xs
xsm
sm
md
lg

จับ"กำนันเป๊าะ"ปิดตำนาน "เจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่แห่งภาคตะวันออก"

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ปฏิบัติการรวบ "กำนันเป๊าะ" ไม่ได้สำเร็จเพียงชั่วข้ามคืน แต่มันได้ถูกวางแผนกันอย่างลับสุดยอดมาเป็นเวลาสองเดือนกว่า โดยที่แม้แต่ทีมสืบสวนบางคนยังไม่มีโอกาสรู้เลยว่าเป้าหมายในการจับกุมครั้ง นี้คือกำนันคนดัง ที่มีบริวารว่านเครือมากมาย อีกทั้งยังมีลูกชายเป็นถึงรัฐมนตรีอีกด้วย

หลังวันที่ 30 กันยายน 2555 คลิปงานวันเกิด นายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ วัย 75 ปี เจ้าพ่อแห่งภาคตะวันออก จำเลยที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก 25 ปี คดี จ้างวานฆ่า นายประยูร สิทธิโชติ หรือกำนันยูร และถูกศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี 4 เดือน คดีทุจริตในการจัดซื้อที่ดินใน ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี แต่หลบหนีไปตั้งแต่ปี 2550 ก็แพร่สะพัดไปยังโลกไซเบอร์ อีกทั้งยังเป็นข่าวหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับ สร้างความสะทกสะเทือนใจแก่สุจริตชนที่เห็นนักโทษหนีคดียังเชิดหน้าชูตาใน สังคมได้

ชาวบ้านหลายคนที่รับไม่ได้กับการที่ต้องเห็นนักโทษหนีคุกยังใช้ชีวิตปกติสุข เช่นคนทั่วไปก็ได้ส่งจดหมายร้องเรียนมายังกองบัญชาการสอบสวนกลาง โดยเนื้อความแจ้งว่าพบเห็นนักโทษหนีคุกยังคงใช้ชีวิตตามปกติอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี โดยที่ไม่มีสีกากีหน้าไหนกล้าเข้าไปจับกุมแม้แต่หน่วยงานเดียว

หลังรับเรื่องร้องเรียนทาง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ได้ส่งเรื่องให้ พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผู้กำกับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม (ผกก.ปพ.บก.ป.) พ.ต.อ.อธิป จึงเรียก พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี สารวัตรกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ พ.ต.ท.วัฒนา ผลงานดี สารวัตรกองกำกับการ 3 กองปราบปราม ลูกน้องคนสนิทมาร่วมแกะรอยสืบสวน โดยเรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดห้ามแพร่งพรายให้ใครรู้

จากนั้น พ.ต.อ.อธิป ได้แบ่งกำลังออกเป็นสองชุด โดยชุดแรกให้ดำเนินการสืบค้นข้อมูลทางโซเซียลเน็ตเวิร์ค เช่นตามสำนักข่าวต่าง ๆ และเว็ปไซต์ยูทูป กระทั่งพบมีผู้ที่ใช้นามแฝงกว่า 50 รายชื่อ เข้ามาโพสต์บอกข้อมูลเกี่ยวกับกำนันเป๊าะ ซึ่งถือว่าข้อมูลละเอียดยิบมาก ๆ ทั้งยี่ห้อรถ เลขทะเบียนรถ บ้านเลขที่ ตึก โรงแรม ที่กำนันคนดังใช้เป็นที่หลบซ่อน ที่สำคัญคลิปที่ นายสมชาย โฟนอินมาถึงผู้ร่วมงานในงานวันเกิดที่บ้านนั้นมีผู้โพสต์มาว่าที่จริงแล้ว กำนันเป๊าะก็อยู่ในงานด้วย แต่อยู่บนชั้นสองของบ้าน

นอกจากนี้มีผู้นำข้อมูลการเลื่อนนัดต่อศาลของนายสมชาย มาโพสต์ด้วยว่า ก่อนหลบหนีกำนันเป๊าะได้ให้ทนายอ้างกับศาลว่าตนเองป่วยและต้องเข้ารับการ รักษาที่ โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์

ส่วนเจ้าหน้าที่อีกชุดได้ลงพื้นที่ออกหาข่าวรอบรั้วบ้านแสนสุข เลขที่ 3 ซอย 4 ถ.บางแสนล่าง ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี รังของกำนันคนดัง โดยสอบถามข้อมูลชาวบ้านและจับตาดูความเคลื่อนไหวภายในบ้านพบรถเข้าออกเกือบ 50 คัน ที่สำคัญรถทุกคันติดฟิล์มกรองแสงสีดำทึบจนมองไม่เห็นภายในรถ แต่เจ้าหน้าที่ก็ตัดออกไปทีละคัน ๆ จนเหลือรถเป้าหมายเพียงสิบคัน

แต่ตอนที่เฝ้าดูอยู่นั้นไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนได้เห็นตัวกำนันคนดังเลย

ระหว่างนั้น พ.ต.อ.อธิป และลูกน้องจัดเวรเฝ้าจุด 24 ชั่วโมง กระทั่งได้เบาะแสสำคัญ จึงจัดกำลังย่อยออกไปอีก 10 ชุด วางจุดให้อยู่ที่บริเวณบ้านแสนสุข ถนนสายสุขุมวิท สายมอเตอร์เวย์ และ โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์

กระทั่งเช้าวันที่ 30 ม.ค.พบรถยนต์ยี่ห้อเล็กซัส รุ่นอาร์เอ็กซ์ 270 สีดำ ทะเบียนฎฎ 9579 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถเป้าหมายและรถคุ้มกันอีก 2 คันก็ได้ขับออกจากบ้านมุ่งเข้ากรุงเทพฯ

เจ้าหน้าที่ที่ถูกฝึกมาอย่างดีจากนักสืบระดับโลกทั้งของประเทศอเมริกาและ แคนาดา ที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ นำมาเสริมเขี้ยวเล็บให้ก่อนหน้านี้ ก็สะกดรอยตามไป ซึ่งแม้แต่เจ้าพ่อที่ถือว่ารอบคอบเพราะเคยมีศัตรูรอบด้านคนหนึ่งก็ยังไม่ ระแคะระคาย กระทั่งรถคันดังกล่าวเข้าไปจอดสงบนิ่งที่โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ จากนั้นชุดสะกดรอยก็พบว่าชายในรถคือกำนันเป๊าะผู้ต้องหาหนีคดีที่เจ้าหน้าที่ต้องการตัวนั่นเอง

แต่การที่จะเข้าไปจับกุมเจ้าพ่อภาคตะวันออกนั้นย่อมเสี่ยงต่อการปะทะหรือยิง ต่อสู้ พ.ต.อ.อธิป จึงเน้นย้ำให้กำลังชุดที่จะเข้าจับกุมอย่าเพิ่งวู่วาม และให้รอก่อน เนื่องจาก ประเมินว่าเป็นไปได้ที่ นายสมชาย อาจจะนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งการจับกุมจะง่ายขึ้นเพราะไม่มีทางต่อสู้หรือหลบหนีแน่นอน

10 โมงเช้า นายสมชาย ก็เดินทางออกจากโรงพยาบาลด้วยรถคันเดิม ชุดสะกดรอยจึงรายงานให้ทราบ พ.ต.อ.อธิป จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่คอมมานโดอาวุธครบมือและชุดคอนแท็คแอนคัฟเวอร์ประมาณ 10 นาย ไปดักซุ่มรอที่บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี ขาออก เขตลาดกระบัง กทม. ตามเส้นทางที่รถเป้าหมายใช้ เพราะจุดนั้นจะเป็นจุดที่รถต้องจอดจ่ายเงินและพ.ต.อ.อธิป ประเมินแล้วว่าเป็นจุดเสี่ยงน้อยที่สุด เนื่องจากไม่มีรถ พลุกพล่าน

เมื่อรถเป้าหมายมาถึงขณะที่โชว์เฟอร์ร่างท้วม ผิวขาวกำลังยื่นเงินให้พนักงานเก็บเงินที่ด่าน ชุดจับกุมก็ใช้รถปิดล้อมทั้งด้านหน้าและด้านหลังเอาไว้ พร้อมกับเข้าชาร์จโดยดึงตัวคนขับและออกนอกรถและเข้าไปนั่งประกบกำนันเปาะ และขับรถแทน โดยในรถพบว่ามีทั้งหมด 4 คน ฝั่งด้านซ้ายมีนายวินัย พ้นภัยพาล อายุ 50 ปี กำนัน ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี ส่วนเบาะนั่งด้านหลังรถ มีนายสมชาย คุณปลื้ม นั่งอยู่ และอีกรายเป็นแพทย์หญิง ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวของนายสมชาย จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายจับและยึดโทรศัพท์ คนในรถทั้งหมดเพื่อไม่ให้มีการติดต่อสื่อสารกับใคร ก่อนควบคุมตัวทั้งหมดมายังกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กก.ปพ.บก.ป.(คอมมานโด โชคชัย 4) เพื่อทำบันทึกการจับกุม โดยที่ นายสมชาย ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด

จากการตรวจค้นภายในรถยนต์คันดังกล่าว พบถุงใส่กระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 12 จำนวน 6 นัด ซุกซ่อนอยู่ที่ใต้เบาะที่นั่งคนขับ ส่วนบริเวณกระโปรงหลังรถ พบถุงยาจำนวนหนึ่งของ โรงพยาบาลสมิติเวช สาขาศรีนครินทร์ และพบใบเสร็จค่ายาในชื่อ “นายกิม แซ่ตั้ง” จึงเก็บรวบรวมทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน

แม้ว่าจะจับกุมตัวได้แล้ว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ รู้ดีว่าหากข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป อาจจะถูกต่อรองจากฝ่ายการเมือง และผู้บังคับบัญชาได้ จึงปิดเรื่องนี้อย่างเงียบสนิท โดยบอกผู้สื่อข่าวทุกสำนักแต่เพียงว่าเป็นผู้ต้องหาระดับประเทศ

เมื่อประตูรถถูกเปิดออกสื่อทั้งหมดก็เห็นกำนันเป๊าะเดินลงมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ผบช.ก.จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.สุพิศาล รายงานไปยัง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ต่อหน้ากล้องทีวีหลายกล้อง

ป้องกันผู้ใหญ่ขอมา

“บอกได้เลยว่าคดีนี้ไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ผมทำตามหน้าที่ คดีใหญ่ ๆ ผู้มีอิทธิพลเป็นหน้าที่ของหน่วยเราอยู่แล้ว ผมทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา คดีนี้ไม่ได้ลึกลับสลับซับซ้อนเพียงแต่ว่าการจะจับกุมผู้ต้องหาระดับประเทศ นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องละเอียด รอบคอบ ผมหายไปสองเดือนไปเฝ้าจุด ไปวางแผนกับลูกน้อง กระทั่งจับกุมกำนันได้ ซึ่งหากปล่อยไปถึงวันเกิดกำนันในปีนี้ก็จะมีจดหมายจากประชาชนร้องเรียนเข้ามาอีก ” พ.ต.อ.อธิป กล่าว

ส่วน พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ กล่าวว่า สำหรับการจับกุมกำนันเป๊าะในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องการเมืองแต่อย่างใด ทางเราได้รับข้อมูลทั้งทางโซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค และการร้องเรียนของประชาชนเข้ามามากเป็นเวลาหลายเดือน จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่กองปราบไปสืบสวนฝังตัวหาข่าวจนสามารถจับกุมตัวได้ดัง กล่าว ที่ผ่านมาที่จับไม่ได้ก็เข้าใจการทำงานของตำรวจดีว่า ถ้าเข้าไปโดยไม่มีข้อมูลอาจจะถูกฟ้องร้องได้ แต่การจับกุมครั้งนี้ขอยืนยันไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังแน่นอน แต่เป็นการกู้ภาพพจน์ให้ตำรวจดีขึ้นเท่านั้น

ถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงในรอบปีของตำรวจกองปราบปราบที่ใช้เทคนิคการสืบสวนสมัยใหม่ก็สามารถตามลากคอนักโทษหนีคุกมาดำเนินคดีได้ แม้จะรวยล้นฟ้าหรือยิ่งใหญ่แค่ไหนหากทำผิดก็ต้องได้รับโทษทัณฑ์ เช่นนั้นแล้วกฎหมายบ้านเมืองถึงจะศักดิ์สิทธิ์ และคำกระแนะกระแหนกระบวนการยุติธรรมไทยที่ว่าคุกมีไว้ขังหมากับคนจนก็จะกลายเป็นแค่คำพูดลอย ๆ เท่านั้น

เพราะพาดข่าวหัวไม้หนังสือพิมพ์ไทยทุกฉบับ...

"คอมมานโดบุกรวบกำนันเป๊าะคาด่านลาดกระบัง"

ปิดตำนาน "เจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่แห่งภาคตะวันออก" สะท้อนให้ให้ว่า "ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม" จริง ๆ...



กำลังโหลดความคิดเห็น