สภาพรัฐบาลแม่นางโพยปูโพรกเน่าในดูเผินๆ แล้วทำให้น่าเชื่อว่าดำรงความแข็งแกร่ง มีขบวนการขี้ข้าไพร่ทาสน้ำเงินผสมกันเป็นผนังฉาบเลือดเนื้อคนเสื้อแดง มีกำแพงเหล็กประกอบไปด้วยตำรวจ ทหาร อัยการ องค์กรขี้ข้าทักษิณเป็นพลังหนุน บักเหลี่ยมคนหนีคุกยืนทะมึนบงการรอบทิศทางแบบสัมภเวสีเร่ร่อน
รัฐไทยภายใต้รัฐบาลแม่นางโพยเป็นเพียงหุ่นเชิด กุมอำนาจรัฐ จัดการแบ่งปันผลประโยชน์ในกลุ่มหุ้นส่วนซึ่งประกอบเป็นองค์กรอาชญากรรมการเมือง มีอำนาจรัฐ อำนาจเถื่อน กองกำลังใต้ดิน กุ๊ย นักรับจ้างระรานตีหัวฝ่ายตรงข้าม
ย้ำอีกครั้ง ประเทศส่วนใหญ่ในโลก เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ มีรัฐบาลเป็นรูปร่าง องค์กร องคาพยพชัดเจน ต่างจากรัฐบาลแม่นางโพยซึ่งเป็นฉากหน้าขององค์กรอาชญากรรม แหล่งซ่องสุมของพวกนอกกฎหมายหลังลาย
มีเป้าหมายเดียว กุมอำนาจรัฐ ปล้นทรัพย์สินแผ่นดินมาแบ่งกัน!
องค์กรตำรวจแห่งชาติส่งตัวแทนไปเป็นผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ตามนโยบายของบักเหลิม “ตำรวจต้องเป็นกลาง แต่ยืนอยู่ข้างรัฐบาล” ถ้าสอบผ่าน ตำรวจจะได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ทำให้การบริหารเมืองหลวงและระดับชาติเป็นไปอย่างราบรื่นเนียนนุ่มละมุนลื่นไหลสะดวก ไร้ตะเข็บรอยต่อทำให้งานสะดุด
แม้จะเป็นวันงานมามาก มาปานกลาง หรือมากระปริบกระปรอย ก็ไม่มีปัญหา มีคำรับรองจากแม่นางโพยแล้วว่าจะทำงานเข้าขากันได้สะดวกบ๊วบ!
ชาวบ้านฟังแล้วขนหัวลุก กลัวว่าความขยันจะทำให้ทั้งผู้นำระดับชาติ และระดับเมืองหลวงทำงานติดพันนัวเนีย ห้ามเพลีย ถ้าพลาดอาจทำให้คะแนนตก ฝ่ายค้านยกจุดอ่อนเป็นข้อโจมตีว่า การทำงานต้องมีจุดหยุดยั้ง อย่าดันทุรังเกิน
เห็นผู้นำรัฐบาล และเสนาบดีโง่เขลาเบาปัญญาแข่งกันแสดงห้าแต้ม ช่วงแรกชาวบ้านทำใจไม่ได้ เป็นฟืนเป็นไฟ ช่วงหลังๆ การแสดงออกถึงภูมิปัญญายิ่งขาดหาย มีแต่พฤติกรรมโชว์โง่ ก็ทำให้รู้สึกปลงเช่นกันถึงสัจธรรมแห่งชีวิต
รัฐบาลหลายแห่งในโลกถูกบริหารจัดการโดยคนฉลาด เผด็จการ ทรราช และสารพัด ทำไมไทยไม่ยึดเป็นจุดแข็ง จุดขาย ประกาศให้โลกรู้ว่าในโลกนี้มีแห่งเดียวซึ่งรัฐบาลประกอบด้วยกลุ่มคนโง่เขลาเบาปัญญาบ้องตื้นเลอะเทอะเฟอะฟะ
เราสามารถรับประกัน และท้าทายไปทั้งโลก ว่าไม่มีชนชาติใด ยอมให้คนโง่ คนโกง คนชั่ว คนเอ๋อ คนบ้องตื้น คนถ่อย คนสารเลวหลากหลาย รวมตัวกันเป็นกลุ่ม แล้วเรียกตัวเองว่าเป็นคณะผู้บริหารประเทศ ดังที่เกิดขึ้นในไทยช่วงกว่า 1 ปี
เพราะเหตุนี้ นักท่องเที่ยวจึงแห่กันเข้ามามากกว่า 21 ล้านคน คงอยากรู้ว่าคำร่ำลือเรื่องคนพกพาความโง่เขลาเบาปัญญาหน้าด้าน หน้าทน ร้อยลิ้นกะลาวน ได้เป็นใหญ่นั้นจริงหรือไม่ คนไทยยังหน้าตาแจ่มใส เป็นสยามเมืองยิ้มอีกเรอะ
ต้องบอกว่า คนไทยแบ่งเป็นหลายกลุ่ม หน้าตาหม่นหมองก็มี หน้าตาขึงขังเคียดแค้น ยิ้มแย้มหัวร่อก็เยอะ มีความหลากหลายเดาอารมณ์ได้ยาก! เช่น บางคนดีใจ ตั้งวงฉลองเมื่อได้คิวซื้อรถโครงการคืนภาษี เงินเลี้ยงอาจจะมากกว่าค่าผ่อนงวดแรก บวกกับเงินประกันภัยและค่าน้ำมัน! แบบนี้เรียกว่ายิ้มรับสภาพหนี้
สถานการณ์เป็นเช่นนี้ รัฐบาลแม่นางโพยจึงเน้นมหกรรมแหกตา สับขาหลอก ยื้ออยู่เพื่อตีกิน ท่ามกลางสัญญาณชัดเจนของความหายนะเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจ การเมือง สังคม หลักการศีลธรรม คุณธรรม จนถึงจุดล่มสลาย
เมื่อเห็นความผยองอำนาจ ก็ใช่ว่าเครือข่ายขี้ข้าบักเหลี่ยมทักษิณจะลิงโลดได้ตลอดไป เมื่อขบวนการแก่งแย่งชิงดีกันยังเป็นไปด้วยความรุ่มร้อน โดยเฉพาะพวกที่ยังไม่รวย แถมยังเสี่ยงต่อการติดคุกตะรางถ้ารัฐบาลปูโพรกต้องมีอันเป็นไป
บอกได้เลยว่าสถานการณ์ขณะนี้เป็นการบ่มเพาะความเกลียดชัง ความไม่พอใจของกลุ่มประชาชนซึ่งสุดทนกับพฤติกรรมโอหังลำพอง โกงกินแบบอหังการ ทั้งยังจะล้มล้างรัฐธรรมนูญ องค์กรของรัฐ เช่นศาล หน่วยงานตรวจสอบ ซึ่งทำตัวเป็นก้างขวางคอของกังฉินและเครือข่ายขี้ข้าบักเหลี่ยมคนหนีคุกไม่ให้เขมือบง่ายๆ
ดูสภาพเหมือนไม่มีแรงต้าน ไม่ว่าเครือข่ายบักเหลี่ยมและรัฐบาลแม่นางโพยจะย่ำยีบ้านเมืองอย่างไร! สภาพราบเรียบบนผิวย่อมปิดคลื่นใต้น้ำ กองไม้ไร้เปลวปะทุใช่ว่าจะไม่มีไฟสุมขอน รอให้ถึงจุดที่ต้องชำระสะสางบ้านเมืองให้พ้นจากขบวนการอัปปรีย์กังฉินกินเมือง! ต้องระวังพวกเดียวกันจะแทงข้างหลังด้วย
ขบวนการบักเหลี่ยมมองว่าฝ่ายต้านไร้เงิน ไร้พลัง แตกเป็นกลุ่มเล็กย่อย แต่คงไม่รู้ว่ากลุ่มเหล่านี้ผูกติดเชื่อมกันโดยพันธะเดียวกัน คือ ความรักชาติ ห่วงบ้านเมือง ด้วยความตระหนักว่า ถ้าปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ คนไทยจะไร้แผ่นดิน
น่าเสียดายยังมีคนไทยนิ่งดูดาย ไม่ใส่ใจปัญหาบ้านเมือง โดนโกง ย่ำยี รีดนาทาเร้นผ่านนโยบายต่างๆ ก็ยังเฉย ผิดจากความเป็นคนมีสัญชาตญาณการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด ไม่ใช่เป็นเหยื่อลัทธินิยมความพ่ายแพ้แลกเงินไม่กี่ร้อยบาทก็พอใจ
บักเหลี่ยมประกาศว่าปีนี้จะเป็นปีตัดสินระหว่างอำนาจ 2 ฝ่าย! การพูดเช่นนั้นเท่ากับเร่งประกาศชัยชนะ เตือนข้าราชการให้รีบยอมสยบก่อนจะสาย โดยลืมไปว่าทุกวันนี้มีทั้งเงิน อำนาจล้นประเทศ ก็ยังไม่มีปัญญากลับมาบ้านได้
ตัวข้าก็มั่นใจ! รบกับคนชั่วมาหลายยุค ข้าก็ยังไม่เคยแพ้เหมือนกันโว้ย!!
รัฐไทยภายใต้รัฐบาลแม่นางโพยเป็นเพียงหุ่นเชิด กุมอำนาจรัฐ จัดการแบ่งปันผลประโยชน์ในกลุ่มหุ้นส่วนซึ่งประกอบเป็นองค์กรอาชญากรรมการเมือง มีอำนาจรัฐ อำนาจเถื่อน กองกำลังใต้ดิน กุ๊ย นักรับจ้างระรานตีหัวฝ่ายตรงข้าม
ย้ำอีกครั้ง ประเทศส่วนใหญ่ในโลก เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ มีรัฐบาลเป็นรูปร่าง องค์กร องคาพยพชัดเจน ต่างจากรัฐบาลแม่นางโพยซึ่งเป็นฉากหน้าขององค์กรอาชญากรรม แหล่งซ่องสุมของพวกนอกกฎหมายหลังลาย
มีเป้าหมายเดียว กุมอำนาจรัฐ ปล้นทรัพย์สินแผ่นดินมาแบ่งกัน!
องค์กรตำรวจแห่งชาติส่งตัวแทนไปเป็นผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ตามนโยบายของบักเหลิม “ตำรวจต้องเป็นกลาง แต่ยืนอยู่ข้างรัฐบาล” ถ้าสอบผ่าน ตำรวจจะได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ทำให้การบริหารเมืองหลวงและระดับชาติเป็นไปอย่างราบรื่นเนียนนุ่มละมุนลื่นไหลสะดวก ไร้ตะเข็บรอยต่อทำให้งานสะดุด
แม้จะเป็นวันงานมามาก มาปานกลาง หรือมากระปริบกระปรอย ก็ไม่มีปัญหา มีคำรับรองจากแม่นางโพยแล้วว่าจะทำงานเข้าขากันได้สะดวกบ๊วบ!
ชาวบ้านฟังแล้วขนหัวลุก กลัวว่าความขยันจะทำให้ทั้งผู้นำระดับชาติ และระดับเมืองหลวงทำงานติดพันนัวเนีย ห้ามเพลีย ถ้าพลาดอาจทำให้คะแนนตก ฝ่ายค้านยกจุดอ่อนเป็นข้อโจมตีว่า การทำงานต้องมีจุดหยุดยั้ง อย่าดันทุรังเกิน
เห็นผู้นำรัฐบาล และเสนาบดีโง่เขลาเบาปัญญาแข่งกันแสดงห้าแต้ม ช่วงแรกชาวบ้านทำใจไม่ได้ เป็นฟืนเป็นไฟ ช่วงหลังๆ การแสดงออกถึงภูมิปัญญายิ่งขาดหาย มีแต่พฤติกรรมโชว์โง่ ก็ทำให้รู้สึกปลงเช่นกันถึงสัจธรรมแห่งชีวิต
รัฐบาลหลายแห่งในโลกถูกบริหารจัดการโดยคนฉลาด เผด็จการ ทรราช และสารพัด ทำไมไทยไม่ยึดเป็นจุดแข็ง จุดขาย ประกาศให้โลกรู้ว่าในโลกนี้มีแห่งเดียวซึ่งรัฐบาลประกอบด้วยกลุ่มคนโง่เขลาเบาปัญญาบ้องตื้นเลอะเทอะเฟอะฟะ
เราสามารถรับประกัน และท้าทายไปทั้งโลก ว่าไม่มีชนชาติใด ยอมให้คนโง่ คนโกง คนชั่ว คนเอ๋อ คนบ้องตื้น คนถ่อย คนสารเลวหลากหลาย รวมตัวกันเป็นกลุ่ม แล้วเรียกตัวเองว่าเป็นคณะผู้บริหารประเทศ ดังที่เกิดขึ้นในไทยช่วงกว่า 1 ปี
เพราะเหตุนี้ นักท่องเที่ยวจึงแห่กันเข้ามามากกว่า 21 ล้านคน คงอยากรู้ว่าคำร่ำลือเรื่องคนพกพาความโง่เขลาเบาปัญญาหน้าด้าน หน้าทน ร้อยลิ้นกะลาวน ได้เป็นใหญ่นั้นจริงหรือไม่ คนไทยยังหน้าตาแจ่มใส เป็นสยามเมืองยิ้มอีกเรอะ
ต้องบอกว่า คนไทยแบ่งเป็นหลายกลุ่ม หน้าตาหม่นหมองก็มี หน้าตาขึงขังเคียดแค้น ยิ้มแย้มหัวร่อก็เยอะ มีความหลากหลายเดาอารมณ์ได้ยาก! เช่น บางคนดีใจ ตั้งวงฉลองเมื่อได้คิวซื้อรถโครงการคืนภาษี เงินเลี้ยงอาจจะมากกว่าค่าผ่อนงวดแรก บวกกับเงินประกันภัยและค่าน้ำมัน! แบบนี้เรียกว่ายิ้มรับสภาพหนี้
สถานการณ์เป็นเช่นนี้ รัฐบาลแม่นางโพยจึงเน้นมหกรรมแหกตา สับขาหลอก ยื้ออยู่เพื่อตีกิน ท่ามกลางสัญญาณชัดเจนของความหายนะเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจ การเมือง สังคม หลักการศีลธรรม คุณธรรม จนถึงจุดล่มสลาย
เมื่อเห็นความผยองอำนาจ ก็ใช่ว่าเครือข่ายขี้ข้าบักเหลี่ยมทักษิณจะลิงโลดได้ตลอดไป เมื่อขบวนการแก่งแย่งชิงดีกันยังเป็นไปด้วยความรุ่มร้อน โดยเฉพาะพวกที่ยังไม่รวย แถมยังเสี่ยงต่อการติดคุกตะรางถ้ารัฐบาลปูโพรกต้องมีอันเป็นไป
บอกได้เลยว่าสถานการณ์ขณะนี้เป็นการบ่มเพาะความเกลียดชัง ความไม่พอใจของกลุ่มประชาชนซึ่งสุดทนกับพฤติกรรมโอหังลำพอง โกงกินแบบอหังการ ทั้งยังจะล้มล้างรัฐธรรมนูญ องค์กรของรัฐ เช่นศาล หน่วยงานตรวจสอบ ซึ่งทำตัวเป็นก้างขวางคอของกังฉินและเครือข่ายขี้ข้าบักเหลี่ยมคนหนีคุกไม่ให้เขมือบง่ายๆ
ดูสภาพเหมือนไม่มีแรงต้าน ไม่ว่าเครือข่ายบักเหลี่ยมและรัฐบาลแม่นางโพยจะย่ำยีบ้านเมืองอย่างไร! สภาพราบเรียบบนผิวย่อมปิดคลื่นใต้น้ำ กองไม้ไร้เปลวปะทุใช่ว่าจะไม่มีไฟสุมขอน รอให้ถึงจุดที่ต้องชำระสะสางบ้านเมืองให้พ้นจากขบวนการอัปปรีย์กังฉินกินเมือง! ต้องระวังพวกเดียวกันจะแทงข้างหลังด้วย
ขบวนการบักเหลี่ยมมองว่าฝ่ายต้านไร้เงิน ไร้พลัง แตกเป็นกลุ่มเล็กย่อย แต่คงไม่รู้ว่ากลุ่มเหล่านี้ผูกติดเชื่อมกันโดยพันธะเดียวกัน คือ ความรักชาติ ห่วงบ้านเมือง ด้วยความตระหนักว่า ถ้าปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ คนไทยจะไร้แผ่นดิน
น่าเสียดายยังมีคนไทยนิ่งดูดาย ไม่ใส่ใจปัญหาบ้านเมือง โดนโกง ย่ำยี รีดนาทาเร้นผ่านนโยบายต่างๆ ก็ยังเฉย ผิดจากความเป็นคนมีสัญชาตญาณการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด ไม่ใช่เป็นเหยื่อลัทธินิยมความพ่ายแพ้แลกเงินไม่กี่ร้อยบาทก็พอใจ
บักเหลี่ยมประกาศว่าปีนี้จะเป็นปีตัดสินระหว่างอำนาจ 2 ฝ่าย! การพูดเช่นนั้นเท่ากับเร่งประกาศชัยชนะ เตือนข้าราชการให้รีบยอมสยบก่อนจะสาย โดยลืมไปว่าทุกวันนี้มีทั้งเงิน อำนาจล้นประเทศ ก็ยังไม่มีปัญญากลับมาบ้านได้
ตัวข้าก็มั่นใจ! รบกับคนชั่วมาหลายยุค ข้าก็ยังไม่เคยแพ้เหมือนกันโว้ย!!
