ASTVผู้จัดการรายวัน-"จิตตนาถ" บริหารเอเอสทีวีผู้จัดการ จี้คน ปชป. หยุดรังแก “ราตรี” ชี้แทนที่จะสำนึกผิดกลับให้คนออกมาให้ร้าย “วีระ-ราตรี” ว่าไม่สำนึกที่รัฐบาลอภิสิทธิ์เคยช่วย อัดข้อเท็จจริงทั้งจากคำให้สัมภาษณ์และคลิปวิดีโอ บ่งชัดว่าปชป.มีส่วนในการทำให้เสียแผ่นดิน และคนไทยต้องติดคุกฟรี ระบุยิ่งพูดยิ่งเสียคะแนนนิยม
จากกรณีที่วานนี้ (12 ก.พ.) นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหนึ่งในผู้ที่ถูกกัมพูชาจับกุมตัวจากทางการกัมพูชาในช่วงปลายปี 2553 ขณะลงสำรวจพื้นที่ดินแดนไทยที่ถูกกัมพูชารุกราน ณ จังหวัดสระแก้ว ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับรายการ “ฟ้าวันใหม่กับอภิสิทธิ์” ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียวบลูสกายชาแนล โดยให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ต่อว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ช่วยเหลือ โดยกล่าวหาว่า ทั้ง น.ส.ราตรี และนายวีระ สมความคิด ต่างเข้าใจผิดกรณีรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในขณะนั้นไม่ช่วยเหลือ
วานนี้ (13 ก.พ.) นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีดังกล่าวโดยระบุว่า การให้สัมภาษณ์ของนายพนิช ยิ่งทำลายพรรคประชาธิปัตย์ และทำให้คะแนนนิยมของพรรคการเมืองเก่าแก่นี้เสื่อมลง เพราะยิ่งเป็นการผลักให้คนกลางๆ ที่คลางแคลงใจต่อการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ต่อกรณีเขตแดนไทย-กัมพูชา และกรณี “วีระ-ราตรี” ยิ่งปฏิเสธพรรคประชาธิปัตย์มากขึ้นๆ
“นับวันผมยิ่งเหลืออดกับพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นทุกวัน เพราะพรรคการเมืองนี้ มันไม่เคยยอมรับผิดอะไร ดีแต่แถ แต่ไม่เคยคิดที่จะคืนความชอบธรรมให้คุณราตรี และพฤติกรรมแบบนี้นี่แหละ จึงไม่แปลกใจที่คะแนนนิยมของพรรคนี้ถึงลดน้อยลงทุกวัน วันก่อนนายกษิต (ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ) ก็เพิ่งออกมาพล่ามมัดตัวเอง ทำให้โดนจับผิดได้ว่าเอาดีเข้าพรรคตัวเอง เอาบุญเอาคุณในการส่งข้าวส่งนำให้คุณราตรีสมัยถูกจับ แต่เสนอแผนให้ยอมรับว่าล้ำแดนแลกการขอพระราชทานอภัยโทษ โดยทั้งนายอภิสิทธิ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (อดีต รมว.กลาโหม) และนายกษิตเองออกมายืนยันว่าคณะทั้งหมดล้ำเข้าไปในแดนเขมร แต่คุณวีระราตรีไม่ยอมเพราะยืนยันว่าถูกจับในพื้นที่ไทย ก็มาอ้างว่าทั้งสองคนปฏิเสธการช่วยเหลือจากรัฐบาลขอดำเนินการเอง” นายจิตตนาถกล่าว
นายจิตตนาถกล่าวว่า กรณีเรื่อง น.ส.ราตรีนี้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำและทำให้พรรคประชาธิปัตย์เสียรังวัดหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ น.ส.ราตรีออกมายืนยันผ่านสื่อมวลชนว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ปกป้องอธิปไตย และยังกล่าวย้ำต่อหน้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันจันทร์ที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ตนถูกจับในเขตไทย ก็ยิ่งทำให้พรรคประชาธิปัตย์ยิ่งไปไม่เป็น ที่สำคัญ คือ รู้สึกเสียหน้า นอกจากนี้ คนที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เองก็เริ่มตั้งคำถามต่อกรณีดังกล่าว ส่วนคนที่เดิมรู้สึกกลางๆ ก็เริ่มตาสว่าง
“เหลือแต่พวกคลั่งพรรค บ้ามาร์คเท่านั้น ที่ยังหลับหูหลับตาแถอยู่ พอนายกษิตแถไม่ได้ผลซ้ำยังประจานตัวเอง ก็ส่งนายพนิชออกมาแถแก้ตัวผ่านช่องบลูสกายของตัวเองอีก ซึ่งการให้สัมภาษณ์ของนายพนิชก็ยิ่งมัดพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปอีกว่าเกี่ยวข้องกับการทำให้สูญเสียแผ่นดิน และ ส.ส.พรรคนี้เป็นพวกขี้ขลาดตาขาว”นายจิตตนาถกล่าว พร้อมกับระบุต่อว่า ตนมีคำถามที่เห็นว่า นายพนิชจะต้องตอบสังคมจากกรณีดังกล่าวดังนี้
หนึ่ง ที่นายพนิชได้รับคำตัดสินให้เข้าคุกกัมพูชา และได้รับการอภัยโทษกลับมา ใช่หรือไม่ที่นายพนิชได้ทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษต่อกษัตริย์กัมพูชา ซึ่งเท่ากับเป็นการยอมรับว่าล้ำแดน?
สอง นายพนิชพูดอย่างมั่นใจว่าโดนจับในเขตแดนไทย แล้วโดนนำตัวเข้าไปในเขตแดนกัมพูชา ทั้งนี้ นายพนิชเคยได้ชมคลิปที่นายอภิสิทธิ์ พล.อ.ประวิตร และนายกษิต แถลงยืนยันว่านายพนิชและคณะล้ำแดนไปหรือไม่ คนเหล่านี้ไม่รักษาอธิปไตยไทย ผลักให้นายพนิชและคณะไปเป็นผู้ต้องหาฝั่งเขมรใช่หรือไม่?
สาม ต่อเนื่องจากข้อแรกที่ทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษต่อกษัตริย์เขมร ในฐานะที่นายพนิชเป็น ส.ส.ของไทย ถือเป็นตัวแทนของคนไทย และเป็น ส.ส.พรรครัฐบาลขณะนั้น เป็นเรื่องสมควรหรือไม่ที่ ส.ส.ไทยไปยอมรับเขตอธิปไตยเขมร ในขณะที่ประชาชนอย่างคุณวีระและราตรีเลือกที่จะสู้คดียืนยันว่าพื้นที่ที่ถูกจับกุมเป็นพื้นที่ของไทย และตัวนายพนิชเองก็ให้สัมภาษณ์เช่นเดียวกันว่าโดนจับในฝั่งไทย แบบนี้เท่ากับคำพูดกับพฤติกรรมนายพนิชที่เป็นผู้แทนไทยขัดแย้งกันเองใช่หรือไม่?
สี่ ถ้าพื้นที่ถูกจับเป็นพื้นที่ทับซ้อนที่อ้างกันไปอ้างกันมาระหว่างไทยและเขมรจริง เหตุใดรัฐบาลไทยจึงไม่ใช้ประโยชน์จากเอ็มโอยู 43 ว่าทั้งสองประเทศต้องสรุปเขตแดนกันให้ชัดก่อนจะไม่มีการดำเนินคดีความใดๆ กับคณะคนไทยทั้งนั้น นั่นหมายความว่าเอ็มโอยู 43 ใช้แผนที่ของเขมรที่ล้ำเข้ามาในไทยและรัฐบาลไทยยอมรับในเรื่องนี้ใช่หรือไม่?
ห้า แทนที่จะให้คุณราตรีขอเข้าพบนายอภิสิทธิ์เพื่อเคลียร์ ที่จริงนายอภิสิทธิ์ควรจะติดต่อขอพบคุณราตรีเพื่อแสดงความจริงใจเพื่อขอเคลียร์ หรือให้ดีที่สุดคือกราบเท้ามากกว่าไหม เพราะคุณราตรีไม่มีอะไรต้องเคลียร์กับอภิสิทธิ มีแต่อภิสิทธิ์ไม่กล้าสู้หน้าราตรี?
หก ที่คุณราตรีต้องติดคุกในครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์มีมาตรการใดจะเยียวยาคุณราตรีไหม หรือมีแต่จะออกมาแถมาดิสเครดิตคุณราตรีรายวันให้สังคมเกิดความสังเวช?
นายจิตตนาถกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เหมือนกับปัญญาชนที่ภาพลักษณ์ดี แต่เมื่อรู้ว่าตัวเองทำผิดแทนที่จะทบทวนตัวเองกลับไม่ทำ กลัวเสียภาพลักษณ์ จึงยิ่งตะแบง เมื่อยิ่งตะแบงก็ยิ่งหลุด ยิ่งแสดงความไม่มีสปิริตและความเห็นแก่ตัวออกมา ชีวิตคน อธิปไตย ความรับผิดชอบ การรู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่สำคัญเท่าภาพลักษณ์พรรคและหัวหน้าพรรคตัวเอง ยิ่งดื้อตาใสก็ยิ่งถลำลึก แทนที่จะได้ใจคนถ้าตัวเองรู้จักแสดงสปิริตเมื่อผิดพลาด แต่ยิ่งออกมารังแกผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็ยิ่งทำให้คนเขารังเกียจ ไม่แปลกใจที่วันนี้คะแนนนิยมของพรรคนี้ร่วงกราวรูดกู่ไม่กลับ ทั้งๆ ที่ตัวเองควรจะได้อานิสงส์จากความห่วยแตกของพรรคเพื่อไทยที่กำลังทำให้บ้านเมืองฉิบหายอยู่ในขณะนี้แท้ๆ
“ผมขอฝากไปถึงสาวกของพรรคที่ชอบหาว่าคนที่ด่าพรรคตนต้องไปรับเงินทักษิณมาหน่อยว่า สาวกพรรคประชาธิปัตย์เคยตอบคำถามแต่ละข้อได้อย่างชัดเจนไม่คลุมเครือบ้างไหม และที่สำคัญถ้าเป็นคนในครอบครัวตัวเองโดนพฤติกรรมเลวๆ แบบนี้บ้างตัวเองจะรับได้ไหม รู้จักการเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างไหม ที่สำคัญสาวกพรรคนี้รู้จักคำว่าศักดิ์ศรีของความเป็นคนกันบ้างไหมที่เงินเท่าไรก็ซื้อไม่ได้ แต่พูดไปก็คงเสียเวลาเปล่าสาวกพรรคนี้คงไม่ไม่เข้าใจเพราะไม่ใช่คนแต่เป็นแมลงสาป และก็สรุปได้ว่าพรรคนี้เป็นที่พึ่งให้แก่ประชาชนไม่ได้แม้แต่เรื่องเดียว เก่งแต่ใส่ร้ายคนดี และขายคนไทยด้วยกันเอง ไม่ได้มีความต่างอะไรจากพรรคเผาไทย เพียงแต่พรรคหลังเลวแบบซึ่งๆ หน้าก็เท่านั้น” นายจิตตนาถกล่าว
จากกรณีที่วานนี้ (12 ก.พ.) นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหนึ่งในผู้ที่ถูกกัมพูชาจับกุมตัวจากทางการกัมพูชาในช่วงปลายปี 2553 ขณะลงสำรวจพื้นที่ดินแดนไทยที่ถูกกัมพูชารุกราน ณ จังหวัดสระแก้ว ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับรายการ “ฟ้าวันใหม่กับอภิสิทธิ์” ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียวบลูสกายชาแนล โดยให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ต่อว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ช่วยเหลือ โดยกล่าวหาว่า ทั้ง น.ส.ราตรี และนายวีระ สมความคิด ต่างเข้าใจผิดกรณีรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในขณะนั้นไม่ช่วยเหลือ
วานนี้ (13 ก.พ.) นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีดังกล่าวโดยระบุว่า การให้สัมภาษณ์ของนายพนิช ยิ่งทำลายพรรคประชาธิปัตย์ และทำให้คะแนนนิยมของพรรคการเมืองเก่าแก่นี้เสื่อมลง เพราะยิ่งเป็นการผลักให้คนกลางๆ ที่คลางแคลงใจต่อการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ต่อกรณีเขตแดนไทย-กัมพูชา และกรณี “วีระ-ราตรี” ยิ่งปฏิเสธพรรคประชาธิปัตย์มากขึ้นๆ
“นับวันผมยิ่งเหลืออดกับพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นทุกวัน เพราะพรรคการเมืองนี้ มันไม่เคยยอมรับผิดอะไร ดีแต่แถ แต่ไม่เคยคิดที่จะคืนความชอบธรรมให้คุณราตรี และพฤติกรรมแบบนี้นี่แหละ จึงไม่แปลกใจที่คะแนนนิยมของพรรคนี้ถึงลดน้อยลงทุกวัน วันก่อนนายกษิต (ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ) ก็เพิ่งออกมาพล่ามมัดตัวเอง ทำให้โดนจับผิดได้ว่าเอาดีเข้าพรรคตัวเอง เอาบุญเอาคุณในการส่งข้าวส่งนำให้คุณราตรีสมัยถูกจับ แต่เสนอแผนให้ยอมรับว่าล้ำแดนแลกการขอพระราชทานอภัยโทษ โดยทั้งนายอภิสิทธิ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (อดีต รมว.กลาโหม) และนายกษิตเองออกมายืนยันว่าคณะทั้งหมดล้ำเข้าไปในแดนเขมร แต่คุณวีระราตรีไม่ยอมเพราะยืนยันว่าถูกจับในพื้นที่ไทย ก็มาอ้างว่าทั้งสองคนปฏิเสธการช่วยเหลือจากรัฐบาลขอดำเนินการเอง” นายจิตตนาถกล่าว
นายจิตตนาถกล่าวว่า กรณีเรื่อง น.ส.ราตรีนี้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำและทำให้พรรคประชาธิปัตย์เสียรังวัดหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ น.ส.ราตรีออกมายืนยันผ่านสื่อมวลชนว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ปกป้องอธิปไตย และยังกล่าวย้ำต่อหน้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันจันทร์ที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ตนถูกจับในเขตไทย ก็ยิ่งทำให้พรรคประชาธิปัตย์ยิ่งไปไม่เป็น ที่สำคัญ คือ รู้สึกเสียหน้า นอกจากนี้ คนที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เองก็เริ่มตั้งคำถามต่อกรณีดังกล่าว ส่วนคนที่เดิมรู้สึกกลางๆ ก็เริ่มตาสว่าง
“เหลือแต่พวกคลั่งพรรค บ้ามาร์คเท่านั้น ที่ยังหลับหูหลับตาแถอยู่ พอนายกษิตแถไม่ได้ผลซ้ำยังประจานตัวเอง ก็ส่งนายพนิชออกมาแถแก้ตัวผ่านช่องบลูสกายของตัวเองอีก ซึ่งการให้สัมภาษณ์ของนายพนิชก็ยิ่งมัดพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปอีกว่าเกี่ยวข้องกับการทำให้สูญเสียแผ่นดิน และ ส.ส.พรรคนี้เป็นพวกขี้ขลาดตาขาว”นายจิตตนาถกล่าว พร้อมกับระบุต่อว่า ตนมีคำถามที่เห็นว่า นายพนิชจะต้องตอบสังคมจากกรณีดังกล่าวดังนี้
หนึ่ง ที่นายพนิชได้รับคำตัดสินให้เข้าคุกกัมพูชา และได้รับการอภัยโทษกลับมา ใช่หรือไม่ที่นายพนิชได้ทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษต่อกษัตริย์กัมพูชา ซึ่งเท่ากับเป็นการยอมรับว่าล้ำแดน?
สอง นายพนิชพูดอย่างมั่นใจว่าโดนจับในเขตแดนไทย แล้วโดนนำตัวเข้าไปในเขตแดนกัมพูชา ทั้งนี้ นายพนิชเคยได้ชมคลิปที่นายอภิสิทธิ์ พล.อ.ประวิตร และนายกษิต แถลงยืนยันว่านายพนิชและคณะล้ำแดนไปหรือไม่ คนเหล่านี้ไม่รักษาอธิปไตยไทย ผลักให้นายพนิชและคณะไปเป็นผู้ต้องหาฝั่งเขมรใช่หรือไม่?
สาม ต่อเนื่องจากข้อแรกที่ทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษต่อกษัตริย์เขมร ในฐานะที่นายพนิชเป็น ส.ส.ของไทย ถือเป็นตัวแทนของคนไทย และเป็น ส.ส.พรรครัฐบาลขณะนั้น เป็นเรื่องสมควรหรือไม่ที่ ส.ส.ไทยไปยอมรับเขตอธิปไตยเขมร ในขณะที่ประชาชนอย่างคุณวีระและราตรีเลือกที่จะสู้คดียืนยันว่าพื้นที่ที่ถูกจับกุมเป็นพื้นที่ของไทย และตัวนายพนิชเองก็ให้สัมภาษณ์เช่นเดียวกันว่าโดนจับในฝั่งไทย แบบนี้เท่ากับคำพูดกับพฤติกรรมนายพนิชที่เป็นผู้แทนไทยขัดแย้งกันเองใช่หรือไม่?
สี่ ถ้าพื้นที่ถูกจับเป็นพื้นที่ทับซ้อนที่อ้างกันไปอ้างกันมาระหว่างไทยและเขมรจริง เหตุใดรัฐบาลไทยจึงไม่ใช้ประโยชน์จากเอ็มโอยู 43 ว่าทั้งสองประเทศต้องสรุปเขตแดนกันให้ชัดก่อนจะไม่มีการดำเนินคดีความใดๆ กับคณะคนไทยทั้งนั้น นั่นหมายความว่าเอ็มโอยู 43 ใช้แผนที่ของเขมรที่ล้ำเข้ามาในไทยและรัฐบาลไทยยอมรับในเรื่องนี้ใช่หรือไม่?
ห้า แทนที่จะให้คุณราตรีขอเข้าพบนายอภิสิทธิ์เพื่อเคลียร์ ที่จริงนายอภิสิทธิ์ควรจะติดต่อขอพบคุณราตรีเพื่อแสดงความจริงใจเพื่อขอเคลียร์ หรือให้ดีที่สุดคือกราบเท้ามากกว่าไหม เพราะคุณราตรีไม่มีอะไรต้องเคลียร์กับอภิสิทธิ มีแต่อภิสิทธิ์ไม่กล้าสู้หน้าราตรี?
หก ที่คุณราตรีต้องติดคุกในครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์มีมาตรการใดจะเยียวยาคุณราตรีไหม หรือมีแต่จะออกมาแถมาดิสเครดิตคุณราตรีรายวันให้สังคมเกิดความสังเวช?
นายจิตตนาถกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เหมือนกับปัญญาชนที่ภาพลักษณ์ดี แต่เมื่อรู้ว่าตัวเองทำผิดแทนที่จะทบทวนตัวเองกลับไม่ทำ กลัวเสียภาพลักษณ์ จึงยิ่งตะแบง เมื่อยิ่งตะแบงก็ยิ่งหลุด ยิ่งแสดงความไม่มีสปิริตและความเห็นแก่ตัวออกมา ชีวิตคน อธิปไตย ความรับผิดชอบ การรู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่สำคัญเท่าภาพลักษณ์พรรคและหัวหน้าพรรคตัวเอง ยิ่งดื้อตาใสก็ยิ่งถลำลึก แทนที่จะได้ใจคนถ้าตัวเองรู้จักแสดงสปิริตเมื่อผิดพลาด แต่ยิ่งออกมารังแกผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็ยิ่งทำให้คนเขารังเกียจ ไม่แปลกใจที่วันนี้คะแนนนิยมของพรรคนี้ร่วงกราวรูดกู่ไม่กลับ ทั้งๆ ที่ตัวเองควรจะได้อานิสงส์จากความห่วยแตกของพรรคเพื่อไทยที่กำลังทำให้บ้านเมืองฉิบหายอยู่ในขณะนี้แท้ๆ
“ผมขอฝากไปถึงสาวกของพรรคที่ชอบหาว่าคนที่ด่าพรรคตนต้องไปรับเงินทักษิณมาหน่อยว่า สาวกพรรคประชาธิปัตย์เคยตอบคำถามแต่ละข้อได้อย่างชัดเจนไม่คลุมเครือบ้างไหม และที่สำคัญถ้าเป็นคนในครอบครัวตัวเองโดนพฤติกรรมเลวๆ แบบนี้บ้างตัวเองจะรับได้ไหม รู้จักการเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างไหม ที่สำคัญสาวกพรรคนี้รู้จักคำว่าศักดิ์ศรีของความเป็นคนกันบ้างไหมที่เงินเท่าไรก็ซื้อไม่ได้ แต่พูดไปก็คงเสียเวลาเปล่าสาวกพรรคนี้คงไม่ไม่เข้าใจเพราะไม่ใช่คนแต่เป็นแมลงสาป และก็สรุปได้ว่าพรรคนี้เป็นที่พึ่งให้แก่ประชาชนไม่ได้แม้แต่เรื่องเดียว เก่งแต่ใส่ร้ายคนดี และขายคนไทยด้วยกันเอง ไม่ได้มีความต่างอะไรจากพรรคเผาไทย เพียงแต่พรรคหลังเลวแบบซึ่งๆ หน้าก็เท่านั้น” นายจิตตนาถกล่าว