วานนี้ ( 27 ก.พ.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. แถลงว่า ขณะนี้การจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยทางสำนักงานกกต. ได้ร่วมมือกับสำนักงานการศึกษานอกระบบ (กศน.) ในการเดินรณรงค์ และลงพื้นที่เคาะประตูบ้านทั่วทุกพื้นที่ทั้ง 50 เขต เพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในวันที่ 3 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ทางสำนักงานกกต. ยังได้ตั้งศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ซึ่งเน้นการปฎิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ในวันที่ 2–3 มี.ค.นี้ และในวันเลือกตั้ง ทางสำนักงานกกต. ได้จัดอาสาสมัครที่เป็นนักศึกษากศน. จำนวน 13,096 คน คอยสังเกตการณ์อยู่บริเวณโดยรอบหน่วยเลือกตั้ง หากอาสาสมัครพบเรื่องที่ผิดปกติในการเลือกตั้ง ก็จะแจ้งกรรมการประจำหน่วย หรือประธานกรรมการประจำหน่วย เพื่อให้ประสานมายังเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ ในแต่ละเขต เพื่อลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีแบบฟอร์มรายงานแจ้งเบาะแสการทุจริตการเลือกตั้งให้อาสาสมัครทุกคน เพื่อบันทึกความผิดปกติต่างๆ ตั้งแต่เปิดหน่วยเลือกตั้ง จนถึงปิดหีบเลือกตั้ง เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการตรวจสอบต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นผู้พิการ จะมีลูกเสืออาสา กกต.ประจำหน่วยคอยอำนวยความสะดวก ตลอดการใช้สิทธิลงคะแนน คาดว่า น่าจะมีประชาชนออกมาใช้สิทธิเกินกว่า 60 เปอร์เซ็นต์
ด้านพ.ต.อ.พันธ์ระวี วีระพันธุ์ ผอ.สำนักสืบสวนสอบสวนฯ 1 กล่าวว่า ขณะนี้คำร้องที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่ได้ยื่นเข้ามายัง กกต. ทั้งหมด 10 คำร้อง แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ผู้สมัครยื่นร้องโดยตรง 5 คำร้อง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งยื่นร้อง 4 คำร้อง และได้รับแจ้งจากหน่วยงานราชการ 1 คำร้อง
ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการหาเสียงใส่ร้าย หรือจูงใจต่อคะแนนนิยมของผู้สมัคร ตามมาตรา 57(5) ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 โดยขณะนี้ทาง กกต. ได้รับเรื่องเป็นคำร้องไว้ 3 คำร้อง และไม่รับเป็นคำร้อง 1 คำร้อง ดังนั้นจะเหลือเรื่องที่ยื่นร้องเรียนเข้ามาและอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล เพื่อพิจารณาเป็นคำร้องหรือไม่ อีก 6 คำร้อง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทาง กกต.ก็ยังไม่พบเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวกับการซื้อเสียงที่มีหลักฐานอย่างชัดเจน ซึ่งเชื่อว่า การซื้อเสียงในเขตกทม. เป็นไปได้ยาก เนื่องจากต้องใช้เงินจำนวนมาก และกกต. ก็จะคอยเฝ้าระวัง ตรวจสอบอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นได้
ขณะที่ นายวีระ ยี่แพร ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร(ผอ.กต.กทม.) กล่าวถึงกรณีกลุ่มเครือข่ายพ่อแม่ เยาวชน เพื่อการปฏิรูปการศึกษา ขอความเป็นธรรมแก่นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งมีสิทธิเลือกตั้ง แต่ต้องสอบ GAT / PAT ในวันเดียวกันกับวันเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ว่า การเลื่อนวันสอบ GAT /PAT ไม่ได้เป็นอำนาจของกกต. โดยกกต. เคยประสานไปยังผอ.สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อขอให้เลื่อนวันสอบออกไป แต่ทางสพฐ. แจ้งมาว่า ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากได้วางกำหนดการสอบไว้หมดแล้ว หากเลื่อนวันสอบในวันดังกล่าวจะต้องเลื่อนวันสอบวันอื่นๆ ตามไปด้วย ดังนั้นสพฐ. จึงขยายเวลาในการพักระหว่างสอบเป็น 2 ชั่วโมง เพื่อให้นักเรียนที่มีสิทธิเลือกตั้งได้ใช้ช่วงเวลาดังกล่าวไปเลือกตั้ง
ทั้งนี้หากผู้ปกครองกลัวว่าบุตรหลานของตนที่มีสิทธิเลือกตั้งจะเสียสิทธิ และกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จากการที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง ตามระเบียบของกกต. กำหนดไว้ว่า ให้สิทธิกับผู้ที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง สามารถแจ้งสาเหตุในการไม่ไปใช้สิทธิได้ ก่อนหรือหลังวันเลือกตั้ง 7 วัน ขณะนี้เหลือเวลาการแจ้งเหตุได้ช่วงหลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในวันที่ 3 มี.ค. โดยสามารถแจ้งเหตุได้ถึงวันที่ 10 มี.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม หากนักเรียนจะไปใช้สิทธิในวันที่ 3 มี.ค. ทางกกต. ได้แจ้งกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วย ให้อำนวยความสะดวกแก่นักเรียน เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการลงคะแนน
ทั้งนี้ทางสำนักงานกกต. ยังได้ตั้งศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ซึ่งเน้นการปฎิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ในวันที่ 2–3 มี.ค.นี้ และในวันเลือกตั้ง ทางสำนักงานกกต. ได้จัดอาสาสมัครที่เป็นนักศึกษากศน. จำนวน 13,096 คน คอยสังเกตการณ์อยู่บริเวณโดยรอบหน่วยเลือกตั้ง หากอาสาสมัครพบเรื่องที่ผิดปกติในการเลือกตั้ง ก็จะแจ้งกรรมการประจำหน่วย หรือประธานกรรมการประจำหน่วย เพื่อให้ประสานมายังเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ ในแต่ละเขต เพื่อลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีแบบฟอร์มรายงานแจ้งเบาะแสการทุจริตการเลือกตั้งให้อาสาสมัครทุกคน เพื่อบันทึกความผิดปกติต่างๆ ตั้งแต่เปิดหน่วยเลือกตั้ง จนถึงปิดหีบเลือกตั้ง เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการตรวจสอบต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นผู้พิการ จะมีลูกเสืออาสา กกต.ประจำหน่วยคอยอำนวยความสะดวก ตลอดการใช้สิทธิลงคะแนน คาดว่า น่าจะมีประชาชนออกมาใช้สิทธิเกินกว่า 60 เปอร์เซ็นต์
ด้านพ.ต.อ.พันธ์ระวี วีระพันธุ์ ผอ.สำนักสืบสวนสอบสวนฯ 1 กล่าวว่า ขณะนี้คำร้องที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่ได้ยื่นเข้ามายัง กกต. ทั้งหมด 10 คำร้อง แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ผู้สมัครยื่นร้องโดยตรง 5 คำร้อง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งยื่นร้อง 4 คำร้อง และได้รับแจ้งจากหน่วยงานราชการ 1 คำร้อง
ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการหาเสียงใส่ร้าย หรือจูงใจต่อคะแนนนิยมของผู้สมัคร ตามมาตรา 57(5) ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 โดยขณะนี้ทาง กกต. ได้รับเรื่องเป็นคำร้องไว้ 3 คำร้อง และไม่รับเป็นคำร้อง 1 คำร้อง ดังนั้นจะเหลือเรื่องที่ยื่นร้องเรียนเข้ามาและอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล เพื่อพิจารณาเป็นคำร้องหรือไม่ อีก 6 คำร้อง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทาง กกต.ก็ยังไม่พบเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวกับการซื้อเสียงที่มีหลักฐานอย่างชัดเจน ซึ่งเชื่อว่า การซื้อเสียงในเขตกทม. เป็นไปได้ยาก เนื่องจากต้องใช้เงินจำนวนมาก และกกต. ก็จะคอยเฝ้าระวัง ตรวจสอบอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นได้
ขณะที่ นายวีระ ยี่แพร ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร(ผอ.กต.กทม.) กล่าวถึงกรณีกลุ่มเครือข่ายพ่อแม่ เยาวชน เพื่อการปฏิรูปการศึกษา ขอความเป็นธรรมแก่นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งมีสิทธิเลือกตั้ง แต่ต้องสอบ GAT / PAT ในวันเดียวกันกับวันเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ว่า การเลื่อนวันสอบ GAT /PAT ไม่ได้เป็นอำนาจของกกต. โดยกกต. เคยประสานไปยังผอ.สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อขอให้เลื่อนวันสอบออกไป แต่ทางสพฐ. แจ้งมาว่า ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากได้วางกำหนดการสอบไว้หมดแล้ว หากเลื่อนวันสอบในวันดังกล่าวจะต้องเลื่อนวันสอบวันอื่นๆ ตามไปด้วย ดังนั้นสพฐ. จึงขยายเวลาในการพักระหว่างสอบเป็น 2 ชั่วโมง เพื่อให้นักเรียนที่มีสิทธิเลือกตั้งได้ใช้ช่วงเวลาดังกล่าวไปเลือกตั้ง
ทั้งนี้หากผู้ปกครองกลัวว่าบุตรหลานของตนที่มีสิทธิเลือกตั้งจะเสียสิทธิ และกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จากการที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง ตามระเบียบของกกต. กำหนดไว้ว่า ให้สิทธิกับผู้ที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง สามารถแจ้งสาเหตุในการไม่ไปใช้สิทธิได้ ก่อนหรือหลังวันเลือกตั้ง 7 วัน ขณะนี้เหลือเวลาการแจ้งเหตุได้ช่วงหลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในวันที่ 3 มี.ค. โดยสามารถแจ้งเหตุได้ถึงวันที่ 10 มี.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม หากนักเรียนจะไปใช้สิทธิในวันที่ 3 มี.ค. ทางกกต. ได้แจ้งกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วย ให้อำนวยความสะดวกแก่นักเรียน เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการลงคะแนน