สพฐ.มอบคณะวิทย์ จุฬาฯ วิจัย “ลดการบ้าน” ย้ำไม่ได้ยกเลิกการแจกการบ้าน แค่ลดให้เหลือปริมาณที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงชั้น เน้นครูทุกวิชาบูรณาการให้การบ้านร่วมกัน
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปหารือร่วมกับภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อทำการวิจัยเกี่ยวกับการลดการบ้านนักเรียน อย่างไรก็ตาม สพฐ.ไม่ได้มีธงว่า ต้องปรับลดการให้การบ้านนักเรียนไปในทิศทางใด แต่ยืนยันว่า สพฐ.ไม่ได้มีเจตนาที่จะยกเลิกการให้การบ้านแก่เด็กตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ หากต้องการที่จะลดปริมาณการบ้านให้เหมาะสมตามแต่ละช่วงชั้นเรียน
“ที่ผ่านมา นักเรียนได้รับการบ้านแบบซ้ำซ้อนกัน เนื่องจากขาดการประสานงานระหว่างครูผู้สอนจนเกิดความล้มเหลวในการให้การบ้าน ที่ขาดการประสานงาน เพราะครูผู้สอนไม่ได้รับรู้เลยว่าในแต่ละวันเด็กได้รับมอบหมายการบ้านมาแล้วกี่งานจากครูแต่ละคน ดังนั้น สพฐ.จึงอยากให้ครูประสานเรื่องการให้การบ้านนักเรียนก่อน เพื่อให้การบ้านของเด็กอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมของแต่ละวัน และอยากให้มีการบูรณาการในเรื่องดังกล่าวด้วย เพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์ และการเรียนรู้แก่นักเรียน” นายชินภัทร กล่าวและว่า หากศึกษาผลการวิจัยรูปแบบการให้การบ้านจากหลายประเทศ จะพบว่า การให้การบ้านนักเรียนในบางลักษณะไม่ได้ก่อให้เกิดการเรียนรู้ แต่กลายเป็นภาระงานที่เด็กจะต้องทำมากขึ้น ซึ่งหากเรามองการปฏิรูปการศึกษาเป็นภาพต่อแล้ว การจัดการศึกษาต้องประกอบไปด้วย หลักสูตร การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สื่อการเรียนการสอนไอซีที การให้การบ้าน และการประเมินผล โดยจะเห็นได้ว่าองค์ประกอบดังกล่าวจะเกี่ยวข้องด้วยกันหมด ดังนั้น การที่จุฬาฯจะไปวิจัยถึงเรื่องดังกล่าวจะต้องมีการวิเคราะห์การบ้านนัก เรียนที่เป็นอยู่ในขณะนี้ด้วยว่าหลักสูตรมีความเหมาะสมหรือไม่ การจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนเด็กให้ความร่วมมือมากน้อยแค่ไหน เพราะการบ้านเด็กมีหลากหลายรูปแบบ เช่น คิดคำนวณ การสืบค้นข้อมูล การตีโจทย์แก้ปัญหา เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้จุฬาฯจะต้องไปทำการวิจัยว่าสิ่งใดจะเกิดประโยชน์และพัฒนาต่อนักเรียนมากที่สุด
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปหารือร่วมกับภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อทำการวิจัยเกี่ยวกับการลดการบ้านนักเรียน อย่างไรก็ตาม สพฐ.ไม่ได้มีธงว่า ต้องปรับลดการให้การบ้านนักเรียนไปในทิศทางใด แต่ยืนยันว่า สพฐ.ไม่ได้มีเจตนาที่จะยกเลิกการให้การบ้านแก่เด็กตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ หากต้องการที่จะลดปริมาณการบ้านให้เหมาะสมตามแต่ละช่วงชั้นเรียน
“ที่ผ่านมา นักเรียนได้รับการบ้านแบบซ้ำซ้อนกัน เนื่องจากขาดการประสานงานระหว่างครูผู้สอนจนเกิดความล้มเหลวในการให้การบ้าน ที่ขาดการประสานงาน เพราะครูผู้สอนไม่ได้รับรู้เลยว่าในแต่ละวันเด็กได้รับมอบหมายการบ้านมาแล้วกี่งานจากครูแต่ละคน ดังนั้น สพฐ.จึงอยากให้ครูประสานเรื่องการให้การบ้านนักเรียนก่อน เพื่อให้การบ้านของเด็กอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมของแต่ละวัน และอยากให้มีการบูรณาการในเรื่องดังกล่าวด้วย เพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์ และการเรียนรู้แก่นักเรียน” นายชินภัทร กล่าวและว่า หากศึกษาผลการวิจัยรูปแบบการให้การบ้านจากหลายประเทศ จะพบว่า การให้การบ้านนักเรียนในบางลักษณะไม่ได้ก่อให้เกิดการเรียนรู้ แต่กลายเป็นภาระงานที่เด็กจะต้องทำมากขึ้น ซึ่งหากเรามองการปฏิรูปการศึกษาเป็นภาพต่อแล้ว การจัดการศึกษาต้องประกอบไปด้วย หลักสูตร การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สื่อการเรียนการสอนไอซีที การให้การบ้าน และการประเมินผล โดยจะเห็นได้ว่าองค์ประกอบดังกล่าวจะเกี่ยวข้องด้วยกันหมด ดังนั้น การที่จุฬาฯจะไปวิจัยถึงเรื่องดังกล่าวจะต้องมีการวิเคราะห์การบ้านนัก เรียนที่เป็นอยู่ในขณะนี้ด้วยว่าหลักสูตรมีความเหมาะสมหรือไม่ การจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนเด็กให้ความร่วมมือมากน้อยแค่ไหน เพราะการบ้านเด็กมีหลากหลายรูปแบบ เช่น คิดคำนวณ การสืบค้นข้อมูล การตีโจทย์แก้ปัญหา เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้จุฬาฯจะต้องไปทำการวิจัยว่าสิ่งใดจะเกิดประโยชน์และพัฒนาต่อนักเรียนมากที่สุด
