เมินลากคอ“จักรภพ” พิสูจน์“แม้ว”อยู่ข้างพวกล้มเจ้า!?

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เป็นเวลา 1 เดือนเต็มๆ แล้ว ที่ศาลได้อ่านคำพิพากษาลงโทษจำคุกเป็นเวลา 10 ปี นายนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตบรรณาธิการนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ (VOICE OF TAKSIN) และแกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาเพื่อประชาธิปไตย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ และองค์รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วยการจัดพิมพ์ จำหน่าย และเผยแพร่นิตยสาร

คำพิพากษาดังกล่าว มีประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม คือ คำซัดทอดของนายสมยศที่ว่า “จิตร พลจันทร์”ผู้ที่เขียนบทความ 2 เรื่องลงตีพิมพ์ในนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ อันเป็นต้นเหตุให้เขาต้องถูกตัดสินจำคุกนั้น ตัวจริงก็คือนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ นอมินีคนแรกของทักษิณนั่นเอง

คำพิพากษาคดีดังกล่าว ซึ่งศาลได้อ่านไปเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2556 ที่ผ่านมานั้น ระบุว่า ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ - 15 มีนาคม 2553 จำเลยซึ่งเป็นบรรณาธิการนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ ได้จัดพิมพ์ จัดจำหน่าย เผยแพร่นิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ : เสียงทักษิณ ปีที่ 1 ฉบับที่ 15 ปักษ์หลัง เดือนกุมภาพันธ์ 2553 ที่พิมพ์บทความ คมความคิด ของผู้ใช้นามปากกาว่า จิตร พลจันทร์ เรื่องแผนนองเลือดกับยิงข้ามรุ่น หน้าที่ 45 - 47 โดยเนื้อหาบทความสื่อให้เข้าใจว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ทรงเป็นผู้ออกคำสั่งให้สังหารประชาชนจำนวนมากในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 และทรงเป็นผู้วางแผนตระเตรียมสถานการณ์เพื่อสังหารประชาชนจำนวนมากอย่างโหดเหี้ยมรุนแรงภายหลังวันพิพากษายึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553) ซึ่งไม่มีมูลความจริง

และระหว่างวันที่ 1 - 15 มีนาคม 2553 เวลากลางวัน จำเลยยังจัดพิมพ์ จำหน่ายและเผยแพร่ นิตยสารเสียงทักษิณ ปีที่ 1 ฉบับที่ 16 ปักษ์แรก มี.ค.2553 บทความ คมความคิด ของจิตร พลจันทร์ เรื่อง 6 ตุลาแห่ง พ.ศ.2553 หน้าที่ 45-47 เนื้อหาสื่อให้เข้าใจว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ทรงมีพฤติการณ์ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเหตุการณ์ที่มีความขัดแย้งและเกิดการนองเลือดขึ้นในประทศไทยหลายครั้ง และทรงมีพฤติการณ์ในการควบคุมบงการอยู่เบื้องหลังรัฐบาลของประเทศไทยหลายชุด และยังทรงเป็นผู้วางแผนในการทำลายฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งไม่มีมูลความจริง

ศาลระบุอีกว่า จำเลย จบการศึกษาระดับปริญญาตรีรัฐศาสตร์ เคยทำงานในองค์กรพัฒนาเอกชน และเป็นถึงบรรณาธิการบริหารรวมทั้งสื่อมวลชน ย่อมจะต้องวิเคราะห์เนื้อหาก่อนที่จะเผยแพร่ การที่จำเลยนำบทความไปตีพิมพ์เผยแพร่ จึงมีเจตนาหมิ่นพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112 และเมื่อมีการจัดพิมพ์นิตยสารถึง 2 ฉบับ อันเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน

จึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดซึ่งเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษเป็นกระทงความผิดไป ให้จำคุกจำเลย 2 กระทงๆ ละ 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี

จากคำพิพากษาดังกล่าว ย่อมชัดเจนว่า นอกจากนายสมยศแล้ว ผู้ที่จะต้องได้รับโทษฐานกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในกรณีการเขียนบทความ 2 ฉบับ ในนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ ก็คือ นายจักรภพ เพ็ญแข ผู้เขียนบทความนั่นเอง และสมควรจะได้รับโทษหนักกว่านายสมยศด้วยซ้ำในฐานะที่เป็นเจ้าของความคิดอันเป็นการให้ร้ายป้ายสีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

จึงเป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะเจ้าของคดีที่จะต้องติดตามจับกุมตัวนายจักรภพ เพ็ญแข มาดำเนินคดีให้ได้

อย่างไรก็ตาม ตลอดเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ยังไม่เห็นการขยับเขยื้อนใดๆ จากกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อที่จะติดตามตัวนายจักรภพ เพ็ญแข มาดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ จึงได้นำหนังสือเอกสาร ซีดีคลิปข่าว ข้อมูล และคำพิพากษาจำคุกนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ไปยื่นต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ดำเนินการจับกุมนายจักรภพ เพ็ญแข ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ กลับมาดำเนินคดีเนื่องจากนายจักรภพ คือผู้เขียนบทความละเมิดเบื้องสูงโดยใช้นามปากกาว่า “จิตร พลจันทร์” ที่ตีพิมพ์ในหนังสือวอยซ์ ออฟ ทักษิณ ตามที่นายสมยศให้การในชั้นศาล

นายธาริตได้มารับหนังสือจากนางสาวมัลลิกาด้วยตนเอง โดยไม่ได้บอกว่าจะเร่งดำเนินการจับกุมตัวนายจักรภพมาดำเนินคดีอย่างไรหรือไม่

ทุกอย่างยังดูเหมือนว่าจะถูกปล่อยให้เงียบหายไปกับสายลม ทั้งที่การติดตามจับกุมตัวนายจักรภพ ไม่น่าจะยุ่งยากเกินความสามารถของเจ้าหน้าที่

นายจักรภพ เพ็ญแข เคยถูกแจ้งความดำเนินคดีในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาแล้ว กรณีที่ไปบรรยายเรื่องระบบอุปถัมภ์ในประเทศไทย ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในประเทศไทย (เอฟซีซีที) เมื่อปี 2550

แม้การถูกแจ้งความในครั้งนั้นจะกดดันให้เขาต้องลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช แต่เนื่องการการบรรยายที่เอฟซีซีทีเป็นการบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ อัยการจึงออกลูกเนียนแปลเป็นภาษาไทยด้วยความล่าช้า ก่อนที่จะแอบสรุปสำนวนสั่งไม่ฟ้องในเวลาต่อมา

นายจักรภพนั้น เป็นคอลัมนิสต์ของนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ มาตั้งแต่ฉบับแรกๆ ผู้ประสานงานติดต่อให้นายจักรภพมาเป็นคอลัมนิสต์ คือ นายประแสง มงคลศิริ เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนั่นเอง

การปล่อยเกียร์ว่างไม่ติดตามจับกุมนายจักรภพ จึงไม่ได้มีสาเหตุมาจากการขาดเบาะแสที่จะติดตามหาตัว แต่เป็นเพราะนายจักรภพคือพวกเดียวกันกับรัฐบาลต่างหาก เรื่องอะไรที่จะต้องติดตามจับกุมพวกเดียวกันเอง ซึ่งหากนายจักรภพอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล ท่าทีของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจจะแตกต่างจากนี้อย่างสิ้นเชิง

นอกจากนี้ ยังสะท้อนว่า นช.ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่ผู้บงการเรื่องราวทั้งหมด ต้องการตัดตอนคดีให้อยู่แค่นายสมยศเท่านั้น

เป็นที่รู้กันว่า นิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณนั้น เปิดตัวเนื่องในวันเกิด 60 ปี ของ นช.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2552 โดยมีผู้บริหารล้วนแต่เป็นกลุ่มบริวารผู้รับใช้ นช.ทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นนายสุธรรม แสงประทุม ส่วนนักเขียนประจำก็เป็นแนวร่วมของ นช.ทักษิณในสายไม่เอาเจ้า อาทิ นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย รวมทั้งนายจักรภพ

ดังนั้น แม้ นช.ทักษิณจะบอกว่าไม่ได้ให้การสนับสนุนนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ แต่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น “เสียงของทักษิณ” ซึ่ง นช.ทักษิณไม่เคยห้ามปรามหรือคัดค้าน

นับตั้งแต่เปิดตัวนิตยสารฉบับนี้เป็นต้นมา นช.ทักษิณก็ไม่เคยตำหนิติเตียนแนวทางที่นิตยสารฉบับนี้นำเสนอ แม้ว่าจะมีเนื้อหาในเชิงที่ดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันเบื้องสูงอยู่หลายครั้งก็ตาม

คาดการณ์ได้ไม่ยากว่า คดีหมิ่นเบื้องสูงอันเนื่องมาจากบทความ 2 เรื่องในนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ จะหยุดอยู่แค่ให้นายสมยศถูกจำคุกเท่านั้น ไม่มีการสืบสาวราวเรื่องเพื่อเอาผิดคนอื่นๆ ต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นความผิดจะไปถึงตัวนายใหญ่ผู้บงการอย่างแน่นอน

นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตบรรณาธิการนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ ถูกศาลพิพากษาจำคุก 10 ปี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา