นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวว่า ในปี 56 บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ 13 โครงการ ทั้งใน กทม. ปริมณฑล และต่างจังหวัด รวมมูลค่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการใน กทม.จะยังเน้นทำเลที่เป็นชุมชนหนาแน่นไม่ไกลจากเมือง เช่น สุขสวัสดิ์ ลาดกระบัง-อ่อนนุช ศรีนครินทร์-พัฒนาการ เป็นต้น ส่วนในต่างจังหวัดจะมีโครงการที่หัวหิน ชะอำ นำร่องด้วยโครงการในย่านสุขสวัสดิ์ โดยจะเริ่มเปิดขายในเดือนกุมภาพันธ์ รวมทั้งแผนพัฒนา “ชุมชนเมืองขนาดใหญ่” กว่า 10,000 ยูนิต ในย่านรังสิต บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่
ส่วนเป้าหมายด้านยอดขายตั้งไว้ที่ 20,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 10% จากปี 55 ที่มียอดขาย 19,000 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายรายได้ตั้งไว้ที่ 15,000 ล้านบาท จากปี 55 มีรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 13,000 ล้านบาทเล็กน้อย เนื่องจากไม่สามารถโอนคอนโดมิเนียมให้ลูกค้าได้ทันตามกำหนด
ขณะที่ยอดขายรอรับรู้รายได้ (backlog) ในปัจจุบันมีประมาณ 18,000 ล้านบาท รับรู้ในปี 56 ประมาณ 12,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 5,500 ล้านบาท รับรู้ในปี 57 ทั้งนี้ในปี 56 บริษัทตั้งงบจัดซื้อที่ดินรวม 4,000 ล้านบาท เป็นการซื้อที่ดินในช่วงครึ่งปีหลังและในปี 57 เพื่อพัฒนาโครงการทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่แผนระดมเงินโดยการออกหุ้นกู้ แต่แหล่งทุนในการพัฒนาโครงการจะมาจากเงินกู้สถาบันการเงิน 50% ที่เหลือเป็นเงินทุนหมุนเวียน
นายโอภาส กล่าวต่อว่า ในปีที่ผ่านมามีคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ใน กทม.และปริมณฑลรวม 60,000 หน่วย ส่วนภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ก็ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีคอนโดฯเปิดใหม่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 6-7 หมื่นหน่วย แต่จะมีการพัฒนาคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัดมากขึ้น โดยที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ก็คงขยับขึ้น ส่วนจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการ ภาวะตลาด และกำลังซื้อ แต่ปกติจะปรับขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อที่ 3-5% ส่วนการขึ้นราคาของ LPN ขึ้นอยู่กับภาวะตลาด
ด้านปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ คือการประกาศผังเมืองใหม่ของกรุงเทพฯ ในเดือน พ.ค.56 ซึ่งจะกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งระบบ โดยต้องรอดูผลของการบังคับใช้ต่อไปว่าจะทำให้เกิดข้อจำกัดของการใช้พื้นที่มากน้อยแค่ไหน ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ในปีนี้ไม่มีผลกระทบมากนัก เนื่องจากส่งผลกระทบไปแล้วเมื่อปีก่อน เพราะโครงการก่อสร้างส่วนใหญ่ยังอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ แต่การขาดแคลนแรงงานจะเป็นปัญหามากกว่า ซึ่งในส่วนของ LPN อาจได้รับผลกระทบไม่มาก เนื่องจากมีพันธมิตรในการรับงานก่อสร้างโครงการ
“ผู้ประกอบการรายใหม่จะเกิดขึ้นได้ยาก เพราะไม่มีผู้รับเหมาในมือ ต่อไปตลาดคอนโดมิเนียมจะตกเป็นของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สามารถเจรจากับผู้รับเหมารายใหญ่ได้” นายโอภาสกล่าว
ด้านนางสาวสมศรี เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรสันติ จำกัด พัฒนาโครงการแนวราบ ในเครือ LPN กล่าวว่า ในปี 56 บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการแนวราบ 5 โครงการ รวม 500 ยูนิต มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ารับรู้รายได้ในปีนี้ที่ 1,000 ล้านบาท จากปี 55 ที่เปิดโครงการแนวราบ 2 โครงการ จำนวน 117 ยูนิต ภายใต้แบรนด์ ลุมพินี ทาวน์ เพลส และ ลุมพินี ทาวน์ เรสซิเด้นท์ และมีรายได้รวม 670 ล้านบาท
"บริษัทตั้งเป้าที่จะมีสัดส่วนรายได้ที่ 10% ของบริษัทแม่ ซึ่งปีนี้ จะเริ่มเปิดตัวโครงการแรกย่านสุขุมวิท ในช่วงปลายไตรมาส 1 มีราคาเริ่มต้นหลังละ 4.5 ล้านบาท" นางสาวสมศรี กล่าว