ASTVผู้จัดการรายวัน- ภาคธุรกิจระดมสมองจวกการเมือง”ขึ้นค่าแรง300บ. เพื่อประชานิยมลูกเดียว ผวาใช้หาเสียงเพิ่มอีกเตรียมล่ารายชื่อเอกชนยื่นกกต.เบรกการเมืองใช้นโยบายดังกล่าวหวังแก้ปัญหาที่ต้นตอ ยอมรับที่ผ่านมาถือเป็นบทเรียน กางผลสำรวจย้ำ”ปู”ค่าแรงที่ขึ้นจะส่งผลให้ธุรกิจปิดกิจการ 24.44%
นายประสงค์ แสนปราชญ์ ประธานกลุ่มสภาอุตสาหกรรม ภาคตะวันออก เปิดเผยภายหลังการประชุมระดมความเห็นเรื่อง”ผลกระทบการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวันและข้อเสนอแนะมาตรการช่วยเหลือของภาคเอกชนเมื่อวันที่ 21 ม.ค.ว่า เร็วๆนี้ส.อ.ท.จะร่วมมือกับภาคธุรกิจในเครือข่ายต่างๆ เพื่อรวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในการเสนอให้ระงับพรรคการเมืองทุกแห่งที่จะนำนโยบายประชานิยมมาหาเสียงโดยเฉพาะการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศเพื่อป้องกันและป้องปรามก่อนที่ฝ่ายการเมืองจะเดินหน้าหาเสียงอีกรอบหลังจากได้ปรับขึ้นค่าจ้างทั่วประเทศ 300 บาทต่อวัน
“เป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นทางก่อนที่การเมืองจะหาเสียงไปมากกว่านี้ ที่ผ่านมาขึ้น 300 บาทต่อวันถือว่าเป็นบทเรียนของเรา ที่การเมืองนำมาเป็นประชานิยมที่เน้นฐานเสียงผู้ใช้แรงงาน 17 ล้านคนเป็นหลักขณะที่ความเดือดร้อนของธุรกิจและผู้บริโภคที่ต้องรับราคาสินค้าแพงรัฐบาลกลับไม่คำนึงถึง” นายประสงค์กล่าว
การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นการทำลายระบบไตรภาคีโดยสิ้นเชิง ทั้งที่ผ่านมาจะต้องพิจารณาจากทุกส่วนและต้องเป็นที่ยอมรับและการขึ้นค่าจ้างแต่ละพื้นที่จะต้องดูความเหมาะสม การปรับขึ้นเท่ากันทั่วประเทศทำลายอุตสาหกรรมต่างจังหวัดที่มีต้นทุนขนส่งที่แพงกว่า
นายวุฒิไกร สุวรรณวานิช เลขาธิการส.อ.ท.จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ค่าแรงที่ปรับขึ้นทั่วประเทศครั้งนี้กระทบโดยตรงกับโรงงานของตนที่ผลิตเสื้อตามสั่งทุกสไตล์ที่ จ.ขอนแก่นเพราะต้องใช้แรงงานจำนวนมากส่งผลให้ล่าสุดต้องปรับราคารับออร์เดอร์เสื้อผ้ากับลูกค้าแล้ว 5% โดยเฉพาะชุดนักเรียน นักศึกษา และเชื่อว่าหลายอุตสาหกรรมที่เป็นขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี)ก็จะต้องหนีไม่พ้นการขึ้นราคาสินค้า อย่าลืมว่าเมื่อธุรกิจเดือดร้อนที่สุดก็กระทบเป็นลูกโซ่ไปยังผู้ใช้แรงงาน และรัฐควรตระหนักว่าค่าจ้างขั้นต่ำที่ขึ้นทำให้การขึ้นค่าแรงต้องปรับทั้งระบบ
“ถ้าธุรกิจเจ๊งเพราะค่าแรง 300 บาทต่อวันที่รัฐบาลกำหนดขึ้นมา ผมเองก็อยากรู้นะว่าจะฟ้องร้องได้หรือเปล่า”
***กางผลสำรวจตอกย้ำ”ปู”
นายธนิต โสรัตน์ เลขาธิการและรักษาการประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า ได้ทำแบบสำรวจผลกระทบค่าจ้างกับภาคเอกชนครอบคลุมทุกอุตสาหกรรมทั้งหอการค้าและสมาคมต่างๆ 1,000 รายและมีผู้ตอบกลับมากว่า 400 รายพบว่า ธุรกิจขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี)ทั้งหมดได้รับผลกระทบเชิงกำไรที่ลดลงและถึงขาดทุนปรากฏว่าธุรกิจจะกำไรลดลง 44.44% และขาดทุน 35.56% ไม่มีรายใดที่ระบุว่าจะมีกำไรมากขึ้นหรือคงเดิมแม้แต่รายเดียว
นอกจากนี้ ยังมีการระบุถึงโอกาสการปิดกิจการ 24.44% พอประคองธุรกิจได้ 64.44% และยังไม่แน่ใจ 11.11% ขณะที่โอกาสที่เอสเอ็มอีไทยจะย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศพบว่า ส่วนใหญ่ 81.82% ไม่มีนโยบายย้ายฐานการผลิต ขณะที่ 18.18% มีแนวคิดไปเพื่อนบ้าน และประเทศที่นักลงทุนต้องการไป 50% เป็นพม่า
นายประสงค์ แสนปราชญ์ ประธานกลุ่มสภาอุตสาหกรรม ภาคตะวันออก เปิดเผยภายหลังการประชุมระดมความเห็นเรื่อง”ผลกระทบการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวันและข้อเสนอแนะมาตรการช่วยเหลือของภาคเอกชนเมื่อวันที่ 21 ม.ค.ว่า เร็วๆนี้ส.อ.ท.จะร่วมมือกับภาคธุรกิจในเครือข่ายต่างๆ เพื่อรวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในการเสนอให้ระงับพรรคการเมืองทุกแห่งที่จะนำนโยบายประชานิยมมาหาเสียงโดยเฉพาะการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศเพื่อป้องกันและป้องปรามก่อนที่ฝ่ายการเมืองจะเดินหน้าหาเสียงอีกรอบหลังจากได้ปรับขึ้นค่าจ้างทั่วประเทศ 300 บาทต่อวัน
“เป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นทางก่อนที่การเมืองจะหาเสียงไปมากกว่านี้ ที่ผ่านมาขึ้น 300 บาทต่อวันถือว่าเป็นบทเรียนของเรา ที่การเมืองนำมาเป็นประชานิยมที่เน้นฐานเสียงผู้ใช้แรงงาน 17 ล้านคนเป็นหลักขณะที่ความเดือดร้อนของธุรกิจและผู้บริโภคที่ต้องรับราคาสินค้าแพงรัฐบาลกลับไม่คำนึงถึง” นายประสงค์กล่าว
การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นการทำลายระบบไตรภาคีโดยสิ้นเชิง ทั้งที่ผ่านมาจะต้องพิจารณาจากทุกส่วนและต้องเป็นที่ยอมรับและการขึ้นค่าจ้างแต่ละพื้นที่จะต้องดูความเหมาะสม การปรับขึ้นเท่ากันทั่วประเทศทำลายอุตสาหกรรมต่างจังหวัดที่มีต้นทุนขนส่งที่แพงกว่า
นายวุฒิไกร สุวรรณวานิช เลขาธิการส.อ.ท.จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ค่าแรงที่ปรับขึ้นทั่วประเทศครั้งนี้กระทบโดยตรงกับโรงงานของตนที่ผลิตเสื้อตามสั่งทุกสไตล์ที่ จ.ขอนแก่นเพราะต้องใช้แรงงานจำนวนมากส่งผลให้ล่าสุดต้องปรับราคารับออร์เดอร์เสื้อผ้ากับลูกค้าแล้ว 5% โดยเฉพาะชุดนักเรียน นักศึกษา และเชื่อว่าหลายอุตสาหกรรมที่เป็นขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี)ก็จะต้องหนีไม่พ้นการขึ้นราคาสินค้า อย่าลืมว่าเมื่อธุรกิจเดือดร้อนที่สุดก็กระทบเป็นลูกโซ่ไปยังผู้ใช้แรงงาน และรัฐควรตระหนักว่าค่าจ้างขั้นต่ำที่ขึ้นทำให้การขึ้นค่าแรงต้องปรับทั้งระบบ
“ถ้าธุรกิจเจ๊งเพราะค่าแรง 300 บาทต่อวันที่รัฐบาลกำหนดขึ้นมา ผมเองก็อยากรู้นะว่าจะฟ้องร้องได้หรือเปล่า”
***กางผลสำรวจตอกย้ำ”ปู”
นายธนิต โสรัตน์ เลขาธิการและรักษาการประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า ได้ทำแบบสำรวจผลกระทบค่าจ้างกับภาคเอกชนครอบคลุมทุกอุตสาหกรรมทั้งหอการค้าและสมาคมต่างๆ 1,000 รายและมีผู้ตอบกลับมากว่า 400 รายพบว่า ธุรกิจขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี)ทั้งหมดได้รับผลกระทบเชิงกำไรที่ลดลงและถึงขาดทุนปรากฏว่าธุรกิจจะกำไรลดลง 44.44% และขาดทุน 35.56% ไม่มีรายใดที่ระบุว่าจะมีกำไรมากขึ้นหรือคงเดิมแม้แต่รายเดียว
นอกจากนี้ ยังมีการระบุถึงโอกาสการปิดกิจการ 24.44% พอประคองธุรกิจได้ 64.44% และยังไม่แน่ใจ 11.11% ขณะที่โอกาสที่เอสเอ็มอีไทยจะย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศพบว่า ส่วนใหญ่ 81.82% ไม่มีนโยบายย้ายฐานการผลิต ขณะที่ 18.18% มีแนวคิดไปเพื่อนบ้าน และประเทศที่นักลงทุนต้องการไป 50% เป็นพม่า