xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

กำนันเป๊าะ THE LAST TYCOON ปิดตำนานเจ้าพ่อคนสุดท้าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -นับเป็นข่าวลือลั่นสะเทือนไปทั่วประเทศ เมื่อ“สมชาย คุณปลื้ม” หรือ “กำนันเป๊าะ” ผู้ทรงอิทธิพลแห่งภาคตะวันออก ผู้ต้องหาคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินเขาไม้แก้ว และคดีจ้างวานฆ่านายประยูร สิทธิโชติ หรือกำนันยูร ถูกตำรวจคอมมานโดรวบตัวขณะอยู่ในรถยนต์แล่นบนถนนมอเตอร์เวย์ ช่วงพัฒนาการ กรุงเทพฯ ซึ่งทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง เพราะใครต่างก็คิดว่าคดีนี้คงจะหายเข้ากลีบเมฆไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถึงที่สุดแล้ว "กำนันเป๊าะ" ก็ไม่สามารถพ้นเงื้อมมือกฎหมายไปได้ หลังจากหนีคดีมานานเกือบ 10 ปี

และถ้าจะกล่าวถึงกำนันเป๊าะแล้วก็ต้องนับว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลทางการเมือง ทั้งอิทธิพล บารมี ฐานะทางการเงิน มีเครือข่ายทั่วประเทศ มีธุรกิจมากมายทั้งบนบกและทะเล ในท้องถิ่นจังหวัดชลบุรีและพื้นที่ภาคตะวันออกอย่างสูง

นายสมชาย คุณปลื้ม หรือ กำนันเป๊าะ เป็นลูกคนที่ 2 แต่เป็นลูกชายคนแรกของ นายชาญชัย และ นางท้วม คุณปลื้ม เกิดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2480 ฐานะทางบ้านพอมีอันจะกิน บิดาเป็นผู้ใหญ่บ้านใน ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี มารดาขายหมูในตลาดหนองมน กระทั่งมีโรงฆ่าสัตว์ขนาดเล็กของตนเอง

ชีวิตส่วนตัวสมรสกับนางสติล คุณปลื้ม (สกุลเดิม เท่งเจียว) มีบุตรธิดา รวม 5 คน เรียงลำดับดังนี้ 1. สนธยา คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม, อดีต ส.ส.ชลบุรี,อดีต รมช.คมนาคม, อดีต รมช.อุตสาหกรรม, และอดีต รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา, ประธานสโมสรฟุตบอลศรีราชา, ประธานสโมสรฟุตบอลพัทยา ยูไนเต็ด, อุปนายกราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 2. นายวิทยา คุณปลื้ม นายก อบจ.ชลบุรี,ประธานสโมสรฟุตบอลชลบุรี เอฟซี 3. นางจิราภรณ์ คุณปลื้ม 4. นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา และ 5. นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแสนสุข

ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึงเส้นทางชีวิตของกำนันเป๊าะก็ต้องบอกว่า ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบและต้องบอกว่าไม่ธรรมดา

ด้วยความที่ส่วนตัวมีนิสัยกล้าได้ กล้าเสีย ใจนักเลง จึงไม่ชอบการเรียน เพราะคิดว่าไม่ตื่นเต้นเท่าการผจญภัย ในโลกกว้าง ดังนั้น เมื่อจบชั้น ป.4 ร.ร.วัดกลางดง จึงออกมาเผชิญโชคเป็นกระเป๋ารถเมล์สายบางแสน-ศรีราชา-ชลบุรี ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นคนขับรถเสียเอง

ต่อมา จึงหันไปทำเรือประมง เพราะรายได้ดีกว่า และบังเอิญไปสนิทชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง ซึ่งมีธุรกิจค้าน้ำมันในกัมพูชาขณะมาเที่ยวบางแสน กำนันเป๊าะ จึงได้สัมปทานจับปลาในน่านน้ำกัมพูชา

ระยะเวลา 4 ปีเต็มในน่านน้ำกัมพูชา ทำให้กำนันเป๊าะมีเงินหลายสิบล้านบาท และนำมาซึ่งคฤหาสน์หลังงามบนที่ดิน 7 ไร่ ริมทะเลบางแสน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “บ้านแสนสุข”

แต่ทำได้ไม่กี่ปีธุรกิจประมงก็พังพาบลง เพราะน้ำมันแพง จึงหันไปจับ ธุรกิจทำบ่อดินลูกรัง จนร่ำรวย และนำไปสู่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ก่อนจะแตก ไลน์ไปเป็นธุรกิจเหล้า โรงแรม พัฒนาที่ดิน ฯลฯ จนสามารถสยายปีกครอบคลุมเกือบทุกกิจการในเมืองพัทยา และส่งให้วงศ์วานว่านเครือ รวมทั้งลูกน้องคนสนิทก้าวเข้ามาเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เช่น กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน หรือแม้แต่ ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร

อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่า สิ่งที่ผลักดันให้กำนันคนดังร่ำรวยทั้งเงินทองและ บารมีอย่างชนิดที่ไม่มีตำรวจหน้าไหนกล้ายุ่งก็คือ เขาได้รับการสนับสนุนจาก “คนมีสี” ในท้องที่ โดยรับหน้าที่ในการลำเลียงสินค้าพิเศษเข้ามาทางทะเล

แน่นอนว่า การครองอำนาจเจ้าพ่ออย่างไร้เทียมทานของ “กำนันเป๊าะ”ย่อมหลีกหนีไม่พ้นที่จะต้องก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมือง ซึ่งเป็นตัวกำนันเป๊าะเองที่เริ่มยกระดับตัวเองมาเป็นผู้กว้างขวาง โดยเริ่มขึ้นจากการที่กำนันเป๊าะตัดสินใจเป็นหัวคะแนนสนับสนุน บุญชู โรจนเสถียร แห่งพรรคกิจสังคมลงแข่งขันทางการเมืองกับ พล.ต.ศิริ สิริโยธิน ที่มี จุมพล สุขภารังษี หรือ เสี่ยจิว อดีตเจ้าพ่อคนดังที่ทรงอิทธิพลในขณะนั้น และสุดท้ายกำนันเป๊าะก็ประสบความสำเร็จเมื่อสามารถส่งบุญชูให้เป็น ส.ส.ได้สำเร็จ

ต่อมาเมื่อ "เสี่ยจิว" ถูกยิงตาย เมื่อเดือนมิถุนายน 2524 ภาพของ "กำนันเป๊าะ" จึงโดดเด่นขึ้นมา ในฐานะผู้สนับสนุน "นิคม แสนเจริญ" น้องของ "สติล คุณปลื้ม" ให้เข้าสู่การเมืองท้องถิ่น โดยลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี หลังจากนั้นก้าวเข้าสู่ระดับประเทศโดยลงสมัคร ส.ส. ในนามของพรรคกิจสังคม

เมื่อปี 2529 กำนันเป๊าะ เข้าสู่การเมือง ในฐานะนายกเทศมนตรีตำบลแสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี พร้อมตั้งบริษัท บางแสนมหานคร จำกัด บริษัทแห่งนี้มีผู้ถือหุ้นใหญ่ เป็นคนของตระกูลคุณปลื้ม-แสนเจริญ (นามสกุลฝ่ายภรรยาของนายสมชาย : นางสติล) การขยายธุรกิจของกำนันเป๊าะ จึงอิงกับการพัฒนาบางแสน พื้นที่ซึ่งมีบทบาทในฐานะกำนันและนายกเทศมนตรีในขณะนั้น

ด้วยความเป็นคนกว้างขวางใน จ.ชลบุรี ทำให้การเลือกตั้งทุกครั้ง คนของฝั่งกำนันเป๊าะ จะได้รับเลือกเข้ามา ขณะเดียวกันยังได้แตกแขนงธุรกิจเพิ่มเติมด้วยการจัดตั้ง บริษัท ชลบุรีแฮปปี้เวิร์ล จำกัด ในเดือนเมษายน 2530 และธุรกิจของกำนันเป๊าะกับครอบครัว ก็แตกออกไปมากขึ้นเป็นลำดับ ตามอิทธิพลทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้“กำนันเป๊าะ”มีทั้งอำนาจรัฐ อำนาจเงินพุ่งแรงติดจรวด เป็นเพราะการสร้างเครือข่ายผู้ใหญ่บ้าน กำนัน องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาลทั้งหมด รวมทั้งเมืองพัทยาและองค์การบริหารส่วนจังหวัด ใหญ่โต บารมี จากธุรกิจที่นับวันจะใหญ่ขึ้นๆ และขยายแตกไลน์ไปเยอะแยะ “กำนันเป๊าะ” จำเป็นต้องมีฐานอำนาจรัฐคุ้มกัน นั่นก็คือการเมืองสนามใหญ่ จึงส่งมือไม้ แขนขา ลูกเต้า ลงไปยึดเก้าอี้มาไว้ในครอบครอง

ครั้นเมื่อคณะ รสช. (คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ) ทำการรัฐประหารในเดือนกุมภาพันธ์ 2534 โดยการนำของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ หัวหน้า รสช. ชื่อ “กำนันเป๊าะ” ยิ่งดังขึ้นไปอีก เพราะสนิทสนมกับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ “บิ๊กจ๊อด” ไปร่วมงานวันเกิดเป็นที่ฮือฮา

ต่อมา “กำนันเป๊าะ” เข้าร่วมกับพรรคสามัคคีธรรม ซึ่งบรรดาคณะนายทหาร รสช.สนับสนุน โดยการส่ง นิคม แสนเจริญ น้องชายของ “สติล คุณปลื้ม” ภรรยา เข้าไปร่วมเป็นรองหัวหน้าพรรค และลงสมัครรับเลือกปี 2535 ครั้งที่ 1 ก่อนที่จะเกิดกรณีพฤษภาทมิฬปี 2535 ขึ้น และต้องมีการเลือกตั้งครั้ง 2 ของปี “นิคม แสนเจริญ” น้องภรรยาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขณะเดินทางไปช่วยพรรคปราศรัยหาเสียงที่จังหวัดภาคอีสาน

“กำนันเป๊าะ” จึงส่ง “สนธยา คุณปลื้ม” บุตรชายคนโตลงสมัครแทน นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งสายเลือดโดยตรงของกำนันเป๊าะขึ้นสู่เวทีการเมืองอย่างเต็มตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็น ส.ส. ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ ต่อมาส่งลูกชายคนรอง "วิทยา คุณปลื้ม" ลงเลือกตั้งก็ประสบความสำเร็จ ทำให้กำนันเป๊าะถือว่าเป็นหัวคะแนนคนสำคัญของ จ.ชลบุรี

ท้ายที่สุด ในการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 ด้วยบารมีของพ่อที่แม้จะเป็นนักโทษหนีคดีแต่ก็สามารถบัญชาการศึกเลือกตั้งจนสามารถกวาดเก้าอี้ ส.ส.จังหวัดชลบุรีได้ถึง 7 คน และเหลือเอาไว้ให้กับพรรคประชาธิปัตย์คือ สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เพียงเก้าอี้เดียว ด้วยคำสั่งของกำนันเป๊าะเพราะความสัมพันธ์อันดีกับ “ประโยชน์ เนื่องจำนงค์” ผู้กว้างขวางแห่งอำเภอบ้านบึงและบ่อทอง

วันนี้ ลูกชายทั้ง 3 คนของกำนันเป๊าะ คือ สนธยา วิทยา และอิทธิพล สามารถสร้างฐานทางการเมืองในพื้นที่ ผ่านบทบาทนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกเมืองพัทยา ก่อตั้งกลุ่มการเมืองพลังชล และสามารถเอาพื้นที่ทางการเมือง จากการเลือกตั้งที่เคยตกเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ ให้กลับคืนมาสู่ตระกูลคุณปลื้มได้อย่างเบ็ดเสร็จ

อย่างไรก็ตาม เส้นทางชีวิตของเจ้าพ่อภาคตะวันออกก็เดินทางมาถึงจุดจบเมื่อต้องเผชิญกับวิบากกรรมในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินเขาไม้แก้วและคดีจ้างวานฆ่ากำนันยูร กระทั่งต้องเดินทางไปกบดานใน จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา โดยได้รับความช่วยเหลือจากผู้กว้างขวางในแวดวงบ่อนการพนันใน จ.เกาะกง และพักอยู่ที่แกรนด์ ไดมอนด์ กาสิโน ใครๆ ก็รู้ว่ากาสิโนแห่งนี้เดิมเป็นของ "พัด สุภาภา" ประธานบริษัท เกาะกง อินเตอร์เนชั่นแนล รีสอร์ท คลับ จำกัด และ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายหน้าธุรกิจค้าของเถื่อน ผิดกฎหมายของกัมพูชา

ภายหลังถูกจับกุม ไม่มีใครรู้ว่าบั้นปลายชีวิต กำนันเป๊าะจะมีโอกาสได้กลับมาใช้ชีวิตนอกเรือนจำหรือไม่

ล้อมกรอบ//

ย้อนปูมคดีเขาไม้แก้ว-สั่งเก็บกำนันยูร

สำหรับกรรมเก่าของ กำนันเป๊าะ เริ่มขึ้นเมื่อปี 2536 คือ“คดีทุจริตที่ดินเขาไม้แก้ว” หรือคดีทุจริตในการจัดซื้อที่ดิน เพื่อใช้เป็นที่ฝังกลบขยะของเมืองพัทยา จำนวน 140 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยเมื่อปี 2536 เทศบาลเมืองพัทยามีโครงการจัดหาที่ดินเพื่อใช้เป็นที่กลบฝังขยะ

ต่อมากลับเกิดปัญหาขึ้น เมื่อมีผู้ร้องเรียนว่า ที่ดินผืนดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และมีหลักฐานว่าผู้ครอบครองที่ดินรู้เรื่องดียู่แล้ว เนื่องจากกรมที่ดิน และสำนักงานที่ดิน จ.ชลบุรี ได้เคยมีหนังสือเพิกถอนสิทธิไปก่อนหน้านั้น แต่ยังฝ่าฝืนและทำสัญญาซื้อขายกับทางเทศบาลเมืองพัทยา ไม่เพียงเท่านั้นยังพบข้อมูลที่เพิ่มน้ำหนักว่าเกิดการทุจริตขึ้นอย่างมโหฬาร เพราะมีหลักฐานว่า “พีระ ศิลรัตน์” ซื้อที่ดินแปลงนี้มาเมื่อปี 2535 ในราคาเพียงไร่ละ 50,000 บาท โดยที่ทั้งผู้ซื้อผู้ขายลงชื่อยอมรับเองว่าที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนฯ

กลายเป็นปมความผิดปกติ ทั้งเรื่องที่ดินในเขตป่าสงวนฯ และราคาขายที่พุ่งขึ้นมากกว่า 10 เท่าในระยะเวลาเพียงปีเดียว ทำให้ต้องมีการสืบสวนเชิงลึก ภายใต้การนำของ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส” เมื่อสมัยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ (ทำหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้าตำรวจภาค 2) ที่สืบทราบว่า “พีระ ศิลรัตน์” ผู้ขายที่ดินให้เมืองพัทยา ทำงานเป็นคนสวนอยู่ในบ้าน “กำนันเป๊าะ” นั่นเอง

เรื่องราวจึงโยงใยเชื่อมต่อมาถึงตัว “เจ้าพ่อภาคตะวันออก” จนทั้งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกามีคำพิพากษาให้จำคุก ซึ่ง “กำนันเป๊าะ” หลบหนีไปตั้งแต่ก่อนที่ศาลฎีกาจะพิพากษาเมื่อวันที่ 10พ.ค.50

นอกจากนั้น ถัดมาที่คดีจ้างวานฆ่า “กำนันยูร - ประยูร สิทธิโชติ” ผู้ทรงอิทธิพลร่วมเมืองชลบุรี ซึ่งความผิดคนละส่วนกับคดีที่ “กำนันยูร” ถูกสังหารเสียชีวิต เนื่องจากได้มีการวางแผนและจ้างวานให้สังหาร “กำนันยูร” มาเป็นระยะเวลาพอสมควร และด้วยความร้อนใจ ของผู้จ้างวาน จึงได้ติดต่อมือปืนหลายชุด จนสุดท้ายก็สามารถปลิดชีพ “กำนันยูร” ได้ตามแผน

เรื่องนี้มีผู้รู้เห็นมากเกินไป จนถึงหูตำรวจ ในขณะที่แกะรอยมือปืนต้องสงสัยหลายชุด ซึ่งมีการสอบสวนจนมีมือปืนชุดหนึ่งสารภาพและซัดทอดว่า “กำนันเป๊าะ” กับ “ส.ท.เหี่ยว - ภาสกร หอมหวล” คนสนิท เคยติดต่อให้สังหาร “กำนันยูร” แต่ถูกมือปืนชุดอื่นลงมือเสียก่อน

ปมความขัดแย้งจนถึงแตกหักของ “สองผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองชล” เริ่มมาจากการการขัดผลประโยชน์และมีการล้างแค้นระหว่างคนสนิทของ “สองผู้ยิ่งใหญ่” ทั้งการตายของ “ยุทธเป๋ - ประยุทธ สิทธิโชติ” ที่เป็นหลาน “กำนันยูร” เมื่อช่วงปี 2543 ซึ่งเกี่ยวโยงมาถึงการถูกยิงเสียชีวิต “พ.ต.ท.ไชยันต์ วิชัยดิษฐ์” รอง ผกก.5 บก.อก.ภาค 2 นายตำรวจคนสนิทของ “กำนันเป๊าะ” เมื่อปี 2545

กระทั่งวันที่ 9 มี.ค.46 “กำนันยูร” มีภารกิจสำคัญต้องไปร่วมงานเลี้ยงแต่งงานลูกสาวคหบดีชื่อดังที่เป็นเพื่อนสนิทกัน และเห็นว่ามีผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัดเดินทางมาจำนวนมาก รวมไปถึง “สนธยา คุณปลื้ม” ลูกชายกำนันเป๊าะ และเป็น ส.ส.ชลบุรี (ขณะนั้น) แต่ระหว่างงานเลี้ยงโต๊ะจีน มือปืนก็บุกเข้ามารัวกระสุนใส่ “กำนันยูร” สิ้นใจต่อหน้าแขกเหรื่อจำนวนมาก

ซึ่งปรากฎอยู่ในคำพิพากษาของศาลที่ระบุว่า “พยานโจทก์ทั้งสามปาก คือ นายธนาวุฒิ หรือ ติ เกิดเกียรติกุล นายพสิษฐ์ หรือ คิด แตงตุ้มรุ่งโรจน์ และนายธนาพล หรือเจี๊ยบ บุญศรีอุทัย เบิกความสอดคล้องต้องกันว่า ได้รับการติดต่อจากจำเลยที่ 1 (กำนันเป๊าะ) ให้ไปฆ่านายประยูร เนื่องจากจำเลยที่ 1 ไม่พอใจเรื่องที่ พ.ต.ท.ไชยันต์ ลูกน้องคนสนิทถูกยิงตาย

กำนันเป๊าะ เกรงว่านายประยูร จะจ้างคนมายิงเอาคืน จึงว่าจ้างนายธนาวุฒิ กับพวกเป็นเงิน 3 ล้านบาท วางแผนฆ่าผู้ตายเสียก่อน ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 ต.ค.45 ในงานพิธีเปิดอู่ซ่อมรถของนายพสิษฐ์ ครั้งที่ 2เมื่อ พ.ย.45 ขณะนายประยูรพร้อมคณะ เดินทางไปทอดกฐินที่จังหวัดสระบุรี ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.45 ในงานปีใหม่ที่ตำบลเสม็ด นายธนาวุฒิ ติดต่อให้ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา และ ส.อ.สมชาย บุนนาค เป็นผู้ลงมือ ครั้งที่ 4 วันที่ 16 ม.ค.46 ที่มหาวิทยาลัยบูรพา ทั้งนี้ การวางแผนฆ่านายประยูร ทั้ง 4 ครั้งไม่สำเร็จ เนื่องจากนายประยูรระมัดระวังตัว

กระทั่งเมื่อวันที่ 9 มี.ค.46 นายธนาวุฒิกับพวกเตรียมวางแผนฆ่านายประยูรอีกครั้ง ในงานแต่งงานที่ร้านไพรเวชค้าวัสดุ แต่ปรากฏว่า จ.ส.อ.ประดิษฐ์ คนใกล้ชิดจำเลยที่ 1 แจ้งว่า จำเลยที่ 1 สั่งระงับแผนฆ่าเนื่องจากมีข่าวรั่วไหล ทั้งนี้บันทึกคำให้การของนายธนาวุฒิและนายพสิษฐ์ ปรากฏว่าเคยให้การไว้หลายครั้ง และยืนยันมาตลอดว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ใช้จ้างวานฆ่าผู้ตาย”

คำให้การข้างต้นเป็นการมัดตัว “กำนันเป๊าะ - ส.ท.เหี่ยว” ให้ตกเป็นจำเลยคดีจ้างวานฆ่า “กำนันยูร” ทำให้หลังเกิดเหตุไม่นานตำรวจก็พบหลักฐานเชื่อมโยงและออกหมายจับ “กำนันเป๊าะ - ส.ท.เหี่ยว” ซึ่งได้หลบหนีไปพักใหญ่ ก่อนติดต่อเข้ามอบตัว และให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

กำลังโหลดความคิดเห็น