xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

อวสาน“เรือนจำคลองเปรม” เผาพริก-เผาเกลือถึงเมกกะโปรเจก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เรือนจำกลางคลองเปรม ตั้งอยู่เลขที่ 33/2 ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว จตุจักร กรุงเทพฯ 10900

ห่างจากศาลอาญา (รัชดา) ประมาณ 5 กิโลเมตร ห่างจากสถานนีตำรวจนครบาลประชาชื่น ประมาณ 3 กิโลเมตร เนี้อที่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 28 ไร่ 2 งาน 8 ตารางวา เนื้อที่ภายนอกกำแพงเรือนจำ รวมพื้นที่บริเวณแฟลตที่พักอาศัยประมาณ 148 ไร่เศษ

ทิศเหนือ ติดคลองบางเขนและถนนงามวงศ์วาน

ทิศใต้ ติดหมู่บ้านประชานิเวศน์ 1

ทิศตะวันออก ติดเรือนจำกลางคลองเปรม

ทิศตะวันตก ติดกับที่ดินเอกชนทางออกสู่ถนนประชาชื่น

แต่สัปดาห์ก่อนมีข่าวเกี่ยวกับ “เรือนจำกลางคลองเปรม” สอดคล้องไปถึง เรือนจำลาดยาว ในสังกัดของกรมราชฑัณฑ์ในบริเวณเดียวกัน

เรื่องแรก ต้องมาจังตากันดูว่า หลังจากนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน รับมอบอำนาจนางพวงเพ็ญ สร้อยสนธิ อายุ 75 ปี อดีตข้าราชการโรงพยาบาลตากสิน ยื่นฟ้องผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม และผู้อำนายการเขตจตุจักร เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-2 ต่อแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองกลาง กรณีที่ได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นปรุงอาหารที่มีกลิ่นจากการคั่วพริก-คั่วเกลือฟุ้งกระจายไปทั่วตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน

โดยเฉพาะชาวบ้านในพื้นที่หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 เขตจตุจักร ว่าได้รับความเดือดร้อนรำคาญอย่างหนัก จากกลิ่นคั่วพริก-คั่วเกลือ ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนมานานนับปี จนชาวบ้านเป็นโรคทางเดินหายใจ

สมาคมฯ ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า ชาวบ้านเดือนร้อนและเสียหายจริง ที่เข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 25 จึงได้นำเรื่องดังกล่าวมายื่นฟ้อง พร้อมเรียกค่าเสียหายให้ชาวบ้านเป็นจำนวนเงิน 300,000 บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี

ซึ่งเรื่องนี้ ศาลปกครองกลางได้รับคำฟ้องไว้พิจารณาแล้วเป็นคดีหมายเลขดำที่ ส.246/2556

ทำให้พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ต้องมอบหมายให้ทางนายประเสริฐ อยู่สุภาพ ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม ไปแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแล้วด้วยการติดตั้งปล่องดูดควัน และเร่งเข้าไปพูดคุยสอบถามปัญหากับชาวบ้านที่ได้รับความเดือนร้อน

ขณะที่นายประเสริฐ อยู่สุภาพ ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม อ้างว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดของชาวบ้าน กลิ่นควันกลิ่นคั่วที่ร้องเรียนนั้นไม่ได้มาจากโรงครัวของเรือนจำ แต่น่าจะมาจากบ้านพักเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านหลังเรือนจำ ซึ่งอยู่ติดกับกำแพงเรือนจำที่อีกพักเป็นบ้านเรือนประชาชน

แต่เบื้องต้นได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังในการประกอบอาหารกลิ่นรุนแรงแล้ว รวมทั้งสั่งให้ติดตั้งระบบระบายอากาศเพื่อแก้ไข้ปัญหาดังกล่าวแล้ว

เรื่องนี้มีปัญหามานาน กระทบกระทั่งกันมานาน เช่น เมื่อหลายปีก่อนเคยเกิดปัญหาร้องเรียนทัณฑสถานหญิงกลาง จากโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านประชานิเวศน์ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับเรือนจำกลางคลองเปรม ซึ่งปัญหาที่พบคือเรื่องการร้องเรียนว่านักเรียนบนอาคารเห็นภาพการอาบน้ำกลางแจ้งของผู้ต้องขังหญิง ซึ่งครั้งนั้นทางโรงเรียนแก้ปัญหาโดยให้ช่างมาติดตั้งกันสาดบัง

ทั้งนี้ปัญหาเหล่านี้มักเกิดจากการที่โรงเรียนเข้ามาสร้างอาคารสูง ขณะที่เรือนจำเป็นอาคารไม่สูงมากและตั้งอยู่ก่อน

เรื่องนี้รอดูว่าจะจบลงอย่างไร เพราะเป็นปัญหาระหว่าง หน่วยงานของรัฐกับชาวบ้าน

อีกเรื่องไม่เกี่ยวกับ“เรือนจำกลางคลองเปรม”โดยตรง แต่ไปสอดคล้องกับโครงการอภิมหาโปรเจกของรัฐบาล

เมื่อมีข่าวว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง ซึ่งได้ไปปาฐกถาพิเศษเรื่อง “นโยบายของภาครัฐกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2556”

ตอนหนึ่งระบุว่า ปัจจุบันปริมาณคอนโดมิเนียมมีมากกว่าบ้านจัดสรรเป็นเท่าตัว ส่วนหนึ่งจากปัญหาการจราจร, อุทกภัย และวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น รัฐบาลจึงพยายามเข้าใจความเปลี่ยนแปลงนี้และปรึกษาหารือกับหน่วยงาน องค์กรที่เกี่ยวข้องให้มากที่สุด เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการทรัพย์สินที่ดี

ที่ผ่านมา รัฐเป็นผู้ลงทุนในระบบสาธารณูปโภคทำให้ราคาที่ดินเพิ่มขึ้น ภาคเอกชนเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ขณะที่ภาครัฐเองก็สามารถนำทรัพย์สินที่มีอยู่ในทำให้เกิดประโยน์สูงสุดได้เช่นกัน โดยเฉพาะที่ดินตามแนวรถไฟฟ้า

อย่างรถไฟฟ้าสายสีแดงที่วิ่งผ่านที่ดินของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งเรือนจำกลางคลองเปรม ถ.งามวงศ์วาน ถ้าที่บริเวณดังกล่าวยังคงเป็นเรือนจำอยู่ ผู้ที่จะมาใช้ประโยชน์บริเวณสถานีคงมีน้อย ถ้ารัฐย้ายเรือนจำออกไป และลงทุนในส่วนที่เป็นสาธารณูปโภคส่วนกลาง โดยเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน

วันต่อมานายกิตติรัตน์ ย้ำถึงแนวคิดที่จะย้ายกรมราชทัณฑ์ ถนนงามวงศ์วาน เพื่อสร้างสถานีใหญ่ในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีแดง และนำที่ดินดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ ตามแนวรถไฟฟ้าที่รัฐมีการปรับแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ในงบประมาณการลงทุนประมาณ 2 ล้านล้านบาทว่า ในแง่สถานที่ใหม่กรมธนารักษ์มีความพร้อมในการประสานงานอยู่แล้ว ไม่ว่าจะหน่วยงานไหน แต่การใช้ประโยชน์จากสถานที่เดิมต้องดูให้รอบคอบและเกิดประโยชน์สูงสุด

ดังนั้นจะเห็นว่ามีสถานที่ราชการ และรัฐวิสาหกิจจำนวนมากที่มีความเหมาะสมในการใช้พื้นที่เปลี่ยนไป ที่ผ่านมามีแต่พูดกันเรื่องหนี้ แต่ไม่พูดถึงทรัพย์สินของประเทศ

“ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการมาเป็นระยะหนึ่งแล้วให้มีการสำรวจในส่วนที่เป็นทรัพย์สิน และให้มีการดำเนินการศึกษาเพื่อดำเนินการใช้ทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์กับประเทศ ถือเป็นหนึ่งโครงการสำคัญที่รัฐบาลจะดำเนินการ”

เรื่องนี้ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ออกมารับลูกทันที โดยระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้หารือร่วมกับรองปลัดกระทรวงการคลัง เบื้องต้นมีความเห็นให้ตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงยุติธรรม กระทรวงการคลัง และสำนักงานศาลยุติธรรม โดยมีกรมธนารักษ์เป็นเจ้าภาพ เพื่อพิจารณาที่ราชพัสดุซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งเรือนจำที่กระทรวงการคลังต้องการเรียกคืน เช่น เรือนจำกลางบางขวาง และกลุ่มเรือนจำลาดยาว ริมถนนงามวงศ์วาน ซึ่งเป็นเรือนจำที่ตั้งอยู่ในเขตเมือง โดยจะยึดตามแนวมติครม.ปี 2547 ที่กำหนดแนวทางให้ย้ายเรือนจำในเขตเมืองออกไปนอกเมือง

ดังนั้นคณะกรรมการร่วมระหว่าง 2 กระทรวงจึงต้องพิจารณาร่วมกันถึงผลกระทบต่างๆ ทั้งในด้านระยะทาง การดูแลผู้ต้องขัง รวมถึงดูแลไม่ให้กระทบต่อเขตอำนาจศาล ที่สำคัญจะต้องพิจารณาด้วยว่ากรมธนารักษ์จะจัดสรรงบประมาณและสถานที่ในการก่อสร้างเรือนจำใหม่อย่างไร เบื้องต้นตั้งใจให้การพิจารณาย้ายเรือนจำมีรูปธรรมชัดเจนภายในเวลา 15 วัน

ก่อนหน้านี้ในปี 2547 รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีแนวคิดที่จะย้ายเรือนจำในเขตเมือง ซึ่งปัจจุบันเป็นเขตเศรษฐกิจที่สามารถนำที่ดินมาพัฒนาให้เป็นแหล่งการค้า สร้างรายได้ให้มากกว่าการคงพื้นที่ให้เป็นเรือนจำ จึงมีแนวคิดให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการย้ายเรือนจำกลางบางขวาง และเรือนจำจังหวัดนนทบุรี เพื่อนำไปพัฒนาเป็นแหล่งการค้าสำคัญของจังหวัด โดยให้กรมธนารักษ์ จัดตั้ง บริษัท ธนารักษ์พัฒนาบริหารสินทรัพย์ รับผิดชอบดูแลการจัดหารายได้ รวมทั้งมีความพยายามจะขอใช้ที่ดินด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเปิดเป็นสถานีบริการเชื้อเพลิงปตท. แต่การดำเนินการไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากกรมธนารักษ์ไม่สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างเรือนจำแห่งใหม่

โดยเสนอให้จัดเป็นโครงการคล้ายกับศูนย์ราชการ คือให้กรมราชทัณฑ์เช่าใช้เรือนจำจากบริษัทธนารักษ์ฯ โดยการเข้าใช้พื้นที่กรมราชทัณฑ์จะมีฐานะเป็นผู้เช่าที่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของเจ้าของอาคาร และชำระค่าเช่าให้เอกชนเป็นเวลา 30 ปี อาคารจึงจะตกเป็นของทางราชการ นอกจากนี้ กรมราชทัณฑ์ยังคัดค้านการตัดที่ดินด้านหน้าเรือนจำให้เป็นปั๊มน้ำมัน เนื่องจากเป็นปัญหาการดูแลความปลอดภัยในบริเวณเรือนจำที่จัดเป็นพื้นที่มั่นคง ที่ต้องปิด-เปิดตามเวลา ขณะที่ปั๊มน้ำมันต้องเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

“เรือนจำกลางคลองเปรม” กำลังแก้ปัญหาตัวเอง จากเรื่องที่ชาวบ้าน ร้องเรียนกลิ่นเผาพริก-เผาเกลือ พ่วงกับแนวคิดของรัฐบาล ที่จะย้ายกรมราชทัณฑ์ ถนนงามวงศ์วาน เพื่อสร้างสถานีใหญ่ในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีแดง และแนวคิดนำที่ดินดังกล่าวมาใช้ประโยชน์

ตามแนวรถไฟฟ้าที่รัฐมีการปรับแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ในงบประมาณการลงทุนประมาณ 2 ล้านล้านบาท ไปโดยปริยาย



กำลังโหลดความคิดเห็น