชการต่อนั้น ตามกฎหมายทำได้ แต่จะเหมาะสมหรือไม่ เพราะลงสมัครในนามพรรคการเมือง และก็ประกาศอีก 4 ปีข้างหน้า จะลงสมัครอีก ก็กังวลว่าจะใช้อำนาจหน้าที่ไปเอื้อประโยชน์กับการหาเสียง หรือใช้อำนาจข่มขู่ ในช่วง 4 ปีนี้ เพื่อเป็นผู้ว่าฯกทม. ใน 4 ปีข้างหน้าหรือไม่ เป็นสิ่งน่าวิตกกังวล
กำลังโหลดความคิดเห็น