“เรืองไกร” จิกไม่ปล่อย ยื่นหลักฐานเพิ่มเล่นงาน “สุขุมพันธุ์” งัดมติ กกต.กรณีเอาผิด อบต.ฟ้าห่วน หาเสียงทีมบริหารเกินจำนวน กม.กำหนด หวังเชือดพ้นผู้ว่าฯ กทม.
วันนี้ (7 มี.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เข้ายื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อ กกต.กทม. กรณีก่อนหน้านี้ได้ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ในฐานะผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกนโยบายหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่าจะตั้งผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 31 คนหากได้รับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อีกสมัย ทั้งที่ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 มาตรา 49 (3) กำหนดให้ตั้งประธานที่ปรึกษา ที่ปรึกษา และคณะที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม.ได้ไม่เกิน 9 คน
โดยเป็นมติ กกต.และคำวินิจฉัยสั่งการเมื่อ 6 ก.พ. 53 ให้ประธาน กกต.ยโสธร ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายไสว สัจบาล นายก อบต.ฟ้าห่วน อ.ค้อวัง จ.ยโสธร และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ พร้อมสั่งให้นายไสวชดใช้ค่าเสียหายในการจัดการเลือกตั้งใหม่และดำเนินคดีอาญาต่อนายไสว เนื่องจาก กกต.เห็นว่าการที่นายไสวหาเสียงเลือกตั้งขณะเป็นผู้สมัครนายก อบต.ฟ้าห่วน โดยติดป้ายหาเสียงเสนอบุคคลที่จะเป็นทีมงานบริหารของนายไสวจำนวนหลายชุดหลายคน ทั้งที่มาตรา 58/3 ของ พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล 2537 กำหนดให้นายก อบต.แต่งตั้งบุคคลเป็นรองนายก อบต.ได้ไม่เกิน 2 คน และให้มีเลขานุการนายก อบต.ได้เพียงคนเดียว อีกทั้งทีมงานที่นายไสวนำเสนอไม่ได้จบปริญญาตรีจริงอย่างที่นายไสวนำเสนอภาพทีมงานสวมครุยแสดงวิทยฐานะระดับปริญญาตรีตามที่ปรากฏในป้ายหาเสียง การกระทำของนายไสวจึงเข้าข่ายหลอกลวงผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตน ผิดมาตรา 57 (5) ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น
ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของ กกต.ในกรณีดังกล่าว ตนเห็นว่า กกต.ได้วางบรรทัดฐานเกี่ยวกับการห้ามหาเสียงหลอกลวงในเรื่องจำนวนของทีมบริหารงานท้องถิ่นไว้แล้ว ซึ่งสามารถนำมาเทียบเคียงกับการออกนโยบายหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่จะตั้งผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 31 คนของผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ที่ตนได้ยื่นร้องไว้ได้ โดยตนจะรอดูว่า กกต.จะมีคำวินิจฉัยโดยยึดมาตรฐานเดียวกับที่เคยมีคำวินิจนิจฉัยกรณี อบต.ฟ้าห่วนหรือไม่