คนไทยส่วนใหญ่คงยังไม่รู้ หรือรู้แต่เฉย ว่าประเทศของเราเผชิญความเสี่ยงอย่างไม่เคยเกิดก่อน เป็นภัยจากเครือข่ายนักการเมือง กลุ่มพรรคการเมือง เป็นเหมือนการรวมตัวขององค์กรอาชญากรรมขนาดต่างๆ มุ่งยึดครองแผ่นดินไทย ล้มล้างสถาบันต่างๆ เร่งรีบแปลงทรัพย์สินของรัฐให้เป็นของตัวเอง
พฤติกรรมบ่อนทำลายชาติอย่างเป็นระบบ อยู่ภายใต้เครือข่ายการเมืองของบักเหลี่ยมร้าย ซึ่งกุมอำนาจรัฐ และกระจายพลังไปทั่วทั้งแผ่นดินผ่านองค์กรของราชการในภูมิภาค ทั้ง อบจ. อบต. ลึกจนถึงระดับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หัวคะแนน ผู้มีอิทธิพล มาเฟีย นักเลงท้องถิ่นใช้อำนาจเถื่อนคุกคามคนรักชาติ
การบ่อนทำลายชาติ เริ่มต้นจากการใช้เงินอย่างเป็นระบบ ทุ่มซื้อเสียงผ่านเครือข่ายทุกระดับเพื่อกุมอำนาจรัฐ จากนั้นใช้อำนาจรัฐเปลี่ยนโครงสร้าง นโยบายต่างๆ เพื่อให้โครงสร้าง องค์กรของรัฐอ่อนแอ ส่งตัวแทนเข้าไปบริหารจัดการ และกำหนดแนวทางทุจริตเชิงนโยบายเพื่อการคอร์รัปชั่นเต็มรูปแบบ
ที่ผ่านมา เราเห็นการขายทรัพย์สินของรัฐ สัมปทาน โดยอำนาจภายไต้รัฐบาลบักเหลี่ยมร้าย ซึ่งใช้อิทธิพลในรูปแบบต่างๆ ผ่านรัฐบาลตัวแทน นอมินี ใช้กองกำลังเถื่อน มวลชนแนวคิดรุนแรงคุกคามฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งการใช้อาวุธก่อการร้าย เข้ากุมอำนาจรัฐอีกครั้งโดยรัฐบาลแม่นางโพยปูโพรกเน่าใน
ก่อนหน้านั้นเราเห็นการใช้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคบ่อนทำลายโครงสร้างบริการสาธารณสุขภาครัฐ ใช้หุ้นส่วนเครือข่ายภาคเอกชนซื้อกิจการโรงพยาบาลเอกชนให้ไทยเป็นศูนย์บริการสุขภาพในภูมิภาคเอเชีย เปิดการบินเสรีให้การบินไทยอ่อนแอ ยุบ รสพ. ให้เอกชนฮุบที่ดินผืนใหญ่ ยุบการเดินเรือ
มายุคนี้ การบ่อนทำลายชาติ ทำอย่างจริงจัง เป็นรูปธรรม มีทั้งความพยายามขายชาติอย่างไม่ต้องปิดบังเหนียมอาย โดยเฉพาะความพยายามยกแผ่นดินไทยให้กัมพูชาโดยยกข้อพิพาทแนวชายแดนสืบต่อเนื่องจากคดีปราสาทพระวิหาร โดยเครือข่ายบักเหลี่ยมและต่างชาติจะฮุบความมั่งคั่งของทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย ซึ่งมีแหล่งสำรองปิโตรเลียมมหาศาล
เรื่องนี้อยู่ในขั้นเกือบสำเร็จ จะเห็นได้ชัดว่ากองทัพไทยยอมอ่อนข้อให้กัมพูชาภายไต้คำสั่งการเมือง สูญเสียอำนาจต่อรอง เสียเปรียบในคดีในศาลโลก และมีความเสี่ยงว่าประเทศไทยต้องเสียดินแดนและเกียรติภูมิย่อยยับ เป็นยุคของคำพูดว่านักการเมืองไทยขายชาติตัดแผ่นดินเอาเขยจากกัมพูชา
นโยบายรับจำนำข้าวเป็นการบ่อนทำลายชาติอย่างชัดเจน ทำอย่างไม่หวั่นเกรง ผลที่เห็นคือประเทศไทยได้ใช้นโยบาย ซื้อข้าวแพงจากจากชาวนามาเก็บไว้ ทำให้ไทยต้องเสียตำแหน่งผู้ส่งออกข้าวจากอันดับหนึ่งครองมาหลายสิบปีมาอยู่อันดับที่ 3 รองจากอินเดียและเวียดนามอย่างน่าอนาถ
แม้ชาวนาจะได้ประโยชน์จากด้านราคามาก แต่นักการเมืองเครือข่ายบักเหลี่ยมได้กอบโกยเงินจำนวนมหาศาลหลายหมื่นล้านบาทจากการเอาข้าวจากโกดังไปขายได้เงินส่วยต่างจากโรงสี แบ่งกันกินมั่งคั่งอย่างเป็นระบบ
ผลเสียคือ จำนวนข้าวค้างอยู่ในโกดังจำนวนมหาศาล ขายไม่ออก ลูกค้าต่างประเทศต่างหันไปซื้อจากอินเดีย เวียดนาม พม่า ปีที่ผ่านมายอดขายข้าวของไทยลดลงกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ ขาดรายได้เพื่อรับซื้อข้าวในฤดูกาลใหม่
ผลกระทบต่อเนื่องคือ คุณภาพข้าวค้างโกดังเสียหาย ไม่มีพื้นที่รับซื้อข้าวจากฤดูใหม่ได้ ไม่มีเงินซื้อข้าวอีก ธนาคาร ธกส. ขาดเงินซื้อ รัฐบาลไม่ยอมชดใช้คืนให้ โดยอ้างว่าไม่มีขีดความสามารถในการกู้เงินเพิ่มเพราะติดระดับเพดานหนี้ ทำให้ ธกส. ขาดสภาพคล่อง ต้องรับภาระหนักด้านการดำเนินงาน
กระทรวงการคลังสิ้นสภาพที่จะช่วยเหลือ กระทรวงพาณิชย์บอกว่าไม่ใช่เรื่อง แม่นางโพยปูโพรกก็ยังเดินแอ่นระแน้ เด้งหน้าเด้งหลัง ยิ้มสู้โลก หาเรื่องใหม่ๆ มาตบตา และแหกตาชาวบ้าน ช่วงนี้วุ่นกับการควงหนุ่มหล่อเดินสายหาเสียงชิงเก้าอี้ผู้ว่า กทม. ทั้งๆ ที่บ้านเมืองเสี่ยงต่อความล่มจม
เงินบาทแข็งค่าอย่างประหลาด เป็นแผนชั่วร้ายของฝรั่งหัวดำตาตี่ตาหยีหรือไม่ ต้องรอดูผลอีกสักพัก! แต่นโยบายรับจำนำข้าวยังมีผลชั่วร้ายแฝงเร้นอีกมากมาย นอกจากบ่อนทำลายการค้าข้าวไทย คุณภาพข้าวที่ชาวนาเร่งปลูกจะตกต่ำ จำนำได้แต่รัฐบาล แต่ไม่สามารถรับเงินได้ เพราะเงินไม่มีซื้ออีกแล้ว
ผลสุดท้าย ธกส. จะขาดสภาพคล่อง นักการเมืองจะอ้างว่าจำเป็นต้องแปรรูปเพื่อระดมทุนใหม่ จะซ้ำรอยเดิมเหมือน ปตท. แต่ที่น่าห่วงคือ ธกส. ถือโฉนดจากการจำนองโดยชาวนาและกลุ่มเกษตรกรต่างๆ มีที่ดินหลายล้านไร่และถ้าเสียสิทธิการไถ่ถอน นั่นคือโอกาสฮุบที่ดินโดยนายทุนผู้ถือหุ้น ไม่ต่างจากการขายทรัพย์สินจากการเสียอธิปไตยเศรษฐกิจหลังจากลดค่าเงินบาท
แผ่นดินไทยตกอยู่ภายไต้การถือครองของต่างชาติกว่า 100 ล้านไร่ ถ้า ธกส. หมดสภาพ นั่นคือที่ดินการเกษตรจะเป็นของนายทุน และกำหนดนโยบายการเกษตร การเพาะปลูกอาหาร การกำหนดราคาในอนาคต คนไทยต้องเป็นทาสของห่วงโซ่อาหาร ยอมซื้อข้าวและสินค้าเกษตรในสภาวะจำยอม
นโยบายค่าแรง 300 บาทคือการบีบให้โรงงานต่างๆ ปิดตัวในไทยเพื่อย้ายไปโครงการทวาย ซึ่งเครือข่ายธุรกิจบักเหลี่ยมกำลังใช้อำนาจรัฐบาลปูโพรกและอำนาจมืด ร่วมมือนักการเมืองพม่าบีบซื้อหุ้นจากกลุ่มอิตาเลียน-ไทย
เครือข่ายองค์กรอาชญากรรมบักเหลี่ยมหนีคุกกุมอำนาจรัฐ คุมตำรวจ ทหาร อัยการ องค์กรอิสระบางระดับ สภาผู้แทนฯ วุฒิสภาบางโอกาส องค์กรภาครัฐในภาคชนบท มีมวลชนเสื้อแดง กองกำลังติดอาวุธเถื่อน ในการยึดครองเพื่อบ่อนทำลายโครงสร้างประเทศไทยให้อ่อนแอเพื่อยึดครองในที่สุด
น่าเสียดาย คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสได้รับรู้ สื่อหลักทำตัวเป็นขี้ข้าบักเหลี่ยม หรือพวกที่รู้แล้วทำตัวเพิกเฉย ถือว่าธุระไม่ใช่ ถือว่าการรักชาติเป็นภารกิจของนักสร้างกิจกรรม ใครจะไปมา อย่าให้ตัวเองเดือดร้อนก็พอใจ
นี่คือสภาวะที่องค์กรอาชญากรรมกุมอำนาจรัฐ คนไทยในเข่งเหมือนไก่จิกกัน หรืออยู่นอกเข่งจะหนีจากสภาพของการเป็นขี้ข้าทักษิณไม่รอดในที่สุด
เมื่อไหร่จะตาสว่าง ต่อมรักชาติทำงาน และร่วมใจลุกฮือต่อสู้?!!