xs
xsm
sm
md
lg

"PS"ถอนลงทุนมัลดีฟส์ถอดใจอัตราแลกเปลี่ยน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - พฤกษาถอนลงทุนมัลดีฟส์ เหตุอัตราแลกเปลี่ยน เผยขาดทุนกว่า 50 แต่อาจขายที่ดินชดเชย ด้าน”เสี่ยทองมา” ทุ่มงบส่วนตัวกว่า 3,000 ล้านบาท สร้างอาณาจักรพฤกษาอาคารสำนักงานพื้นที่  5.4 หมื่นตร.ม. ปากซ.อารีย์ พร้อมระบุอสังหาฯในประเทศเชื่อปี 56 ตลาดกลาง-บนมาแรง

นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทตัดสินใจถอนการลงทุนจากประเทศมัลดีฟส์ เนื่องจากปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนหลังการลงทุน ซึ่งการลงทุนที่มัลดีฟจะนำเงินสกุลดอลลาไปลงทุน แต่หากขายได้และต้องการนำเงินกลับประเทศจะต้องเป็นสกุลเงินรูฟียา(Rufiyaa) ของมัลดีฟ ซึ่งจะทำให้ค่าเงินลดลง 15-16% ส่งผลให้บริษัทขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนไปแล้วกว่า 50 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การขาดทุนดังกล่าวอาจชดเชยด้วยการขายที่ดินที่ยังไม่พัฒนาอีก 60% ได้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะสามารถขายที่ดินได้เท่าใด

นอกจากนี้มัลดีฟส์ยังเป็นตลาดเล็ก มีประชากรเพียง 3 แสนคน  ธนาคารที่ปล่อยกู้ลูกค้ารายย่อยมีเพียงแห่งเดียว วันดีคืนดีก็หยุดปล่อยสินเชื่อ รวมไปถึงการไม่มีโรงงาน ทำให้มีความเสี่ยงด้านการลงทุนมากกว่าผลตอบแทนที่จะได้รับ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้นำเม็ดเงินเข้าไปลงทุนประมาณ 250-300 ล้านบาท ร่วมกับบริษัท เฮ้าส์ซิ่ง ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น หรือ HDC รัฐวิสาหกิจของมัลดีฟส์ ภายใต้บริษัทร่วมทุน พฤกษา-เอชดีซีเฮาส์ซิ่ง จำกัด  โดยลงทุนพัฒนาคอนโดมิเนียม Coral Ville บนเกาะฮูลูมาเล่ (HulhuMale) จำนวน 2,400 ยูนิต ที่ผ่านมาพัฒนาในเฟสแรกไปแล้วบนพื้นที่ 4.35 ไร่ ประกอบ ด้วย 9 อาคาร จำนวน180 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 470 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40% ของจำนวนที่ดินทั้งหมด โดยในไตรมาส 2 คาดว่าจะส่งมอบแล้วเสร็จจึงจะสามารถถอนการลงทุนกลับประเทศได้

ส่วนการลงทุนในประเทศอื่นๆของพฤกษา ได้แก่  บังกาลอร์ ประเทศอินเดีย ขณะนี้มียอดจองแล้ว 765 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการ 1,650 ล้านบาท ปัจจุบันโอนไปแล้ว 272 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ร่วมทุนกับนักลงทุนท้องถิ่นเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในเมืองมุมใบ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดิน ขณะที่เวียดนามจะเปิดจองบ้านได้ในไตรมาส 3 ของปีนี้ และที่อินโดนีเซียอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดิน

นายทองมากล่าวต่อว่า ตนได้ก่อตั้งบริษัท ชัญญา เรียลเอทเตส จำกัด ด้วยทุนส่วนตัวกว่า 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินซื้อที่ดิน 1,300 ล้านบาท งบประมาณก่อสร้างอีกกว่า 1,600 ล้านบาท พัฒนาเป็นอาคารสำนักงานขนาด 54,000 ตร.ม. บริเวณปาก ซ. อารีย์ แบ่งเป็นพื้นที่สำนักงาน 36,000 ตร.ม. เพื่อใช้เป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของพฤกษา เนื่องจากในปัจจุบันพฤกษาต้องใช้พื้นที่สำนักงานถึง 4 อาคาร ทำให้ยุ่งยากในการเดินทางและบริหารจัดการ หากอยู่ในพื้นที่เดียวกันก็จะทำให้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น

“ส่วนสาเหตุที่ใช้เงินส่วนตัวแทนที่จะเป็นเม็ดเงินลงทุนของพฤกษา เนื่องจากเห็นว่าโครงการดังกล่าวให้ผลตอบแทนเพียง 6% ต่อปีซึ่งจะใช้เวลาคืนทุนนาน ในขณะหากพฤกษานำเม็ดเงินดังกล่าวไปลงทุนพัฒนาโครงการเพื่อขายจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 20% เพราะมีรอบการลงทุนเพียง 117 วันเท่านั้น”

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2555 มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 700,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 350,000 ล้านบาท และต่างจังหวัด 350,000 ล้านบาท คาดปีนี้มูลค่ารวมตลาดน่าจะเติบโตประมาณ 7% จากการใช้จ่ายของภาครัฐ , กำลังซื้อที่เพิ่มมากขึ้นของภาคประชาชน , การเปิด AEC และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มสังคมเมืองมากขึ้นในกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด ซึ่งส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น โดยระดับราคาที่คาดว่าจะมีการเติบโตมากที่สุดในปีนี้คือ ระดับกลาง-บน

สำหรับภาวะฟองสบู่ที่หลายฝ่ายกังวลนั้น บริษัทได้ออกมาตรการสำหรับป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยเน้นบุกตลาดแนวราบโดยเฉพาะกลุ่มที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง ในส่วนโครงการแนวสูงบริษัทได้ใช้มาตรการส่งเสริมกลุ่มที่ซื้อและสามารถโอนได้จริง อาทิ กลุ่ม ลูกค้าภายใน พนักงาน ส่วนกลุ่มลูกค้าภายนอกบริษัทจะวิเคราะห์ จำแนกและสกัดกลุ่มนักลงทุนที่มีพฤติกรรมจองเกินกว่า 3 ยูนิตขึ้นไปโดยจะเชิญมาสอบถามก่อนการอนุมัติจอง เนื่องจากบริษัทไม่มีมาตรการส่งเสริมการซื้อขายใบจองโดยไม่มีแนวโน้มที่จะโอน

ส่วนผลการดำเนินการในปี 2555 บริษัทสามารถขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ส่งผลให้บริษัทมียอดขายและกำไรสูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ โดยรายได้รวมอยู่ที่ 27,141 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปี 2554 ที่ 23,422 ล้านบาท โดยมาจากยอดขายภายในประเทศที่เติบโตเพิ่มขึ้นของตลาดทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยวรวมไปถึงคอนโดมิเนียม นอกจากนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้จากยอดขายโครงการในต่างประเทศ ประกอบด้วย ยอดโอนบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ที่เมืองบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย และโครบการคอนโดมิเนียมที่สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สำหรับกำไรของปีที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,898 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากปีก่อนที่ 2,835 ล้านบาท

ด้านนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  ในปีที่ผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จทั้งด้านยอดขายและการตลาด จากการเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 30 โครงการ มูลค่ารวม 22,191 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 21 โครงการ บ้านเดี่ยว 5 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 29,396 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15% ที่มียอดขายอยู่ที่ 25,554 ล้านบาท โดยใช้กลยุทธ์พัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลายทั้งในด้านของทำเลที่ตั้ง การออกแบบ ฟังก์ชั่นการใช้สอย ที่สามารถตอบรับความต้องการของลูกค้าในทุกเซกเม้นท์ โดยเน้นเจาะตลาดแนวราบเป็นหลัก ในขณะเดียวกันยังมองหาทำเลที่จะสามารถพัฒนาโครงการแนวสูงควบคู่กันไปด้วย
 
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้ (Backlog) ณ สิ้นปี 2555 อยู่ที่ 35,396 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปี 2556 ประมาณ 24,490 ล้านบาท หรือราว 73% ของเป้ารายได้ในปีนี้ที่ตั้งเป้าทั้งปีไว้ที่ 34,000 ล้านบาท 
 
กำลังโหลดความคิดเห็น