xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

จาก “พี่ชิน” ถึง “น้องชิน” แผ่นดินใต้มีแต่จะลุกเป็นไฟ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทักษิณ ชินวัตร
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ลังกลุ่มผู้ก่อการร้ายติดอาวุธขบวนการอาร์เคเคยกพลเข้าโจมตรี ฐานปฏิบัติการทหารร้อยปืนเล็กที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 บริเวณบ้านยือลอ ม.3 ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส แต่ประสบความพ่ายแพ้จนต้องสูญเสียกำลังพลมากถึง 16 รายนั้น ได้ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมามากมาย

ประเด็นหนึ่งที่ถูกหยิบยกพูดถึงกันมากคือ การที่กองกำลังของฝ่ายรัฐสามารถรับการบุกโจมตีของกลุ่ม RKK แห่งขบวนการแบ่งแยกดินแดนในครั้งนี้ได้ เป็นเพราะประสบความสำเร็จในการข่าว สามารถที่จะรู้ล่วงหน้าและประเมินแผนรองรับได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งการหยิบยกไปพูดซ้ำๆ ไล่เรียงไปตั้งแต่ผู้นำรัฐบาลอย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรงกลาโหม รวมถึงฝ่ายกองกำลังตั้งแต่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ เรื่อยไปจนถึงแม่ทัพนายกองต่างๆ

จนทำให้ดูเหมือนว่า สถานการณ์ไฟใต้ที่ลุกโชนเปลวมานาน นับแต่นี้มีแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ อันเป็นไปตามที่ผู้นำรัฐบาลชักแถวออกมาพ่นวาทกรรมไว้ตลอดเวลาว่า การดำเนินการดับไปใต้ของรัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว โดยเฉพาะมีการพยายามชี้ประเด็นให้เห็นว่า เวลานี้ด้านการข่าวของฝ่ายรัฐกลับมาดีเยี่ยมแล้ว รวมถึงประชาชนก็หันมาให้ความร่วมมือกับรัฐบาลมากขึ้น ซึ่งก็เป็นไปได้ที่จะทำให้คนในสังคมบางกลุ่มที่เลือกยืนกับฝ่ายอำนาจรัฐรู้สึกชื่นชมยินดี จนอาจพาลคิดไปว่า วิกฤตปัญหาไฟใต้ที่เป็นชนักติดหลังรัฐบาลมานานกำลังจะถูกเสกให้คลี่คลายหายไปได้เร็ววัน

อย่างไรก็ตาม หากมองย้อนกลับไปดูสถิติในห้วงเวลากว่า 9 ปีที่ผ่านมา จะพบว่า หลายครั้งที่เกิดเหตุการณ์กลุ่ม RKK บุกโจมตีค่ายหรือฐานปฏิบัติการทหาร ส่วนใหญ่ฝ่ายเจ้าหน้าที่มักเป็นฝ่ายสูญเสียทั้งชีวิตและอาวุธยุทโธปกรณ์เสมอมา แตกต่างจากกลุ่มขบวนการบุกโจมตีฐานปฏิบัติการทหารร้อยปืนเล็กที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ครั้งล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 13 ก.พ.ที่เพิ่งผ่านพ้น ที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่แทบไม่เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและเลือดเนื้อ อาวุธยุทโธปกรณ์และทรัพย์สินใดๆ แถมยังสามารถตั้งรับและพลิกกลับสถานการณ์จากฝ่ายรับเป็นรุกกลับได้อีกต่างหาก

การโจมตีค่ายและฐานทหารเริ่มจากวันที่ 4 ม.ค.2547 ที่เกิดเหตุปล้นปืนจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตามด้วยวันที่ 19 ม.ค.2554 มีการโจมตีฐานปฏิบัติการพระองค์ดำ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 15121 (ร้อย ร.15121) หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 38 ต่อจากนั้นวันที่ 17 ก.ค.2555 โจมตีฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารราบที่ 15123 (ร้อย ร.15123) หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ทั้ง 3 ครั้งล้วนยังความสูญเสียให้กับกองกำลังฝ่ายรัฐที่สังกัดกองทัพบกทั้งสิ้น

มีแต่ครั้งล่าสุดคืนวันที่ 3 ก.พ.2556 ที่กองกำลังฝ่ายรัฐแทบไม่สูญเสียอะไร เพราะเป็นฐานปฏิบัติการของกำลังนาวิกโยธินในสังกัดกองทัพเรือ

สำหรับความแตกต่างของทหารเรือกับทหารบกนั้น ผู้รู้ในวงการทหารในพื้นที่ชายแดนใต้ให้ทัศนะว่า เหตุที่ฐานทหารบกถูกโจมตีแตกบ่อยๆ เนื่องจากกองทัพบกส่งกำลังพลไปประจำการบนแผ่นดินปลายด้ามขวาน แทบทั้งหมดจะเป็นทหารเกณฑ์ และระยะเวลาสับเปลี่ยนกำลังก็ค่อนข้างสั้น ขณะที่กองทัพเรือเลือกที่จะส่งนาวิกโยธินในระดับชั้นประทวนและสัญญาบัตรไปมากกว่า แล้วให้ประจำฐานที่มั่นที่นั่นอย่างน้อยเป็นเวลา 3 ปีขึ้นไปถึงจะสลับสับเปลี่ยนกำลัง จึงเกิดการเรียนรู้และสอดรับกับยุทธศาสตร์พระราชทานที่ว่า “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มากกว่ากองกำลังฝ่ายอื่นๆ แล้วก็นำมาซึ่งการข่าวที่ดีนั่นเอง

กระนั้นก็ดี ถามว่าหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ มีแนวโน้มว่าเหตุการณ์ความรุนแรงจะหนักขึ้นและชุกขึ้นในช่วงเวลานับจากนี้ไปหรือไม่ คำตอบขึ้นอยู่กับการลงมาคลุกปัญหาและหาทางแก้ไขของผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากผู้กุมอำนาจในรัฐบาลที่ยังอยู่ภายใต้การบงการของนักโทษหนีคุกทักษิณ ชินวัตร แล้วยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ว่า แนวโน้มว่าสถานการณ์ไฟใต้จะคลี่คลายโดยเร็วได้อย่างไร

เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า ไม้ขีดก้านแรกที่ใช้จุดให้เกิดวิกฤตไฟใต้ระลอกใหม่เป็นฝีมือของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของไทยที่ในวันนี้กลายเป็นสัมภเวสีหนีคุกเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ แต่ก็ยังสามารถสยายปีกคุมและบงการอำนาจรัฐในประเทศได้เกือบจลอดเวลาในช่วงเกือบ 10 ปีมานี้

เมื่อนักโทษหนีคุกทักษิณขึ้นนั่งบัลลังก์นายกรัฐมนตรีในปี 2544 เขาก็ได้ใช้ความเมามันในอำนาจเข้าไปจัดการ ภาพที่มีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ถึงกับหลุดเอาความอหังการและมมังการออกมาใช้

ปี 2545 นักโทษทักษิณลุแก่อำนาจประกาศว่า ขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดเป็นแค่โจรกระจอก และเอาความคิดตั้งรัฐตำรวจในระดับประเทศเข้าไปใช้กับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการรับเรื่องที่ชงจากผู้บัญชาการตำรวจภาค 9 สมัยนั้น ให้ฝ่ายตำรวจเป็นใหญ่ในพื้นที่ โดยให้ฝ่ายทหารถอยกลับเข้ากรมกอง แล้วเสนอยุบทิ้งหน่วยงานพิเศษที่เป็นกลไกแก้ปัญหามานานอย่าง ศอ.บต. กับ พตท.43 เนื่องจากมองว่าไม่มีความจำเป็นสำหรับพื้นที่แล้ว ซึ่งปฏิบัติการเริ่มเป็นจริงเป็นจังตอนที่นำ ครม.ลงไปสัญจรที่ศูนย์พิกุลทอง จ.นราธิวาส

ล่วงปี 2546 แนวความคิดตั้งรัฐตำรวจที่ชายแดนใต้เป็นจริงเป็นจังขึ้น มีการทุบทิ้ง ศอ.บต.และ พตท.43 แบบไม่เหลือซาก ขณะที่หน่วยงานตำรวจกับได้รับการขยับขยายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตำรวจภาค 9 โดยไม่ทราบว่าการเข้าไปกวนอำนาจรัฐในการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนใต้ครั้งนั้น ได้ทำให้ขบวนการแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ที่เคยถูกบอนไซ ได้มีโอกาสฟื้นตัวในห้วงเวลาเพียงไม่นาน อันเป็นไปแบบสอดรับกับสภาวการณ์ของสถานการณ์ในโลกมุสลิมที่กลุ่มก่อการร้ายก็ได้ขยายตัวขึ้น

ขณะที่ฝ่ายตำรวจเองที่ไม่เคยรับรู้เรื่องราวในพื้นที่มาก่อน ก็ใช้วิธีอุ้มแหล่งข่าวของหน่วยงานอื่นๆ ไปรีดข้อมูล นำมาซึ่งการหายตัวของนายสมชาย นีละไพจิตร นักการเมืองและผู้คนนับพันคน ซึ่งกรณีอุ้มหายบนแผ่นดินชายแดนใต้แทบไม่ต่างจากกรณีตัดตอนยาเสพติดนั่นเอง สุดท้ายการเป็นเพิ่มเงื่อนแล้วนำไปสู่เหตุการณ์ปล้นปืนค่ายทหารในต้นปี 2547 แล้วสถานการณ์ก็ยืดเยื้อเรื้องรังกลายเป็นวิกฤตไฟใต้ต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน

หลังจากยื่นมือไปจุดไม้ขีดก้านแรก และยื่นเท้าไปกวนอำนาจรัฐที่ชายแดนใต้จนนำมาสู่วิกฤตไฟใต้ระลอกใหม่แล้ว นักโทษหนีคุกทักษิณก็ยังนั่งบริหารประเทศอยู่ แต่สถานการณ์ความรุนแรงกลับมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แบบหาจุดจบได้ยากยิ่ง จากต้องการเห็นแผ่นดินชายแดนใต้เป็นพื้นที่ปกติเหมือนชายแดนด้านอื่นๆ กลายเป็นแก้ปัญหาแบบลุกลี้ลุกลนในช่วงแรกๆ หลังจากนั้นก็แทบจะปล่อยละเลยไม่ให้ความสนใจวิกฤตไฟใต้อีกเลย จนในปี 2549 ที่ถูกรัฐประหารก็ถือว่าปัญหาไฟใต้ถูกลอยแพแบบเบ็ดเสร็จ

ต้องยอมรับว่าความเปลี่ยนแปลงของแผ่นดินไฟใต้ที่พอจะมีอยู่บ้างก็คือ หลังทักษิณตั้งหน่วยงานหรือองค์กรที่พิเศษอะไรต่อมิอะไรอย่างเช่น กอ.สสส.จชต. กลับเข้าไปช่วยดับไฟใต้ แต่ไม่เคยเป็นผล จนสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ ได้ให้มีการฟื้น ศอ.บต. กับ พตท. ขึ้นมาใหม่ จากนั้นรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้ให้กำเนิดกฎหมายคือ พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือที่มักเรียกกันว่า พ.ร.บ.ศอ.บต. เพราะทำให้มีกฎหมายรองรับองค์กร ศอ.บต.ขึ้นมา

แต่ห้วงเวลาส่วนใหญ่ที่นักโทษหนีคุกทักษิณและระบอบทักษิณกุมอำนาจรัฐอยู่ ไม่ว่าจะรัฐบาลหุ่นเชิดต่างๆ ภายใต้การนำของสมัคร สุนทรเวช หรือสมชาย วงศ์สวัสดิ์ วิกฤตไฟใต้แทบไม่เคยได้รับการเหลียวแล แม้กระทั้งรัฐบาลชุดนี้ที่จับเอาน้องสาวขึ้นมาเชิดก็ตาม วิกฤตไฟใต้ก็ยังดูไม่ได้รับความใส่ใจแก้ปัญหาจากผู้มีอำนาจสักเท่าไหร่ แถมการจัดระบบกลไกลต่างๆ ก็เป็นไปแบบที่ไม่สอดรับกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ มีแต่จะสร้างความสับสนสงสัยเกิดขึ้นตลอดเวลา


ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
กำลังโหลดความคิดเห็น