เผยตัวไตรมาสแรก 7 บิ๊กอสังหาฯ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 3 เดือนแรกกวาดรายได้ 27,114 ล้านบาท “พฤกษา” นำโด่ง 6,340 ล้านบาท แลนด์ฯ จี้ติด 5,316 ล้านบาท ด้านยอดขายอสังหาฯ แสนสิรินำโด่ง 21,000 ล้านบาท แจงเหตุผลขาดทุน 86.43 ล้านบาท แอลพีเอ็นฯ ยังแข็งแกร่งกวาดรายได้ 2,473 ล้านบาท สะท้อนภาพตลาดอาคารชุดยังขยายตัวต่อเนื่อง
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 1,422.03 ล้านบาท ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 1,475.39 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้ลดลง 53.36 ล้านบาท หรือลดลง 3.62% อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเฉพาะธุรกิจหลักของบริษัทฯ คือ รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ และรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการโดยไม่รวมรายได้อื่น และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม ในไตรมาสที่ 1 ปี 2556 บริษัทฯ มีกาไรสุทธิจากธุรกิจหลักก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล จำนวน 1,167 ล้านบาท ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรจากธุรกิจหลักก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล จำนวน 660 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 507 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 76.8%
ขณะที่ในไตรมาส 1 ของปีนี้ มีรายได้จากการขาย 5,316.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้จากการขาย 4,199.86 ล้านบาทหรือ เพิ่มขึ้น 1,116.20 ล้านบาท รวมทั้งอัตรากาไรขั้น ต้นที่สูงขึ้น จาก 31.86% เป็น 34.45% ทำให้บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 493.16 ล้านบาท
ด้านนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไตรมาสนี้ LPN มียอดรายได้รวม 2,473.340 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 320.232 ล้านบาท เมื่อเทียบกับจากไตรมาสแรกปี 55 ที่มีรายได้รวม 2,153.108 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 360.077 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.29% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2555 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 294.838 ล้านบาท เนื่องมาจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 296.48 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.33% รวมทั้งกำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นจาก 29.09% เป็น 33.34% ซึ่งเป็นการรับรู้รายได้จากโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปลายปี 2555 และโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 1 ปี 2556 จำนวน 1 โครงการ ได้แก่ โครงการลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 109-แบริ่ง
โดยในไตรมาสนี้ บริษัทมียอดขายอาคารชุดรวม 6,700 ล้านบาท มาจากยอดขายของโครงการที่แล้วเสร็จและอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 15 โครงการ และโครงการเปิดตัวใหม่ 3 โครงการ คือ โครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา-ลาดปลาเค้า 2 โครงการลุมพินี เพลส สุขสวัสดิ์-พระราม 2 และโครงการลุมพินี เพลส ยูดี-โพศรี ในจังหวัดอุดรธานี โดย ณ วันที่ 31 มี.ค. บริษัทมียอดขายรอโอนรวม 20,000 ล้านบาท
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในไตรมาแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้รวมกว่า 5,180 .47 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปัก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 5,181.891 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาสนี้ แสนสิริ มีค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 5,121.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปี 55 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรวม 4,659.875 ล้านบาท โดยมีสาระสำคัญที่ผลักดันให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ค่าใช้จ่ายจากการขาย 1,006.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีค่าใช้จ่ายจากการขาย699.91 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายจากต้นทุนขายโครงการ 3,313.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 55 ที่มีต้นทุนขายโครงการ 3,220.65 ล้านบาท ฯลฯ ส่งผลให้ในไตรมาสนี้บริษัทมีผลดำเนินการขาดทุนสุทธิที่ 86.431 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสแรกปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิที่ 321.702 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทสามารถปิดยอดขายได้ 21,000 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสแรกของปี 55 ซึ่งมียอดขายรวม 11,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 100% ทั้งนี้ ในปี 2556 บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายที่ 48,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ที่ 35,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทก็มียอดขายรอรับรู้รายได้ใน 3 ปีข้างหน้าแล้วกว่า 58,872 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสที่ 2/56 นี้ บริษัทจะมีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่อีก ประมาณ 14 โครงการ แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 5,550 ล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยว 5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 8,100 ล้านบาท รวมทั้งการพัฒนาทาวน์เฮาส์อีกประมาณ 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 750 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการใหม่ที่จะพัฒนาทั้งสิ้น ประมาณ 14,400 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายในช่วงไตรมาส 2 ไว้ประมาณ 10,000 ล้านบาท
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทฯ สามารถทำยอดขายได้ 12,329 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 55 ที่มียอดขาย 5,669 ล้านบาท มีรายได้รวม 6,340 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 773 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% และ 22% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2555
“ส่วนความคืบหน้าการลงทุนในต่างประเทศ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหาซื้อที่ดินในเมืองบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย เพิ่มอีก 1 แปลง เพื่อพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยว สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมในเมืองไฮฟง ประเทศเวียดนาม ขณะนี้ได้ก่อตั้งบริษัทร่วมทุนเรียบร้อยแล้ว และได้รับใบอนุญาตให้ลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย โดยปัจจุบันรวบรวมที่ดินได้แล้ว 70% และคาดว่าจะเปิดจองได้ในไตรมาส 3 ปี 2556 นี้”
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการกล่าวว่า ยอดขายในไตรมาส 1 ปีนี้ สูงถึง 12,329 ล้านบาท โดยสัดส่วนของยอดขายประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 39% บ้านเดี่ยว 21% และคอนโดมิเนียม 40% และทำให้บริษัทฯ มียอดขายแล้ว 35% ของเป้าหมายยอดขายปีนี้ที่ตั้งไว้ 35,000 ล้านบาท จึงคาดว่าแนวโน้มยอดขายปีนี้จะเติบโตเป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากมีการวางแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ 78 โครงการ
“สำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 19 โครงการ มูลค่ารวม 22,496 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 15 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ ด้านรายได้คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย 34,000 ล้านบาท เนื่องจากมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จรอรับรู้รายได้ในปีนี้ 7 โครงการ คือ เออร์บาโน แอบโซลูท สาทร-ตากสิน, เดอะ ทรี บางโพ, เดอะซี้ด มิงเกิ้ล สาทร-สวนพลู, พลัมคอนโด นวมินทร์, คอนโดเลต ไลท์ คอนแวนต์, ฟิวส์ โมเบียส รามคำแหง-คลองตัน และพลัมคอนโด ลาดพร้าว 101”
ด้านนายพิเชษฐ วิภวศุภกร กรรมการผู้อำนวยการ ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ AP กล่าวว่า ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1 ปี 2556 บริษัท มีกำไรสุทธิ 222.7 ล้านบาท ลดลงจาก 394.8 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือลดลง 43.6% โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้รวมลดลงจาก 3,151 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2555 มาเป็น 2,848 ล้านบาท หรือลดลง 9.6%ซึ่งรายได้ในไตรมาส 1 ปี 2556 มาจากโครงการคอนโดมิเนียม 29% และโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ 71%
ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงจาก 35.6% ในไตรมาส 1 ปี 2555 มาอยู่ที่ 33.9% ในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ เนื่องจากสัดส่วนการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมลดลงจาก 39% ของรายได้ในไตรมาส 1 ปี 2555 มาอยู่ที่ 29% ซึ่งโครงการคอนโดมิเนียมมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าโครงการบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ จากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิลดลงเป็น 222.7 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2556 หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 7.8%
นางสุวรรณา พุทธประสาท รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จากัด (มหาชน) หรือ QH กล่าวว่า บริษัท และบริษัทย่อย มีรายได้จากการดำเนินงาน แยกตามประเภทธุรกิจเป็นธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าเพิ่มขึ้น โดยรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 3,035 เพิ่มขึ้น 912 ล้านบาท หรือ 43% จากไตรมาสแรกของปี 55 ซึ่งมีรายได้ 2,123 ล้านบาท รายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ 319 เพิ่มขึ้น 31 ล้านบาท หรือ 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีรายได้รวม ณ ไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ อยู่ที่ 3,531 เพิ่มขึ้น 1,095 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปีที่แล้วซึ่งมีรายได้รวม 2,436 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์สำหรับไตรมาส 1 ของปี 2556 เพิ่มขึ้นจำนวน 912 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 43% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2555 เนื่องจากบริษัท และบริษัทย่อยมียอดโอนขายบ้านพร้อมที่ดินเพิ่มขึ้น จำนวน 630 ล้านบาท จากโครงการบ้านเปิดใหม่ จำนวน 14 โครงการซึ่งเปิดขายหลังไตรมาส 1 ของปี 2555 ขณะที่ไตรมาส 1 ของปี 2555 ธุรกิจขายบ้านพร้อมที่ดินของบริษัท และบริษัทย่อยมียอดรายได้ที่ต่ำเพราะผลกระทบของมหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในปลายไตรมาส 3 ของปี 2554 นอกจากนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมียอดรายได้จากการขายหน่วยในอาคารชุดพักอาศัยเพิ่มขึ้น จำนวน 282 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้ายังคงมีความต้องการซื้อหน่วยในอาคารชุดพักอาศัยของบริษัท และบริษัทย่อยอย่างต่อเนื่อง
นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไตรมาสนี้บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 1,922.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.5 ล้านบาท หรือ 4% ของช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้จากการขายรวม 1,848.1 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 83.4 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสแรกปี 55 กว่า 43.1 ล้านบาท โดยสาเหตุที่กำไรสุทธิลดลงมาจากสาระหลักๆ คือ กำไรขั้นต้นที่ลดลงกว่า 42.6ล้านบาท และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่าย 8.4 ล้านบาท รวมถึงค่าบริหารโครงการที่เพิ่มขึ้นอีก 22.8 ล้านบาท