บุรีรัมย์ - “กษิต” อดีต รมว.ต่างประเทศไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลพม่าให้ “นช.ทักษิณ” เข้าประเทศ และพักค้างคืนที่ฝั่ง “ท่าขี้เหล็ก” ติดชายแดน จ.เชียงราย เพื่อมาพบปะแกนนำแก๊งแดง และนักธุรกิจไทย ชี้อาจเกิดผลกระทบฐานะประเทศใกล้ชิด และสมาชิกอาเซียน พร้อมเตือนรัฐบาล และ “นายกฯ ปู” ไปทำอะไรเกี่ยวข้องกับนักโทษหนีคดี เข้าข่ายความผิดทั้งกฎหมาย และศีลธรรม
วันนี้ (4 พ.ย.) นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังเดินทางมาร่วมเปิดเวทีประชาชน เดินหน้าผ่าความจริง ที่ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาที่ประเทศพม่าในวันที่ 8 พ.ย.นี้ เพื่อเข้าคาราวะ พล.อ.เต็ง เส็ง ประธานาธิบดีพม่า ที่กรุงเนปิดอร์ เมืองหลวงของประเทศพม่า ก่อนเดินทางมาพักค้างคืนที่เมืองท่าขี้เหล็ก ติดชายพม่า-ไทย ด้าน อ.แม่สาย จ. เชียงราย เพื่อมาพบปะแกนนำ กลุ่มคนเสื้อแดง ประชาชนผู้สนับสนุน และนักธุรกิจไทยว่า
ไม่ทราบว่ารัฐบาลพม่ามีการตัดสินใจอย่างไร เพราะพม่าก็ทราบดีถึงสถานะของ อดีตนายกฯ ทักษิณ ว่ามีคนไทยมีทั้งสนับสนุน และไม่สนับสนุนที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบเพราะช่วงที่ผ่านมาที่ประเทศพม่ามีปัญหาภายในประเทศ รัฐบาลไทยก็ไม่เคยสนับสนุนให้นักการเมืองพม่าเข้าใช้ประเทศไทยเป็นเวทีระหว่างประเทศ พม่าควรคำนึงถึงเรื่องนี้เพราะมีหลักปฏิบัติในฐานะเป็นประเทศใกล้ชิดกันมากที่สุด และในกรอบต่างฝ่ายต่างเป็นสมาชิกอาเซียน
ที่สำคัญ พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำอะไรหรือไม่ทำอะไรนั้นมันเชื่อมโยงกับรัฐบาล นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงขอวิงวอนพร้อมเตือนรัฐบาล และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า ทำอะไรที่ไปเกี่ยวกับนักโทษที่หนีคดี จะเข้าข่ายความผิดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และค่อนข้างจะผิดศีลธรรมด้วย ไม่ใช่แต่เพียงจะผิดกฎหมายเท่านั้น
นายกษิต กล่าวอีกว่า การปรับ ครม. นายกฯ ปู 3 ไม่ว่ารัฐมนตรีจะเป็นใครมาอย่างไร เชื่อว่าไม่ได้มาทำงานให้ประเทศไทย ยิ่งจะทำให้ห่างไกลข้อเรียกร้องของสังคมไทยที่อยากจะเห็นสังคมที่มีความทัดเทียม ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับอุดมการณ์ที่ว่าด้วยความทัดเทียม หากอยากจะเข้ามารับใช้ประเทศแล้วไม่ต้องหวังตำแหน่ง เพราะเชื่อว่าการทำงานการเมืองจริงๆ แล้วไม่ต้องมีรางวัล