ASTVผู้จัดการรายวัน - บิ๊กอสังหาฯ พาเหรดลงสนาม “คอนโดฯล้านต้นๆ” ทั้งในกทม. - ต่างจังหวัด ระบุกำลังซื้อเพียบ เน้นทำเลชุมชน ตลาดเก่า แหล่งงาน สถานศึกษา ยอมรับบางทำเลสินค้ามากเกินไป แต่ไม่สนคำเตือนศูนย์ข้อมูลฯ แนะไม่ควรผลิตเกินปีละ 60,000 หน่วย หวั่นโอเวอร์ซัปพลาย
ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของวงการอสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับตลาดคอนโดมิเนียมที่ร้อนแรงมาตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แม้ในภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมยังไม่ถึงขั้นโอเวอร์ซัปพลาย แต่ในบางทำเลถือว่ามีสินค้ามากเกินไป เช่น นนทบุรี จตุจักร-ห้วยขวาง, ดินแดง สุขุมวิทตอนปลาย รวมไปถึงต่างจังหวัดในบางจังหวัด ได้แก่ พัทยา หัวหิน ชะอำ ซึ่งแต่ละทำเลเปิดตัวคอนโดฯใหม่เกิน 10,000 ยูนิต
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ในปี 2555 ที่ผ่านมามีโครงการคอนโดฯเปิดขายใหม่ในเขตกรุงเทพ-ปริมลฑล รวม 62,580 ยูนิต แบ่งตามระดับราคา จะพบว่า ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 9,140 ยูนิต, ราคาตั้งแต่ 1-1.99 ล้านบาท มีมากถึง 29,830 ยูนิต, ราคา 2-2.99 ล้านบาท จำนวน 11,140 ยูนิต, ราคา 3-4.99 ล้านบาท มีจำนวน 7,8410 ยูนิต, ราคา 5-7.49 ยูนิต จำนวน 3,050 ยูนิต, ราคา 7.5-9.99 ล้านบาท จำนวน 700 ยูนิต และราคาเกินกว่า 10 ล้านบาท จำนวน 880 ยูนิต
“ จากตัวเลขตัวดังกล่าว จะพบว่า มีคอนโดระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท เข้าสู่ตลาดมากถึง 38,970 ยูนิต แม้ว่าคอนโดฯในระดับนี้จะมีความต้องการสูง แต่ไม่ใช่ทุกทำเล และในบางทำเลมีสินค้าเก่าค้างอยู่จำนวนมาก ซึ่งผู้ประกอบการเองก็ยอมรับว่ามากจริง และหากผู้ประกอบการยังคงโหมพัฒนาสินค้าออกมามากเช่นที่ผ่านมาอีก อาจเกิดปัญหาโอเวอร์ซัปพลายได้ ดังนั้นจึงขอใช้คำว่า “แนะนำ” ให้ผู้ประกอบการลดปริมาณการผลิตลงไม่ให้เกิน 60,000 ยูนิต/ปี ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสม” นายสัมมากล่าว
บิ๊กอสังหาฯส่งคอนโดฯล้านต้นชิงแชร์
แม้จะมีเสียงเตือนดังๆ จากศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ว่ามีคอนโดฯอยู่ในตลาดมากเกินไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ประกอบการชะลอการลงทุน ในทางตรงข้ามกลับประกาศเปิดตัวมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะคอนโดฯราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่ทุกค่ายต่างประกาศจะใช้เป็นหัวหอกในการแย่งส่วนแบ่งการตลาดในปี 56 แม้กระทั้งผู้ประกอบการบ้านหรู แบรนด์ดังหลายราย ที่เคยประกาศว่าจะไม่ลงมาเล่นบ้าน คอนโดฯราคาถูก เพราะกลัวเสียภาพลักษณ์ มาถึงปัจจุบันต้องกลืนน้ำลาย ลดตัวลงมาทำตลาดนี้
ตะลึงแอล.พี.เอ็น.ผุดโปรเจคยักษ์หมื่นยูนิต
สำหรับผู้ประกอบการที่ถือว่าเป็นเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมกลาง-ล่าง คงต้องเอ่ยถึงบริษัทแอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่พัฒนาคอนโดฯ มาช้านาน โดยเฉพาะระดับกลาง-ล่าง แบรนด์คอนโดฯไม่เกิน 2 ล้านบาทของ แอล.พี.เอ็น ได้แก่ ลุมพินี วิวล์ และลุมพินี คอนโดทาวน์ ซึ่งนอกจากทำเล กรุงเทพ-ปริมณฑลแล้ว แอล.พี.เอ็น.ยังไปลงทุนในต่างจังหวัดซึ่งได้แก่ ชลบุรี หัวหิน ชะอำ และขอนแก่น
ไฮไลต์ของ แอล.พี.เอ็น.ในปีนี้เห็นจะเป็นโครงการชุมชนเมืองขนาดใหญ่บนเนื้อที่ 100 ไร่ ย่านรังสิตคลอง 1 โดยเบื้องต้นจะพัฒนาประมาณ 50 อาคาร แบ่งเป็นเฟสๆ จำนวนกว่า 10,000 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอย 21-25 ตารางเมตร ราคาประมาณ 5-6 แสนบาท คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง
เกิดคำถามตามมาทันทีว่า โครงการใหญ่ขนาดนี้แอล.พี.เอ็น.จะขายให้ใคร ลูกค้าที่จะมีซื้อคอนโดฯ ภายในโครงการเดียวกันได้มากถึง 12,000 ครอบครัวเลยหรือ จะบริหารชุมชนอย่างไร แม้ว่าที่ผ่านมาแอล.พี.เอ็น.จะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีศักยภาพในการบริหารชุมชน แต่นั้นแค่ 3,000-4,000 ยูนิต... แต่นี่ 12,000 ยูนิต ซึ่งคำตอบคงได้รู้ในเร็วๆนี้
แสนสิริส่ง “ดี คอนโดฯ” ชิงเค้กก้อนโต
ในขณะที่บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ประกาศส่งแบรนด์ “ดี คอนโด” ราคาล้านต้นๆ บุกตลาด หลังจากที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในช่วงที่ผ่านมา ถึง 14 โครงการ โดยในไตรมาสแรกของปีนี้เตรียมเปิดอีก 6 โครงการ จากแผนทั้งปี 8 โครงการ กลุ่มลูกค้าของดีคอนโดจะเป็นกลุ่มคนทำงาน ที่มีไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยใกล้ระบบแมสทรานซิส ไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพ ปริมณฑล หรือในต่างจังหวัดก็ตาม ในขณะที่แบรนด์ เดอะเบส ซึ่งอีกแบรนด์ที่มีระดับราคาเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ 1.5 ไปจนถึง 2-3 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับทำเล โดยลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นผู้ที่ชื่นชอบการอยู่อาศัยในเมือง
LHส่งคอนโดฯพรีแฟ็บชิมลาง
ด้านบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH ประกาศลงสู้ศึกสนามนี้เช่นกัน แม้ว่าที่ผ่านมาจะยังไม่ลงมาแข่งขันในตลาดล่าง ซึ่งก่อนหน้านี้แบรนด์คอนโดฯที่ราคาถูกที่สุดของบริษัท คือ เดอะ คีย์ ระดับราคา 2 ล้านบาทบวกลบ แต่ส่วนใหญ่จะ 2 ล้านบาทขึ้น คอนโดฯใหม่ที่แลนด์ฯ จะพัฒนาออกสู่ตลาดจะก่อสร้างด้วยระบบพรีแฟ็บ ความสูง 8 ชั้น ขนาดห้องประมาณ 30 ตร.ม. ระดับราคา เฉลี่ย 1.2-1.5 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ในช่วงปลายปีนี้ โดยบริษัทมีแผนจะนำออกมาทดสอบตลาดในช่วงแรก 4-5 โครงการและดูกระแสตอบรับ หากผลตอบรับดี แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ก็พร้อมที่จะลุยตลาดนี้ทันที
บริษัทข้างต้นเป็นเพียงบางส่วนของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ลงทุนตลาดตลาดคอนโดฯล้านต้นๆ ซึ่งยังมีรายใหญ่อีกหลายร่าย อาทิ พฤกษา, ศุภาลัย, พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้, แกรนด์ยูนิตี้, อนันดา และควอลิตี้เฮ้าส์ เป็นต้น (ดูตารางประกอบ) ซึ่งทุกรายล้วนมีประสบการณ์ และเม็ดเงินในการลงทุนทั้งสิ้น ดังนั้นเชื่อว่าในปี 56 นี้การแข่งต้องดุเดือดแน่นอน ผลที่ตามมาคือรายเล็กเกิดยาก ไม่แนะนำให้เข้าไปสู้ แต่สู้ลำบาก ต้องหาสินค้า หรือทำเลที่ไม่มีคู่แข่ง หรือที่รายใหญ่มองข้าม แต่ที่สำคัญต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดโอเวอร์ซัปพลายในภายหลัง.
ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของวงการอสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับตลาดคอนโดมิเนียมที่ร้อนแรงมาตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แม้ในภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมยังไม่ถึงขั้นโอเวอร์ซัปพลาย แต่ในบางทำเลถือว่ามีสินค้ามากเกินไป เช่น นนทบุรี จตุจักร-ห้วยขวาง, ดินแดง สุขุมวิทตอนปลาย รวมไปถึงต่างจังหวัดในบางจังหวัด ได้แก่ พัทยา หัวหิน ชะอำ ซึ่งแต่ละทำเลเปิดตัวคอนโดฯใหม่เกิน 10,000 ยูนิต
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ในปี 2555 ที่ผ่านมามีโครงการคอนโดฯเปิดขายใหม่ในเขตกรุงเทพ-ปริมลฑล รวม 62,580 ยูนิต แบ่งตามระดับราคา จะพบว่า ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 9,140 ยูนิต, ราคาตั้งแต่ 1-1.99 ล้านบาท มีมากถึง 29,830 ยูนิต, ราคา 2-2.99 ล้านบาท จำนวน 11,140 ยูนิต, ราคา 3-4.99 ล้านบาท มีจำนวน 7,8410 ยูนิต, ราคา 5-7.49 ยูนิต จำนวน 3,050 ยูนิต, ราคา 7.5-9.99 ล้านบาท จำนวน 700 ยูนิต และราคาเกินกว่า 10 ล้านบาท จำนวน 880 ยูนิต
“ จากตัวเลขตัวดังกล่าว จะพบว่า มีคอนโดระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท เข้าสู่ตลาดมากถึง 38,970 ยูนิต แม้ว่าคอนโดฯในระดับนี้จะมีความต้องการสูง แต่ไม่ใช่ทุกทำเล และในบางทำเลมีสินค้าเก่าค้างอยู่จำนวนมาก ซึ่งผู้ประกอบการเองก็ยอมรับว่ามากจริง และหากผู้ประกอบการยังคงโหมพัฒนาสินค้าออกมามากเช่นที่ผ่านมาอีก อาจเกิดปัญหาโอเวอร์ซัปพลายได้ ดังนั้นจึงขอใช้คำว่า “แนะนำ” ให้ผู้ประกอบการลดปริมาณการผลิตลงไม่ให้เกิน 60,000 ยูนิต/ปี ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสม” นายสัมมากล่าว
บิ๊กอสังหาฯส่งคอนโดฯล้านต้นชิงแชร์
แม้จะมีเสียงเตือนดังๆ จากศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ว่ามีคอนโดฯอยู่ในตลาดมากเกินไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ประกอบการชะลอการลงทุน ในทางตรงข้ามกลับประกาศเปิดตัวมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะคอนโดฯราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่ทุกค่ายต่างประกาศจะใช้เป็นหัวหอกในการแย่งส่วนแบ่งการตลาดในปี 56 แม้กระทั้งผู้ประกอบการบ้านหรู แบรนด์ดังหลายราย ที่เคยประกาศว่าจะไม่ลงมาเล่นบ้าน คอนโดฯราคาถูก เพราะกลัวเสียภาพลักษณ์ มาถึงปัจจุบันต้องกลืนน้ำลาย ลดตัวลงมาทำตลาดนี้
ตะลึงแอล.พี.เอ็น.ผุดโปรเจคยักษ์หมื่นยูนิต
สำหรับผู้ประกอบการที่ถือว่าเป็นเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมกลาง-ล่าง คงต้องเอ่ยถึงบริษัทแอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่พัฒนาคอนโดฯ มาช้านาน โดยเฉพาะระดับกลาง-ล่าง แบรนด์คอนโดฯไม่เกิน 2 ล้านบาทของ แอล.พี.เอ็น ได้แก่ ลุมพินี วิวล์ และลุมพินี คอนโดทาวน์ ซึ่งนอกจากทำเล กรุงเทพ-ปริมณฑลแล้ว แอล.พี.เอ็น.ยังไปลงทุนในต่างจังหวัดซึ่งได้แก่ ชลบุรี หัวหิน ชะอำ และขอนแก่น
ไฮไลต์ของ แอล.พี.เอ็น.ในปีนี้เห็นจะเป็นโครงการชุมชนเมืองขนาดใหญ่บนเนื้อที่ 100 ไร่ ย่านรังสิตคลอง 1 โดยเบื้องต้นจะพัฒนาประมาณ 50 อาคาร แบ่งเป็นเฟสๆ จำนวนกว่า 10,000 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอย 21-25 ตารางเมตร ราคาประมาณ 5-6 แสนบาท คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง
เกิดคำถามตามมาทันทีว่า โครงการใหญ่ขนาดนี้แอล.พี.เอ็น.จะขายให้ใคร ลูกค้าที่จะมีซื้อคอนโดฯ ภายในโครงการเดียวกันได้มากถึง 12,000 ครอบครัวเลยหรือ จะบริหารชุมชนอย่างไร แม้ว่าที่ผ่านมาแอล.พี.เอ็น.จะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีศักยภาพในการบริหารชุมชน แต่นั้นแค่ 3,000-4,000 ยูนิต... แต่นี่ 12,000 ยูนิต ซึ่งคำตอบคงได้รู้ในเร็วๆนี้
แสนสิริส่ง “ดี คอนโดฯ” ชิงเค้กก้อนโต
ในขณะที่บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ประกาศส่งแบรนด์ “ดี คอนโด” ราคาล้านต้นๆ บุกตลาด หลังจากที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในช่วงที่ผ่านมา ถึง 14 โครงการ โดยในไตรมาสแรกของปีนี้เตรียมเปิดอีก 6 โครงการ จากแผนทั้งปี 8 โครงการ กลุ่มลูกค้าของดีคอนโดจะเป็นกลุ่มคนทำงาน ที่มีไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยใกล้ระบบแมสทรานซิส ไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพ ปริมณฑล หรือในต่างจังหวัดก็ตาม ในขณะที่แบรนด์ เดอะเบส ซึ่งอีกแบรนด์ที่มีระดับราคาเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ 1.5 ไปจนถึง 2-3 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับทำเล โดยลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นผู้ที่ชื่นชอบการอยู่อาศัยในเมือง
LHส่งคอนโดฯพรีแฟ็บชิมลาง
ด้านบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH ประกาศลงสู้ศึกสนามนี้เช่นกัน แม้ว่าที่ผ่านมาจะยังไม่ลงมาแข่งขันในตลาดล่าง ซึ่งก่อนหน้านี้แบรนด์คอนโดฯที่ราคาถูกที่สุดของบริษัท คือ เดอะ คีย์ ระดับราคา 2 ล้านบาทบวกลบ แต่ส่วนใหญ่จะ 2 ล้านบาทขึ้น คอนโดฯใหม่ที่แลนด์ฯ จะพัฒนาออกสู่ตลาดจะก่อสร้างด้วยระบบพรีแฟ็บ ความสูง 8 ชั้น ขนาดห้องประมาณ 30 ตร.ม. ระดับราคา เฉลี่ย 1.2-1.5 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ในช่วงปลายปีนี้ โดยบริษัทมีแผนจะนำออกมาทดสอบตลาดในช่วงแรก 4-5 โครงการและดูกระแสตอบรับ หากผลตอบรับดี แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ก็พร้อมที่จะลุยตลาดนี้ทันที
บริษัทข้างต้นเป็นเพียงบางส่วนของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ลงทุนตลาดตลาดคอนโดฯล้านต้นๆ ซึ่งยังมีรายใหญ่อีกหลายร่าย อาทิ พฤกษา, ศุภาลัย, พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้, แกรนด์ยูนิตี้, อนันดา และควอลิตี้เฮ้าส์ เป็นต้น (ดูตารางประกอบ) ซึ่งทุกรายล้วนมีประสบการณ์ และเม็ดเงินในการลงทุนทั้งสิ้น ดังนั้นเชื่อว่าในปี 56 นี้การแข่งต้องดุเดือดแน่นอน ผลที่ตามมาคือรายเล็กเกิดยาก ไม่แนะนำให้เข้าไปสู้ แต่สู้ลำบาก ต้องหาสินค้า หรือทำเลที่ไม่มีคู่แข่ง หรือที่รายใหญ่มองข้าม แต่ที่สำคัญต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดโอเวอร์ซัปพลายในภายหลัง.
